“นักหลอมวัตถุ!” มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
ลูกค้าในร้านให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางนี้อยู่ตั้งแต่แรก พวกเขาเริ่มทยอยล้อมวงกันเข้ามาตั้งแต่ตอนที่เป่ยกงถังต้องการขายยาวิเศษแล้ว
การได้พบนักหลอมยาขั้นสี่ถึงสองคนก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว ตอนนี้ยังมีนักหลอมวัตถุโผล่มาอีกคนด้วย
กลุ่มคนเช่นนี้น่ะหรือจะไม่มีเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ พวกเขาขายยาวิเศษและอาวุธวิญญาณต่อหน้าธารกำนัล ก็เพื่อฉีกหน้าพวกซือหม่าโยวเจ๋อทั้งสามคนเท่านั้นเอง
ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เงียบงันไร้เสียง มีเพียงเสียงนับเลขเบาๆ ของคนที่นับอาวุธวิญญาณสองคนเท่านั้น
เสี่ยวถูเอนพิงอยู่ข้างกายเป่ยกงถังพลางเอ่ยกับเว่ยจือฉีว่า “พี่จือฉี ท่านไม่มียาวิเศษและอาวุธวิญญาณมาขายบ้างหรือ!”
ทุกคนได้ยินเสี่ยวถูเอ่ยปาก หัวใจก็ลอยมาแขวนอยู่บนคอหอย พอฟังคำพูดของเขาจบ หัวใจที่แขวนลอยอยู่ก็ร่วงกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง ถ้าหากมีนักหลอมยาหรือนักหลอมวัตถุโผล่มาอีกคน พวกเขากลุ่มนี้ก็ชวนให้คนตกใจเกินไปแล้ว
เสี่ยวถูหยุดแล้วเอ่ยต่อไปว่า “หรือไม่ท่านก็ฝึกสัตว์อสูรทิพย์ที่เพิ่งจับมาให้พี่ชายที่นี่แลกเปลี่ยนเป็นเงินสิ ไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวพอท่านซื้อของอาจจะไม่มีเงินจ่ายเอานะ!”
“นักฝึกสัตว์อสูร!” พวกเขาเข้าใจคำพูดของเสี่ยวถูแล้วก็พากันมองเว่ยจือฉีอย่างตกใจ
เสี่ยวถูยกประเด็นเรื่องไม่มีเงินจ่ายขึ้นมาอีกครั้ง นี่ทำให้ผู้คนพากันหัวเราะออกมา เรื่องนี้อาจทำให้พวกซือหม่าโยวเจ๋อไม่ปรากฏตัวในเมืองอันหยางไปอีกหลายวันเลยทีเดียว
ช่างขายหน้าผู้อื่นเหลือเกิน!
เว่ยจือฉียิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ไม่มีของที่ข้าอยากซื้อเลยน่ะ”
เขาตอบเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับอย่างอ้อมๆ ว่าตนเป็นนักฝึกสัตว์อสูร
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังคำพูดของเสี่ยวถูแล้วก็ลอบหัวเราะอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยนี่ก็มีกลเม็ดกับเขาด้วย
เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยค้นพบเลยว่าเขาก็มีด้านมืดเช่นนี้อยู่ด้วย
ทุกคนสูดหายใจ นักหลอมยาสองคน นักหลอมวัตถุและนักฝึกสัตว์อสูรอย่างละคน กลุ่มคนเช่นนี้ไม่ว่าไปที่ไหนก็ต้องเป็นแขกพิเศษกระมัง!
นอกจากนี้อายุอานามของพวกเขายังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ ดูไปแล้วก็อายุราวๆ ยี่สิบปีเท่านั้นเอง พวกเขาเป็นคนที่มาจากบ้านนอกบ้านนาจริงๆ น่ะหรือ ต่อให้เป็นขุมอำนาจชั้นหนึ่งสักแห่งก็ยังมิอาจบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้เลยกระมัง!
ซือหม่าโยวหยางและซือหม่าโยวฉิงต่างพากันตกตะลึง เห็นพวกเขาดูเรียบๆ มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้มีทักษะติดตัวกันหมด
หั่วจือเหยียนเองก็มองพวกเขาหลายที แต่สุดท้ายสายตาก็มาหยุดอยู่บนร่างซือหม่าโยวเย่ว์ อยากจะเห็นว่าเธอมีความสามารถเช่นไร
แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือหลังจากเจ้าอ้วนชวีแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็มิได้ขายยาวิเศษหรือหยิบเอาอาวุธวิญญาณออกมา เพียงแค่พูดกับพวกเขาว่า “ระหว่างที่พวกเขาคิดเงินให้พวกเจ้า พวกเจ้าไปหยิบของที่เลือกไว้เมื่อครู่มาสิ จะได้สรุปบัญชีกันเลย! เสี่ยวถู เมื่อครู่เจ้าถูกใจหินอยู่ก้อนหนึ่งมิใช่หรือ ไปหยิบมาสิ พวกเราซื้อกลับไปเป็นของเล่นกันดีกว่า!”
