“โลกของเจ้าหรือ” ซือหม่าโยวหรานกระสับกระส่ายอยู่บ้าง เธอเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้เชียวหรือ!
“ที่นี่คือด้านในของสิ่งที่บิดาเจ้าทิ้งเอาไว้ให้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าเลี่ยถาม
“ใช่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เป็นสิ่งของที่ท่านพ่อเหลือทิ้งเอาไว้ให้ในตอนนั้น แต่ในเวลานั้นยังมิได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ นี่คือผลลัพธ์หลังจากผสานรวมกับหอหนังสือสะสมในภายหลัง”
“หอหนังสือสะสมของพวกเรานั่นน่ะหรือ” ซือหม่าโยวหมิงถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพาพวกเขาไปยังสถานที่ตั้งของเจดีย์เล็กก่อนจะเอ่ยว่า “ความจริงแล้วหอหนังสือสะสมคือวัตถุเทพโบราณเจดีย์เจ็ดชั้น แต่วิญญาณครวญหายไป ดังนั้นจึงไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว นำมาใช้สำหรับการจัดเก็บได้เท่านั้น ต่อมาข้าคิดหาวิธีผสานรวมมันเข้ากับมณีวิญญาณ จึงกลายเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้”
“เช่นนั้นด้านบนของเจดีย์มีลักษณะเช่นไรหรือ” ซือหม่าโยวเล่อถาม
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้เปิดได้เพียงแค่ชั้นที่สองเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้ข้าพาพวกท่านไปยังส่วนอยู่อาศัยดีกว่า”
เธอนำทางพวกเขามาถึงหน้าห้องก็เห็นว่าเว่ยจือฉีมิได้ฝึกยุทธ์อยู่ จึงให้เขาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่แห่งนี้ ส่วนตัวเองก็ไปขลุกอยู่ในห้องหลอมยาเพื่อทำการหลอมยาวิเศษ
หลังจากที่เธอออกมาจากการหลอมยาวิเศษ พวกซือหม่าเลี่ยก็คุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ ภายในนี้แล้ว และมารวมตัวกันอยู่ที่นี่พอดี
“ท่านปู่ พี่ๆ หากพวกท่านมีเวลาก็ฝึกยุทธ์กันอยู่ในนี้เถิดนะ พยายามยกระดับพลังยุทธ์ขึ้นไปให้เร็วที่สุด พวกท่านใช้ข้าวของภายในนี้ได้ตามสบาย ต้องการสิ่งใดก็หยิบไปใช้ได้เลย”
“ได้ เจ้าไปทำธุระเถิด” พวกเขาพยักหน้า หลังจากนั้นแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระของตน ไม่สนใจเธออีก
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นพวกเขายอมรับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็วจึงอมยิ้มพลางส่ายหน้าก่อนจะหายตัวออกไป
หลังจากนั้นเธอก็ไปหาซือหม่าหลิน บอกว่าเตรียมยาวิเศษเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับการไปรักษาท่านอดีตประมุข
จากนั้นเธอกับซือหม่าหลินและผู้อาวุโสใหญ่ รวมทั้งนักหลอมยาคนหนึ่งของตระกูลก็ไปยังถ้ำภูเขาด้วยกัน
นักหลอมยาผู้นี้เป็นผู้ติดตามของอดีตประมุขตระกูลมาโดยตลอด เขามาเพื่อเป็นลูกมือให้กับซือหม่าโยวเย่ว์นั่นเอง
ซือหม่าหลินและผู้อาวุโสใหญ่ช่วยกันคลายเคล็ดวิชาลับบนร่างของอดีตประมุขตระกูลออก ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ในทันทีว่าโอกาสรอดชีวิตของเขาค่อยๆ ลดลงไป มิน่าเล่าพวกเขาจึงเลือกที่จะใช้เคล็ดวิชาลับมารักษาชีวิตของเขาเอาไว้
เธอเข้ามาป้อนยาวิเศษใส่ปากเขา หลังจากนั้นจึงให้เขาแช่ในถังน้ำที่เต็มไปด้วยเครื่องยา ร่วมกับที่ยาวิเศษเริ่มต้นเชื่อมเอ็นประสานกระดูกให้กับเขา วิธีการคล้ายกับตอนช่วยไป๋หยวนฉุน แต่ยากกว่าอยู่มากพอสมควรเลยทีเดียว
เธอกับพวกผู้อาวุโสใหญ่อยู่ภายในถ้ำกันนานถึงสามวันจึงจะซ่อมแซมร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจึงให้คนพาเขากลับไปยังเรือนพักของซือหม่าจวิ้น
ขณะนี้อดีตประมุขตระกูลคล้ายกับคนครึ่งเป็นครึ่งตาย ซือหม่าโยวเย่ว์จะต้องปลุกสติรับรู้ของเขาขึ้นมา มิฉะนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล
แต่ตอนนี้เธอเหน็ดเหนื่อยเกินไป จำเป็นจะต้องพักผ่อน มิฉะนั้นยังไม่ทันจะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาได้ ตนเองก็คงจะล้มพับไปเสียก่อนแล้ว
ตลอดสองวันที่เธอฟื้นฟูพลังจิต ซือหม่าโยวหลินและซือหม่าโยวหลานก็คอยสร้างค่ายกลป้องกันอารักขาเธออยู่ตลอด พร้อมกับปกป้องอดีตประมุขตระกูลไปด้วย
ถ้าหากซือหม่าหลินส่งยอดฝีมือมา เช่นนั้นข่าวที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็อาจรั่วไหลออกไปได้ แต่การส่งคนรุ่นเยาว์มากลับไม่เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
