พนักงานผู้นั้นพาตัวซือหม่าโยวฉิงจากไปแล้วก็มีพนักงานคนอื่นเข้ามาในทันทีพลางถามว่า “พวกท่านต้องการความช่วยเหลืออันใดหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราไปดูรอบๆ เองก็ได้”
“ขอรับ หากต้องการความช่วยเหลืออะไรก็เรียกพวกเราได้เลยนะขอรับ” พอพูดจบ พนักงานผู้นั้นก็ถอยไปอีกทางอย่างมีมารยาท
“สิ่งของที่นี่มีมากกว่าแถมยังดีกว่าที่เมืองผิงคังอีก” เจ้าอ้วนชวีมองดูสิ่งของละลานตาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ไปดูกันดีกว่าว่ามีของที่ตัวเองชอบหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้เลย”
ทุกคนแยกย้ายกันไปหาสิ่งของที่ตนต้องการ
ไม่นานนัก พวกซือหม่าโยวหยางก็เข้ามาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นพวกเจ้าอ้วนชวีที่กำลังวนเวียนอยู่ตรงหน้ากองสิ่งของ สีหน้าของพี่น้องซือหม่าโยวเจ๋อและพวกหั่วจือเจียวก็กลายเป็นไม่น่าดูอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวหยางพาหั่วจือเหยียนผ่านพวกเว่ยจือฉีขึ้นไปชั้นบน ดูเหมือนว่าคงจะมีสิ่งของที่ต้องการซื้อเช่นเดียวกัน
พวกหั่วจือเจียวไม่ได้ขึ้นไป พอเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเขาก็ไม่อยากขึ้นไปแล้ว
“คนบ้านนอก พวกเจ้ามีเงินมาซื้อของที่นี่ด้วยหรือ” หั่วจือเจียวเดินเข้าไปแล้วมองพวกเขาที่วนเวียนอยู่แถวสิ่งของราคาถูกอย่างดูแคลน
“มีเงินหรือไม่มีแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า” เจ้าอ้วนชวีแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “หรือว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหั่วอย่างเจ้ายังเป็นผู้จัดการดูแลที่นี่ด้วย”
“เฮอะ นี่ข้ากำลังเตือนเจ้าอยู่ต่างหากเล่า อย่าเลือกของที่ไม่มีปัญญาจ่าย จะอายเขาเสียเปล่าๆ” หั่วจือเจียวหัวเราะอย่างเย็นชา รอชมเรื่องน่าขันของพวกเขา
ในขณะนี้เอง เป่ยกงถังก็โบกมือเรียกพนักงานมาแล้วเอ่ยว่า “ที่นี่รับซื้อยาวิเศษหรือไม่”
“ขอรับ คุณหนูต้องการขายยาวิเศษหรือขอรับ” พนักงานเอ่ยถาม
“อืม เมื่อครู่คุณหนูตระกูลหั่วเตือนข้าว่าถ้าหากไม่มีเงิน พอถึงเวลาก็จะขายหน้าผู้อื่นเสียเปล่าๆ ก็เลยจะแลกเปลี่ยนของเป็นเงินสักหน่อยก่อนดีกว่า” เป่ยกงถังพูด
พวกซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเป่ยกงถังทำเช่นนี้ ก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้โมโหเสียแล้ว จึงรอดูว่านางจะฉีกหน้าหั่วจือเจียวอย่างไร
“เช่นนั้นพวกเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า เชิญคุณหนูตามข้ามาขอรับ” พนักงานพูด
“ได้สิ” เป่ยกงถังพยักหน้าแต่กลับไม่เดินไป
“อย่าเพิ่ง พวกเรายังไม่เคยเห็นผู้อื่นขายยาวิเศษว่าเป็นเช่นไรมาก่อนเลย!” ซือหม่าโยวอีพูด
“ก็ใช่ ถ้าหากเจ้ามียาวิเศษแค่เม็ดสองเม็ด ก็ไม่จำเป็นต้องไปหรอกนะ” ซือหม่าโยวเจ๋อก็เห็นด้วย
“เป่ยกง มิสู้เจ้าอยู่ที่นี่เสียดีกว่า พวกเราก็ขี้เกียจขึ้นไปแล้วล่ะ” เจ้าอ้วนชวีพูด “มิฉะนั้นผู้อื่นจะคิดว่าเจ้าทำไปเพื่อยาวิเศษเม็ดสองเม็ดจริงๆ นะ”
“คนกันเองอย่างพวกเจ้ายังพูดเช่นนี้ แล้วจะขึ้นไปทำไมกันเล่า!”
