เรื่องโกลาหลของตระกูลซือหม่าแพร่ออกมา ซือหม่าจวิ้นได้รับการรักษาจนหายแล้วเล่าเรื่องจริงในตอนนั้นออกมา ซือหม่าเลี่ยที่เดิมทีคิดว่าเป็นคนชั่วได้รับการล้างมลทิน และได้กลับมายังตระกูลซือหม่าอีกครั้ง
ซือหม่าโยวเย่ว์ที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าประตูใหญ่ตระกูลซือหม่าในวันนั้นก็คือผู้ที่สังหารซือหม่าเค่อและซือหม่าอี้ภายในจวนซือหม่า บวกกับสถานะของเธอ ทุกคนจึงยิ่งมีความสนใจในตัวเธอ พากันคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าเธอมาจากอาณาจักรตงเฉินจนถึงที่นี่ได้อย่างไร
และในขณะนี้เอง เธอและซือหม่าหลินก็เดินเข้าไปในทางเดินลับ เดินตามทางเข้าไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่ามาถึงบริเวณใดของจวนซือหม่าแล้ว
ทั้งสองคนเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ออกจากด้านในทางเดินลับ มาถึงยังหุบเขาแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เข้าไปภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
“ถึงแล้วละ” ซือหม่าหลินหยุดอยู่ข้างหน้า
ซือหม่าโยวเย่ว์ตามหลังเขาเข้ามาภายในถ้ำ ก็เห็นคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงศิลา บนร่างมีลำแสงเรืองรองโคจรอยู่รอบๆ คล้ายกับมีอะไรบางอย่างคุ้มกันเอาไว้
“นี่คือใครหรือ” เธอไม่รู้ว่าเหตุใดซือหม่าหลินจึงพาเธอมาที่นี่
“นี่คือท่านประมุขตระกูลคนก่อนของตระกูลซือหม่า” ซือหม่าหลินพูด “ทั้งยังเป็นพี่ชายคนโตสุดของรุ่นเราอีกด้วย”
“อดีตประมุขตระกูลหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนผู้นั้นอย่างประหลาดใจ ดูท่าทางเหมือนจะมิได้สละตำแหน่งแบบธรรมดาเสียแล้ว
“สามปีก่อนตอนที่ข้าไปยังอาณาจักรตงเฉินนั้นยังมิได้เป็นประมุขตระกูล ท่านประมุขตระกูลในตอนนั้นก็คือเขานี่แหละ” ซือหม่าหลินพูด “ตอนนั้นพวกเราพาตัวพวกท่านปู่เจ้ารวมทั้งซือหม่าข่ายกลับมา ระหว่างทาง ซือหม่าข่ายสติเลือนรางมาโดยตลอดเพราะสัตว์เลี้ยงมารตายไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการทำพันธสัญญาเป็นเหตุหรือไม่ ยังไม่ทันออกมาจากเทือกเขาสั่วเฟยย่า เขาก็สิ้นลมไปเสียแล้ว”
“ข้าว่าแล้วเชียวว่าเหตุใดจึงไม่เห็นเจ้าคนผู้นั้นเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ซือหม่าหลินมองเธอปราดหนึ่งแล้วเอ่ยต่อไปว่า “พวกเรากลับมาถึงบ้านแล้วได้รู้ว่าท่านประมุขตระกูลออกไปข้างนอกแล้ว ก็มิได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขากลับถูกคนหามกลับมา ทั้งตระกูลคิดหาทุกวิถีทางก็ยังมิอาจรักษาเขาให้หายดีได้ ถึงขนาดที่มิอาจยื้อชีวิตเขาเอาไว้ได้ ในที่สุดจึงทำได้เพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาลับของตระกูลประคับประคองชีวิตเขาเอาไว้เท่านั้น”
“ท่านอยากให้ข้าช่วยเขาอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
ซือหม่าหลินพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ท่านหมอของตระกูลล้วนบอกว่าไร้ซึ่งหนทางแล้ว แต่ข้าว่าเจ้ารักษาท่านปู่เล็กให้หายดีได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น ไม่แน่ว่าอาจมีหนทางช่วยเหลือเขาก็เป็นได้”
“ข้าต้องตรวจดูสักหน่อยก่อน” ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้เอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำนัก
“ได้สิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปตรวจร่างกายอดีตประมุขตระกูลโดยละเอียดรอบหนึ่งด้วยท่าทีนิ่งขรึม
เส้นลมปราณของคนผู้นี้ขาดสะบั้นทั้งหมด กระดูกทั้งหมดก็หักอีกด้วย กลายเป็นผุยผงไปเกือบครึ่ง อวัยวะภายในทั้งหลายล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส โอกาสรอดชีวิตเหลือน้อยเต็มที
เขาบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าไป๋หยวนฉุนเมื่อคราวก่อนเสียอีก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อาการบาดเจ็บมิได้อยู่เพียงแค่ร่างกายของเขาเท่านั้น
“เป็นอย่างไรบ้าง” ซือหม่าหลินถามอยู่ข้างๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “อาการบาดเจ็บของเขานี้ไม่ว่าจะอยู่บนร่างของผู้ใด ล้วนมีแต่ตายเพียงหนทางเดียวเท่านั้น”
“เจ้าก็ไม่มีหนทางเลยหรือ” ในใจของซือหม่าหลินเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา
“มิใช่ว่าจะสิ้นไร้หนทางหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เพียงแต่มีโอกาสสำเร็จไม่มากนัก”
“เช่นนั้นเจ้ามีหนทางช่วยเหลือแล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าหลินตื่นเต้นดีใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ร่างกายของเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว อยากจะฟื้นฟูกลับมานั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย แต่จุดที่ยากที่สุดมิใช่ตรงนี้หรอกนะ”
“แล้วคืออะไรเล่า”
“วิญญาณของเขาแทบจะสูญสลายอยู่แล้ว เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ วิญญาณจึงเข้าสู่การนิทรา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากวิญญาณไม่ฟื้นขึ้นมา ต่อให้รักษาอาการบาดเจ็บบนร่างกายจนหาย ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี”
“เจ้ามีความมั่นใจมากเพียงใดหรือ” ซือหม่าหลินย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเพียงใด ทั้งยังเข้าใจดีว่าความหวังในการช่วยชีวิตนั้นไม่มากนัก มิฉะนั้นก็ไม่มีทางใช้เคล็ดวิชาลับผนึกเขาเอาไว้ที่นี่อยู่แล้ว
“ไม่ถึงครึ่งเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบตามความเป็นจริง “นอกจากนี้ยังต้องสิ้นเปลืองเงินทองมหาศาล จำเป็นต้องใช้เครื่องยาล้ำค่าหายากจำนวนไม่น้อยเลย”
“ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร พวกเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าที่แท้แล้วเป็นใครกันแน่ที่ลงมือกับตระกูลซือหม่าของเรา การทำร้ายท่านประมุขตระกูลจนเป็นเช่นนี้ได้ มิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะกระทำได้เลย” ซือหม่าหลินกดเสียงเอ่ยว่า “พวกเราจะจัดการเรื่องเครื่องยาที่จำเป็นต้องใช้เอง เจ้ารักษาอย่างสุดความสามารถก็พอแล้วล่ะ”
“ได้เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำ
หลังออกมาจากถ้ำแล้ว พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็กลับตามทางเดิม เมื่อกลับถึงตระกูล เธอก็เขียนรายการเครื่องยาที่จำเป็นต้องใช้ให้แผ่นหนึ่ง รายการอันแน่นขนัดนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีหลายร้อยจนถึงพันชนิดเลยทีเดียว
“นอกจากตัวยาสำคัญหลายชนิดนั้นแล้ว ต้องหาตัวยาอื่นๆ มาให้ได้มากที่สุด” ซือหม่าโยวเย่ว์กำชับ
ผ่านไปสองวัน ผู้ติดตามของซือหม่าหลินก็มาเรียกตัวเธอไป นอกจากเขาแล้วยังมีผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งมารอเธอพร้อมกันกับเขาด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์คารวะทุกคน เมื่อเห็นพวกเขาสีหน้ามิสู้ดีนักจึงถามว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
“ตัวยาสำคัญหลายชนิดที่เจ้าให้หามานั้น ขาดไปสามชนิด” ซือหม่าหลินพูด
“ไม่มีหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ประหลาดใจอยู่บ้าง เธอเคยเห็นในตำรายามาหมดแล้ว ถ้าหากไม่มี แล้วจะปรากฏอยู่บนตำราได้อย่างไรกัน
