“นายน้อยแห่งหอเซวียนหยวนอย่างนั้นหรือ แล้วเขามาที่นี่คนเดียวได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนที่ถูกฝูงหมาป่าไล่ตามพลางถามขึ้น
“เจ้าคนผู้นี้วิ่งวุ่นไปทั่วอยู่เสมอ แม้กระทั่งคนของหอเซวียนหยวนก็ยังไม่รู้ร่องรอยของเขาเลย ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวมานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้” ซือหม่าโยวหลินพูด
จวินหลินวิ่งตรงมาหาซือหม่าโยวหลินพลางส่งเสียงเห่าหอนบรู๊วๆ มาจนถึงตรงหน้าพวกเขาแล้วจึงหยุดลง ก่อนจะตรึงคอเขาเอาไว้พลางเอ่ยว่า “สหายโยวหลิน มาพบพวกเจ้าเข้าที่นี่ได้ พวกเราช่างมีชะตาต้องกันเสียจริงเชียว! พวกเจ้าคงจะนั่งเรือมากันสินะ ตอนกลับก็พาข้าไปด้วยสิ! ข้าอยู่ที่สถานที่ระยำนี่มาครึ่งปีแล้ว หากยังไม่กลับไปอีกก็คงกลายเป็นคนป่าไปแล้วล่ะ!”
“พรืด…”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองจวินหลินที่กระตือรือร้นจนเกินพอดี แล้วมองซือหม่าโยวหลินที่สีหน้าไม่สงบเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาในทันใด
จวินหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพบว่าเธอมิใช่คนตระกูลซือหม่าที่ตนเคยพบเจอมาก่อนเลย จึงถามว่า “เอ๊ะ… น้องชาย เจ้าใช่คนตระกูลซือหม่าหรือไม่ ไม่เคยพบกันมาก่อนเลยนี่!”
“ข้าเพิ่งกลับมายังตระกูลซือหม่าน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ข้าก็ว่าอยู่ว่าไม่เคยเห็นเจ้าเลย! แล้วเจ้ามาอยู่กับเจ้าหมาป่าใจดำนี่ได้อย่างไรกัน ระวังจะถูกเขาทำร้ายเข้าล่ะ!” จวินหลินพูด
เอ่อ…
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจแล้วว่าเหตุใดซือหม่าโยวหลินจึงไม่ชอบเขา ไม่ว่าใครที่ถูกเรียกว่าเป็นหมาป่าใจดำ ก็คงไม่ถูกใจสักเท่าใดนักกระมัง!
“น้องชาย เจ้าชื่ออะไรหรือ แล้วพวกเจ้ามาที่นี่กันทำไม” จวินหลินมายังข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถือวิสาสะโอบไหล่เธอพลางถามขึ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ปัดมือเขาทิ้งแล้วเอ่ยว่า “ข้าชื่อซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้ามิใช่ประมุขหอน้อยแห่งหอเซวียนหยวนหรอกหรือ แล้วมาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวได้อย่างไรกัน”
เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินหลินก็เลือนหายไปแล้วเอ่ยว่า “ข้าท้าพนันกับพวกเขาเอาไว้น่ะสิ เดิมพันก็คือมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวเป็นเวลาสามเดือน ผลปรากฏว่าเรือของข้าถูกสัตว์อสูรทะเลล่มไป อีกทั้งยังไม่มีสัตว์อสูรวิเศษบินได้อยู่ในครอบครอง ดังนั้นจึงได้แต่คอยอยู่ที่นี่ว่าจะมีใครผ่านทางมาแล้วให้ข้าติดเรือกลับไปด้วยได้หรือไม่ สามเดือนผ่านไป ในที่สุดข้าก็ได้พบมนุษย์เสียที”
“เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวมาครึ่งปีแล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนผู้นี้อย่างตกตะลึง
มิได้พูดกันว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายมากหรอกหรือ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวมาครึ่งปี พลังยุทธ์ของเขาช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!