พวกเขาแน่ใจว่าพวกเป่ยกงถังเป็นพวกบ้านนอกคอกนา ในตัวจะต้องมียาวิเศษอยู่เพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้พวกเขาอยู่ขายหน้าคนอื่นข้างล่าง
เป่ยกงถังมองทั้งสามปราดหนึ่งแล้วเอ่ยกับพนักงานว่า “ในเมื่อทุกคนต่างก็อยากเห็น เช่นนั้นก็ตกลงซื้อขายกันที่นี่เลยแล้วกัน”
พนักงานไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ เขาเอ่ยว่า “คุณหนูท่านนี้ ที่นี่พวกเราให้ราคายาวิเศษขั้นหนึ่งเม็ดละสามสิบตำลึงทอง ยาวิเศษขั้นสองเม็ดละหกสิบตำลึงทอง ยาวิเศษขั้นสามเม็ดละหนึ่งร้อยตำลึงทอง ยาวิเศษขั้นสี่เม็ดละสามร้อยตำลึงทอง แต่ถ้าหากเป็นยาที่มีความพิเศษ ราคาก็จะไม่ถูกจำกัดโดยระดับขั้นขอรับ”
เป่ยกงถังพยักหน้า นับว่าราคาสมเหตุสมผล ไม่ขูดเลือดขูดเนื้อจนเกินไป
หลังจากนั้นพนักงานก็นำนางมาตรงหน้าโต๊ะยาว หมายจะให้นางวางยาวิเศษลงบนนั้น แต่เป่ยกงถังกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “โต๊ะแค่นี้ไม่พอให้ข้าวางหรอก”
เสียงของนางเบามาก แต่กลับทำให้ผู้คนในที่นั้นหัวใจสั่นสะท้าน
โต๊ะยาวเช่นนี้ก็ไม่พอให้วางอย่างนั้นหรือ นางมิได้มีเพียงแค่สองสามเม็ดหรือไร
พนักงานสะดุ้งคราหนึ่งก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ด้านข้าง
“นี่ เจ้าจะมียาวิเศษมากมายถึงเพียงนั้นเลยหรือไร เจ้าเป็นนักหลอมยากับเขาด้วยอย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้เห็นไม่เคยได้ยินเรื่องนักหลอมยาบ้านนอกมาก่อนเลย” ซือหม่าโยวเจ๋อพูด
“เป็นหรือไม่เป็นแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า เจ้ากินอิ่มเกินไปจนไม่มีอะไรทำ ต้องมาจุ้นจ้านกับเรื่องของคนทั้งโลกเลยหรืออย่างไร” เป่ยกงถังตะคอกใส่อย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“เจ้า!” ซือหม่าโยวเจ๋อโมโหจนเท้ากระดกขึ้น เขาชี้หน้าเป่ยกงถังด้วยแววตาเดือดดาล
“ทำไม ข้าพูดไม่ถูกต้องหรือ” เป่ยกงถังหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าจะใช่นักหลอมยาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเลยแม้แต่ปลายขน แล้วเจ้าจะมาลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนั้นทำไมกันเล่า!”
ซือหม่าโยวฉิง ซือหม่าโยวหยาง และหั่วจือเหยียนเดินลงมาจากด้านบน เมื่อเห็นสถานการณ์ตึงเครียดเบื้องล่างแล้วจึงส่งเสียงถามว่า “มีเรื่องอะไรกันหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณหนูหั่วบอกว่าพวกเราไม่มีเงินมาใช้จ่ายที่นี่ เป่ยกงจึงอยากขายยาวิเศษแลกเงิน เพื่อเลี่ยงไม่ให้คุณหนูหั่วหัวเราะเยาะว่าไม่มีเงิน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเรียบเรื่อย
หั่วจือเหยียนและซือหม่าโยวหยางเป็นพวกเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เมื่อได้ยินวาจานี้ของซือหม่าโยวเย่ว์ก็พอจะเดาได้รางๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น หั่วจือเจียวและซือหม่าโยวเจ๋อจะต้องล่วงเกินพวกซือหม่าโยวเย่ว์อีกแล้วอย่างแน่นอน
ในขณะนี้เอง สาวใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามาที่ข้างโต๊ะยาว นางโบกมือคราหนึ่ง โต๊ะยาวหนึ่งเมตร กว้างสองเมตรตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
จากพนักงานของพวกเขาจึงเอ่ยว่า “คุณหนู โต๊ะเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ ขอเชิญหยิบยาวิเศษของท่านออกมาได้เลย”