“เยี่ยมยอด!” เสี่ยวถูเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ขยิบตาให้ตนก็เข้าใจ แล้วรีบวิ่งออกไปในทันที เขาหยิบหินก้อนหนึ่งมาแล้ววางลงบนโต๊ะยาว จากนั้นก็วิ่งออกไปเสียแล้ว
“นั่นมันมณีสีชาดนี่ เมื่อครู่ข้าดูแล้ว ราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นตำลึงทองเลยทีเดียว!” มีคนร้องขึ้นอย่างตกใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวถูก็หยิบเครื่องยาอีกสองชนิดเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “พี่สาว ข้าหยิบของที่ท่านถูกใจเมื่อครู่มาให้ท่านแล้วนะ”
พอพูดจบเขาก็วิ่งออกไปอีก
เครื่องยาทั้งสองชนิดล้วนล้ำค่าหายาก ราคาชนิดละหนึ่งหมื่น สองชนิดก็สองหมื่น
“กวาดของมีค่าแทบจะหมดทั้งร้านแล้ว!”
หลังจากนั้นเสี่ยวถูก็ไปหอบของอีกจำนวนหนึ่งลงมา ซึ่งเป็นสิ่งของที่ทุกคนหมายตาเอาไว้ทั้งสิ้น
เมื่อเขาหยิบของชิ้นสุดท้ายลงมาแล้วก็เอ่ยกับพนักงานว่า “พี่ชาย หมดแล้ว เท่านี้แหละ”
ทุกคนเห็นสิ่งของเหล่านี้แล้วต่างพากันสูดลมหายใจ สิ่งของเหล่านี้น่าจะมีราคารวมกันเรือนแสนเลยทีเดียว!
พนักงานทำใจให้สงบ หลังคิดคำนวณครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “สิ่งของเหล่านี้ราคาทั้งสิ้นหนึ่งแสนแปดร้อยตำลึงทอง แปดร้อยนั้นช่างเถิด พวกท่านจ่ายมาหนึ่งแสนก็พอแล้วขอรับ จะแยกกันจ่ายหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้ร่ำรวย แต่เงินแค่นี้ข้าพอจะมีอยู่”
“น่าจะบอกว่าเจ้าจะซื้อให้พวกเราตั้งแต่เนิ่นๆ สิ ทำเอาข้ามัวแต่กังวลว่าตัวเองจะมีเงินไม่พอ จนข้าต้องขายยาวิเศษเลยนะนี่!” เป่ยกงถังพูดอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าคำนวณเงินค่ายาวิเศษและอาวุธวิญญาณของพวกเราให้ที แล้วคิดเงินค่าของเหล่านี้กับเขา”
“ได้ขอรับ” พนักงานพยักหน้าแล้วให้คนหยิบกล่องมาจัดวางข้าวของทั้งหมดลงไป
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปแล้วหยิบบัตรแก้วผลึกกับบัตรสีฟ้าอีกใบส่งให้พนักงาน
เมื่อเห็นบัตรสีฟ้าในมือซือหม่าโยวเย่ว์ พนักงานผู้นั้นก็พรั่นพรึงไปชั่วขณะ สายตาที่มองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์ทวีความเคารพมากยิ่งขึ้น สองมือรับเอาบัตรแก้วผลึกและบัตรสีฟ้ามา ก่อนจะค้อมกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ท่านมีบัตรสีฟ้าที่ล้ำค่าที่สุดของพวกเรา ช่วยลดราคาเมื่อครู่ลงได้ร้อยละสิบห้า ทั้งหมดเป็นแปดหมื่นห้า พวกเราจะไปทำใบราคามาเดี๋ยวนี้เลยขอรับ ท่านโปรดรอสักครู่นะขอรับ!”
พอพูดจบเขาก็หยิบบัตรแก้วผลึกและบัตรสีฟ้าเข้าไป
คราวนี้ผู้คนในห้องโถงใหญ่ตกตะลึงจนเอ่ยวาจาไม่ออกเสียแล้ว เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าหอเซวียนหยวนมีบัตรอยู่สามสี บัตรสีเขียวลดราคาได้ร้อยละห้า ส่วนบัตรสีแดงนั้นลดราคาได้ร้อยละสิบ ในขณะที่สีฟ้าลดได้ร้อยละสิบห้า แต่บัตรสีฟ้านี้มิได้ถูกมอบออกไปมากสักเท่าใดนัก ว่ากันว่าน้อยจนใช้เพียงสองมือนับจำนวนได้เลยทีเดียว”
หากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังรู้สึกว่าซือหม่าโยวเย่ว์ไม่มีอะไรอยู่ ตอนนี้ทุกคนก็มองเธอเปลี่ยนไปเสียแล้ว
หอเซวียนหยวนให้ความสำคัญกับบัตรสีฟ้าเป็นอย่าง แม้กระทั่งตระกูลชั้นหนึ่งก็ยังใช้บัตรสีแดงกันทั้งสิ้น มีเพียงบุคคลระดับปรมาจารย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ถือครองบัตรสีฟ้า
แต่เธอถือครองบัตรสีฟ้า นี่ก็แสดงว่าหอเซวียนหยวนเห็นว่าเธอมีความสำคัญยิ่งกว่าขุมอำนาจชั้นหนึ่งเสียอีก!