“อย่างอื่นล้วนมีครบหมด ขาดไปเพียงแค่หญ้าจันทร์รำเพย ดอกกระบองเพชรอัสดง และน้ำผึ้งผึ้งน้ำตาลเท่านั้น” ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์รู้แล้วว่า คนกลุ่มนั้นที่เธอเห็นตอนที่มาถึงตระกูลซือหม่า ก็คือผู้อาวุโสของตระกูลซือหม่านั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้อาวุโสของตระกูลรุ่นเดียวกับซือหม่าหลิน
“สามชนิดนี้ออกจะหายากจริงๆ นั่นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ก็ไม่ควรถึงขนาดไม่มีกระมัง พวกท่านไปหาที่หอเซวียนหยวนกับสมาคมนักหลอมยาแล้วหรือยัง”
“ไปหามาแล้วล่ะ” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งตอบ “แต่สมาคมนักหลอมยาเองก็ยังบอกเลยว่าไม่เห็นตัวยาสำคัญสามชนิดนี้มานานมากแล้ว พวกเขาก็ไม่มีเก็บสำรองเอาไว้เลยเช่นกัน”
“ในเมื่อไม่มีสินค้าสำรอง เช่นนั้นก็ไปหาเอาแล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เครื่องยาสองชนิดแรกเกิดขึ้นคู่กัน หากมีพวกมันก็จะมีผึ้งน้ำตาลด้วย พอถึงเวลาแค่หารังผึ้งให้พบก็ใช้ได้แล้ว”
“พวกเราก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ซือหม่าหลินพูด “ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจจะไปยังพื้นสมุทรในเร็ววันนี้ ที่เรียกเจ้ามาก็เพราะอยากจะให้เจ้าช่วยวาดรูปตัวยาสำคัญเหล่านั้นออกมา คนที่ส่งไปจะได้รู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร”
“ผึ้งน้ำตาลยังไม่ยากมาก เพราะเป็นที่รู้จักกันดี แต่เครื่องยาอีกสองชนิดนั้นมีความคล้ายคลึงกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อยู่บ้าง มิอาจจำแนกได้โดยง่าย ถ้าหากจะไปก็พาข้าไปด้วยแล้วกัน ถึงตอนนั้นข้าจะได้ช่วยจำแนกได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“สถานที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป สหายสัตว์อสูรเหนือเทพของเจ้าไม่อยู่ เจ้ารออยู่ที่ตระกูลดีกว่านะ” ซือหม่าหลินไม่เห็นด้วย “เจ้าวาดลักษณะของเครื่องยานั้นออกมาก็พอแล้วล่ะ”
“ถ้าหากไม่จำเป็นต้องใช้ข้า ข้าก็ไม่อยากไปร่วมวงด้วยหรอกนะ แต่ถ้าหากเก็บเครื่องยาสองชนิดนั้นมาผิด ก็จะมิใช่ยาวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว แต่จะกลายเป็นยาพิษที่เอาชีวิตแทนน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้เขาไปเถิด” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “คราวนี้ข้าจะนำคนไปเอง พาคนไปให้มากหน่อยก็น่าจะรับรองความปลอดภัยของเขาได้แล้วละ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสีหน้าจริงจังเช่นนี้ของพวกเขาแล้วจึงถามว่า “พื้นสมุทรแห่งนั้นก็มิได้เป็นเพียงแค่ท้องทะเลแห่งหนึ่งหรอกหรือ น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
ทุกคนในที่นั้นล้วนพยักหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “สิ่งมีชีวิตในพื้นสมุทรนั้นหลากหลายชนิดยิ่งกว่าบนพื้นดินเสียอีก นอกจากนี้พลังยุทธ์ยังแข็งแกร่งกว่าด้วย ถ้าหากไม่ระวังก็อาจจะกลายเป็นอาหารปลาได้เลยทีเดียว”
“น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียว” ซือหม่าโยวเย่ว์ใคร่รู้
“แน่นอนอยู่แล้วสิ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “มิได้น่ากลัวน้อยไปกว่าเทือกเขาสั่วเฟยย่าเลย อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ และด้วยเหตุนี้เอง เครื่องยาที่เจริญเติบโตในพื้นสมุทรเท่านั้นจึงพบเห็นได้น้อยนักบนแผ่นดินนี้”
“พอพูดเช่นนี้แล้วข้าก็อยากไปเห็นยิ่งนัก…” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางลูบคาง
…………………………………………