เป่ยกงถังเดินเข้ามาแล้วโบกมือคราหนึ่ง ยาวิเศษกว่าพันขวดจึงปรากฏขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ผู้คนในที่นั้นตื่นตะลึงขึ้นมาในทันใด
เมื่อครู่พวกซือหม่าโยวเจ๋อพูดว่าก็แค่ยาวิเศษเม็ดสองเม็ดเท่านั้น นี่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง ทั้งยังตบเสียฉาดใหญ่อีกด้วย
พนักงานผู้นั้นก็สะดุ้งคราหนึ่งเช่นกัน หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “คุณหนู ยาวิเศษมากมายถึงเพียงนี้ พวกเราจำเป็นต้องคำนวณให้ละเอียดสักครู่หนึ่งก่อนนะขอรับ”
“ได้สิ” เป่ยกงถังหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมานั่งลงโดยไม่พูดอะไรอีก
พนักงานรีบกวักมือ เรียกอีกหลายคนมานับยาวิเศษเหล่านี้โดยละเอียด
“คุณหนู ทั้งหมดนี้มียาวิเศษขั้นหนึ่งหนึ่งพันหนึ่งร้อยเม็ด ยาวิเศษขั้นสองแปดร้อยเม็ด ยาวิเศษขั้นสามแปดร้อยเม็ด แล้วก็มียาวิเศษขั้นสี่สองร้อยเม็ดด้วยขอรับ” พนักงานเก็บยาวิเศษบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วจึงแจ้งจำนวนที่นับโดยละเอียดให้พวกเขาทราบ
เมื่อได้ยินจำนวนยา ผู้คนในที่นั้นก็สูดปากดังเฮือกอย่างตกใจ ถ้าหากเป็นสมาชิกของตระกูลทั่วไปก็คงมิได้มียาวิเศษมากมายเช่นนี้กระมัง นอกจากนักหลอมยาแล้ว ใครจะมียาวิเศษติดตัวมากมายเช่นนี้กันเล่า
ซือหม่าโยวหยางมองเป่ยกงถังอย่างจนคำพูด เขาที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลซือหม่ายังมียาวิเศษติดตัวเพียงแค่ร้อยกว่าเม็ดเท่านั้น แต่คนผู้นี้เพียงคนเดียวกลับมีอยู่มากมายถึงเพียงนี้ การเป็นนักหลอมยามันดีเช่นนี้นี่เอง!
“เช่นนั้นเอายาวิเศษของข้ามาขายด้วยเลยแล้วกัน เก็บไว้ในแหวนก็กินที่เปล่าๆ!” โอวหยางเฟยเดินเข้ามาแล้วโบกมือคราหนึ่ง บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยขวดหยกอีกครั้ง
คราวนี้ทุกคนต่างก็ตะลึงลาน แม้กระทั่งโอวหยางเฟยก็ยังเป็นนักหลอมยาด้วย ก่อนหน้านี้ยังพูดอยู่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน ตอนนี้จึงได้รู้ว่าพวกเขามีเงินมากกว่าพวกตนเสียอีก
ถึงแม้ว่าพวกซือหม่าโยวเจ๋อทั้งสามคนจะตกใจกับยาวิเศษของพวกเป่ยกงถัง แต่กลับมิได้ใส่ใจอะไรมากนัก ก็แค่นักหลอมยาคนหนึ่งเท่านั้น ตระกูลของพวกเขาก็มีนักหลอมยาอยู่หลายคนเหมือนกัน
แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีนักหลอมยาโผล่มาถึงสองคน นอกจากนี้ยังเป็นนักหลอมยาขั้นสี่อีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพวกโยวเย่ว์ยังดูอายุน้อยกว่าพวกตนเสียอีก หากมีเวลามากกว่านี้ ทักษะการหลอมยาของพวกเขาจะไปได้ไกลขนาดไหน!
พนักงานเหล่านั้นเริ่มต้นนับยาวิเศษชุดที่สองโดยละเอียดอีกครั้ง ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงนับเสร็จ เพราะมีจำนวนมากกว่าเป่ยกงถังหลายร้อยเม็ด
“ไอ้หยา พวกเจ้าเอาของมาขายกันหมด ข้าก็จัดการพื้นที่แหวนเก็บวัตถุของข้าด้วยดีกว่า” เจ้าอ้วนชวีก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ที่นี่รับซื้ออาวุธวิญญาณหรือไม่”
พนักงานพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “รับซื้อขอรับ”
“เยี่ยมเลย ข้าก็ขายของแลกเงินมาซื้อของด้วยดีกว่า เงินที่เก็บมาไม่พอ!” เจ้าอ้วนชวีพูดจบก็มาที่ข้างโต๊ะแล้วโบกมือคราหนึ่ง อาวุธวิญญาณกว่าร้อยชิ้นจึงปรากฏขึ้นบนโต๊ะ เพราะพื้นที่ไม่พอ จึงมีส่วนหนึ่งวางบนพื้นด้วย
…………………………………….