หั่วจือเจียวสีหน้าร้อนรน นางย่อมเข้าใจความแตกต่างระหว่างบัตรสีฟ้าและบัตรสีแดงดีอยู่แล้ว เพราะขณะนี้บัตรสีแดงใบหนึ่งก็วางอยู่ในแหวนของนางนั่นเอง
พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนยังพูดว่าคนบ้านนอกไม่มีเงินอะไรพวกนั้นอยู่ การแสดงออกชุดนี้ของพวกเขาก็เท่ากับเป็นการตบหน้านางอย่างรุนแรงเลยทีเดียว
หั่วจือเหยียนมองซือหม่าโยวเย่ว์ ไม่รู้ว่าที่แท้แล้วตัวตนของเธอคือใครกันแน่ ถึงได้ครอบครองบัตรสีฟ้าอันล้ำค่าเช่นนี้ได้
ผู้ถือครองบัตรสีฟ้า มิได้มีเพียงแค่แขกพิเศษที่หอเซวียนหยวนหมายตาเท่านั้น แต่ต้องเป็นแขกพิเศษของขุมอำนาจใหญ่ด้วย
เพียงไม่นานพนักงานคนเมื่อครู่ก็หยิบบัตรสีฟ้าและบัตรแก้วผลึกออกมา เขาใช้สองมือส่งมอบให้ซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”
พอซือหม่าโยวเย่ว์รับบัตรไปแล้วเขาจึงหยิบบัตรออกมาอีกสามใบก่อนจะเอ่ยว่า “นี่คือเงินที่ทั้งสามท่านขายยาวิเศษและอาวุธวิญญาณขอรับ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปรับมาก่อนจะหันไปมอบให้กับทั้งสามคน หลังจากนั้นจึงพยักหน้าให้กับพวกซือหม่าโยวหยางแล้วหมุนกายจากไป
“ท่านแขกพิเศษโปรดช้าก่อนขอรับ” พนักงานส่งเสียงพูด
“ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
พนักงานหยิบบัตรเชิญใบหนึ่งออกมาแล้วเอ่ยว่า “อีกครึ่งเดือนให้หลังหอเซวียนหยวนจะจัดงานประมูล จึงอยากเรียนเชิญท่านแขกพิเศษมาเข้าร่วมด้วยน่ะขอรับ”
“ครึ่งเดือน…” ซือหม่าโยวเย่ว์รับบัตรเชิญมาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากตอนนั้นข้ายังอยู่ที่นี่ ข้าจะมาเข้าร่วมนะ”
พอพูดจบ เธอกับคนอื่นๆ ก็ออกมาพร้อมกัน มิได้มัวรีรอยู่อีก
“คำว่าลงพนันพันชั่งทองคงมิอาจเอามาใช้บรรยายได้กระมัง!” ฝูงชนมองตามหลังพวกเขาพลางเอ่ยชื่นชม
“ลงพนันแสนชั่งทอง นอกจากขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นแล้วก็คงจะมีแต่คนอย่างพวกเขาเท่านั้นแหละที่มือเติบเช่นนี้ได้”
“นักหลอมยากับนักหลอมวัตถุพวกนั้นล้วนเห็นคนผู้นั้นเป็นศูนย์กลาง เขาจะต้องมีทักษะความสามารถอันยิ่งใหญ่กว่าเป็นแน่”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะได้บัตรสีฟ้ามาครองได้อย่างไรกัน”
“แล้วถ้าเขาแค่เก็บบัตรนั่นมาได้เล่า”
ทุกคนจึงค่อยนึกถึงปัญหาข้อนี้ขึ้นมาได้แล้วหันไปมองพนักงาน
พนักงานผู้นั้นส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “บัตรสีฟ้าของพวกเรา หลังจากที่ส่งมอบไปแล้วก็จะซึมซับกลิ่นอายของเจ้าของ เพื่อสะดวกแก่การพิสูจน์ตัวตน บัตรใบเมื่อครู่นั่นต้องเป็นของเขาเองอย่างแน่นอนขอรับ”
“ใช่จริงๆ… ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
……………………………………….