ซือหม่าโยวหลินคล้ายจะรับรู้ความคิดในใจเธอได้ จึงเอ่ยว่า “มิใช่ว่าพลังยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งหรอก แต่เขามีทักษะในการเอาชีวิตรอดชั้นยอดต่างหากเล่า”
“มีทักษะในการเอาชีวิตรอดชั้นยอดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองจวินหลิน ความเร็วในการวิ่งหนีของเขาที่เห็นเมื่อครู่ก็รวดเร็วอย่างยิ่งจริงๆ
“ไม่รู้ว่าเขาทำให้ขุมอำนาจประสบเคราะห์ไปมากมายเท่าใด เคยถูกตามจับตัวแต่กลับไม่เคยถูกจับสักครั้ง” ซือหม่าโยวหลินพูด
“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
จวินหลินไม่ละอาย แต่กลับคิดว่าเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เขาตบหน้าอกพลางพูดอย่างภาคภูมิใจในตัวเองว่า “นั่นก็ใช่อยู่ ตอนนั้นพวกเขาส่งจ้าววิญญาณหลายคน กับราชันวิญญาณอีกกลุ่มหนึ่งมาตามจับข้า แต่ข้าก็สลัดจนหลุดได้หมดเลย!”
“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว!”
“แน่นอนอยู่แล้วละ!” จวินหลินโอบบ่าซือหม่าโยวเย่ว์อีกครั้งพลางเอ่ยว่า “ถ้าหากต่อจากนี้ไปเจ้าใกล้ชิดข้าเอาไว้ รับรองว่าเจ้าก็จะมีความเร็วเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน!”
“เป็นแม้กระทั่งประมุขน้อยแห่งหอเซวียนหยวน พวกเขายังต้องการตามจับตัว ที่แท้เจ้าไปทำอะไรให้พวกเขากันแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หากติดตามใกล้ชิดเจ้า กลัวแต่ว่ายังไม่ทันถึงสองวัน ข้าก็คงต้องเอาชีวิตไปทิ้งด้วยแล้วละ!”
ซือหม่าโยวหลินเห็นซือหม่าโยวเย่ว์มีความสนใจในตัวจวินหลินเป็นอย่างยิ่งในตอนแรก ยังเป็นกังวลอยู่ว่าเธอจะถูกจวินหลินหลอกลวงเข้าเสียแล้ว แต่เมื่อได้ฟังวาจาของเธอแล้วเขาจึงค่อยคลายใจลง
เมื่อเห็นว่าทหารยามจัดการกับสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยว่า “กลับกันเถิด ผู้อาวุโสใหญ่ยังรอพวกเราอยู่นะ!”
“ดีเลย”
“ผู้อาวุโสใหญ่ก็มาด้วยหรือนี่ ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ปลอดภัยแล้วสินะ! ข้าก็อยากไปกับพวกเจ้าด้วย!” จวินหลินกลับมาพร้อมกันกับพวกเขาอย่างรู้ตัวดียิ่ง
พอกลับมาถึงแล้วผู้อาวุโสใหญ่เห็นจวินหลิน ก็ตกตะลึงอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ฟังเรื่องที่เขาประสบพบเจอมาแล้วจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ตามมาด้วยกันกับพวกเราก่อนเถิด พอพวกเราจะกลับแล้วก็จะพาเจ้าไปด้วย!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่อย่างยิ่งเลยขอรับ” จวินหลินโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์มายังข้างกายซือหม่าโยวหลานก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกเหมือนว่าโยวหลินดูจะไม่ชอบประมุขหอน้อยผู้นี้สักเท่าใดนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด”
ซือหม่าโยวหลานปิดปากหัวเราะแล้วเข้ามากระซิบข้างหูซือหม่าโยวเย่ว์ว่า “ครั้งแรกที่พวกเขาพบหน้ากัน จวินหลินดื่มจนเมาแล้วเกี้ยวพานพี่โยวหลินเพราะคิดว่าเขาเป็นสตรีน่ะสิ”
“พรวด…”
ซือหม่าโยวเย่ว์ที่กำลังดื่มสุราผลไม้ได้ฟังคำพูดของโยวหลานแล้วจึงพ่นสุราในปากออกไปจนหมด
“เจ้าบอกว่าโยวหลินถูกจวินหลินเกี้ยวพานอย่างนั้นหรือ!” เธอเบิกตากว้างมองซือหม่าโยวหลาน
“ใช่แล้วละ!” ซือหม่าโยวหลานพยักหน้าก่อนจะยิ้มกว้างเอ่ยว่า “เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนนั้นสีหน้าของพี่โยวหลินนั้นดำทะมึนไปในทันที จวินหลินถูกทุบตีอย่างหนักหน่วงยกหนึ่ง หลังจากนั้นเป็นต้นมาพอพบเจอเขาก็ไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆ อีกเลย”
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบคาง เธอจินตนาการภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นออกทันที
บุรุษที่ยามปกติดูช่างสูงส่งสง่างามคนหนึ่ง แต่กลับถูกคนเกี้ยวพานเพราะคิดว่าเป็นหญิงสาว ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้เห็นกับตา
“ใช่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าหอเซวียนหยวนแห่งนั้นมีความเป็นมาเช่นไร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าว่าที่นั่นดูจะล้ำเลิศยิ่งกว่าขุมอำนาจชั้นหนึ่งเหล่านั้นเสียอีก!”
“แน่นอนอยู่แล้วละ!” ซือหม่าโยวหลานมิได้ปิดบังอะไรซือหม่าโยวเย่ว์ นางเล่าทุกอย่างที่ตนรู้ออกมา “ข้าได้ยินมาว่าเบื้องหลังของหอเซวียนหยวน มิใช่ขุมอำนาจของดินแดนอี้หลิน ดังนั้นแม้แต่บรรดาเชื้อพระวงศ์ก็ยังต้องหวั่นเกรงพวกเขา ตระกูลอย่างพวกเราย่อมต้องรู้ตัวดีอยู่แล้ว”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
“เจ้ามิได้มีบัตรสีฟ้าของหอเซวียนหยวนอยู่หรอกหรือ หรือว่าเจ้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่าที่นั่นเป็นสำนักอะไร” ซือหม่าโยวหลานถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ในเวลานั้นข้าเพิ่งจะออกจากอาณาจักรตงเฉินมาได้ไม่นาน ไม่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับขุมอำนาจของสถานที่แห่งนี้หรอก แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรกันว่าที่นั่นเป็นสำนักอะไร รู้แค่ว่าเป็นร้านค้าที่มีสาขาอยู่มากมายเท่านั้น ต่อมายังได้ยินผู้อื่นพูดกันว่าขุมอำนาจชั้นหนึ่งต่างก็ถือครองเพียงแค่บัตรสีแดงเท่านั้น ข้าจึงค่อยค้นพบว่าพวกเขามีความพิเศษอยู่บ้าง”
“เจ้าได้บัตรสีฟ้ามาครอบครองได้อย่างไรหรือ” ซือหม่าโยวหลานถามอย่างใคร่รู้
“ข้าก็แค่นำยาวิเศษจำนวนหนึ่งไปให้พวกเขาประมูลขายเท่านั้นเอง แล้วก็ขายตำรับยาพื้นบ้านเล่มหนึ่งให้พวกเขาไปพร้อมกันด้วย พวกเขาก็มอบบัตรนั่นให้ข้าแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แค่นี้เองหรือ” ซือหม่าโยวหลานมองเธออย่างคาดไม่ถึง ทำเรื่องง่ายดายเช่นนี้ก็ได้ครอบครองบัตรสีฟ้าของหอเซวียนหยวนแล้วอย่างนั้นหรือ
“ยาวิเศษนั่นของเจ้าคงมิใช่ยาง่ายๆ เลยสินะ!” จวินหลินได้ยินเสียงอุทานของซือหม่าโยวหลานแล้วจึงเอียงตัวเข้ามาเอ่ยว่า “คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่มีทางขายตำรับยาพื้นบ้านเล่มเดียวแล้วได้ครอบครองบัตรของพวกเราหรอก”
“คงอย่างนั้นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้บอกว่าเป็นยาวิเศษชนิดใด แต่เธอรู้สึกว่าไม่มีทางปิดบังเรื่องนี้จากจวินหลินได้แน่ แค่เขากลับไปถามก็คงรู้แล้ว
“คืนนี้พักผ่อนกันให้เต็มที่ล่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปในส่วนลึกของเกาะเพื่อเสาะหาหญ้าจันทร์รำเพย” ผู้อาวุโสใหญ่พูดจบแล้วก็กลับไปยังกระโจมของตน
“ข้าไปพักผ่อนก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์” ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ลุกขึ้นแล้วจากไปเช่นกัน
ซือหม่าโยวหลินจัดการเรื่องการเฝ้ายามเรียบร้อยแล้วก็กลับไปยังกระโจมด้วย
จวินหลินลูบคางของตน นัยน์ตาเปล่งประกาย
“ขายตำรับยาพื้นบ้านเล่มเดียวก็ได้ถือครองบัตรสีฟ้าแล้ว นึกไม่ออกจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาขายคือสิ่งใด แต่พอกลับไปก็คงรู้แล้วล่ะ เจ้าเด็กผู้นี้ดูไม่ธรรมดาจริงๆ…”
……………………………………………..