ซือหม่าโยวเย่ว์ลืมตาขึ้นมาก็เห็นพวกซือหม่าโยวหลาน เธอสะดุ้งแล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้ามาทำไมกัน”
“มาอารักขาเจ้าน่ะสิ!” ซือหม่าโยวหลานพูด “แล้วจะได้เห็นว่าเจ้าจะช่วยปลุกท่านปู่ใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไรด้วย”
ซือหม่าโยวเย่ว์ลงมาจากเตียง ซือหม่าไท่นอนอยู่ที่ฝั่งด้านในของเธอ
“ท่านประมุขตระกูลส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ถึงจะวางใจได้จริงๆ สินะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางสวมรองเท้าไปด้วย
“ท่านปู่รู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าไม่ต้องการการอารักขา!” ซือหม่าโยวหลานพูดพลางหัวเราะ
ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่นางแล้วหยิบเตาหลอมยาออกมา ก่อนจะทำการกลั่นตัวยาเหลวออกมาจากหญ้าจันทร์รำเพยและดอกกระบองเพชรอัสดง รวมทั้งเครื่องยาอีกสิบกว่าอย่างพร้อมกัน หลังจากนั้นจึงเติมน้ำผึ้งผึ้งน้ำตาลเข้าไปหลอมพร้อมกัน ยังมิได้ผนึกยาก็ดับไฟเสียแล้ว
“เจ้าไม่หลอมให้เป็นยาวิเศษหรือ” ซือหม่าโยวหลานเข้ามาถาม
“ใครบอกว่าข้าจะไม่หลอมให้เป็นยาวิเศษกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งออกมาจากตัวยาเหลวแล้วใส่เข้าไปในปากซือหม่าไท่ ก่อนจะให้ซือหม่าโยวหลินยกถังน้ำมาเติมน้ำแล้วใส่ตัวยาเหลวในเตาหลอมยาลงไปในน้ำอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงให้เขาอาบน้ำให้กับซือหม่าไท่ ส่วนตนและซือหม่าโยวหลานออกไปข้างนอกก่อน
ซือหม่าโยวหลินเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เรียกตนราวกับเรียกเด็กรับใช้ มุมปากจึงบูดเบี้ยวเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมไปตามคำสั่ง ใครใช้ให้เขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียวในที่นี้กันเล่า!
ซือหม่าโยวหลานเห็นเรือนอันว่างเปล่า จึงเอ่ยถามว่า “แล้วพวกท่านปู่ของเจ้าล่ะ”
“ออกไปข้างนอกน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดโดยตาไม่กะพริบ
“อ้อ” ซือหม่าโยวหลานพยักหน้า เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์จ้องมองตนด้วยแววตาแปลกประหลาดอยู่บ้าง จึงยกสองมือขึ้นบังหน้าอกโดยสัญชาตญาณแล้วถามว่า “เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไมกัน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในตัวเจ้ามีสายโลหิตสัตว์อสูรวิเศษชนิดใด” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
ซือหม่าโยวหลานส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากทำการทดลองกับเจ้าน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเคอะเขิน
ไม่รู้สายโลหิต มิใช่เรื่องง่ายเลย!
ซือหม่าโยวหลานสีหน้าดำทะมึนอย่างห้ามไม่อยู่ ใช้ตนมาทำการทดลองอย่างนั้นหรือ!
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าดูมีอันตรายพอตัวเลยนะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ที่ไหนกันเล่า! ข้าจิตใจเมตตา บริสุทธิ์ และหล่อเหลาถึงเพียงนี้ แล้วจะไปมีอันตรายได้อย่างไรกัน! เจ้าต้องมองคนผิดอย่างแน่นอน!”
ซือหม่าโยวหลานเบ้ปาก นางคงจะเชื่อคำพูดนี้หรอกนะ!
ภายในห้อง ซือหม่าโยวหลินถอดเสื้อผ้าของซือหม่าไท่ออกจนหมดแล้ววางตัวเขาลงในถังน้ำอีกครั้ง ก่อนจะเหนี่ยวนำตัวยาเหลวเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายของเขาตามที่ซือหม่าโยวเย่ว์บอก แต่จนกระทั่งน้ำใสสะอาดแล้ว ก็ยังไม่เห็นเขาฟื้นขึ้นมาเลย
“หรือจะต้องทำตามที่เขาบอกจริงๆ” เขาไม่เห็นท่าทีว่าซือหม่าไท่จะฟื้นขึ้นมาเลย จึงเอ่ยอย่างลังเล
เขายกมือขึ้นแล้ววางลง หลังจากนั้นจึงยกขึ้นแล้ววางลงอีกครั้ง
“เพื่อเรียกท่านปู่ให้ฟื้น จะถูกลงโทษก็ถูกลงโทษไปเถิด!”
พอพูดจบเขาก็กัดฟันแล้วตบบ้องหูทั้งสองของซือหม่าไท่อย่างแรงจนเสียงฟาดดังออกไปข้างนอก
“เพียะๆ”
ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลานที่กำลังสนทนากันอยู่ตกตะลึง ทั้งสองมองไปทางห้องนั้นแล้วเอ่ยว่า “เขาคงมิได้ตบบ้องหูท่านปู่จริงๆ หรอกนะ”
“พรวด…” ซือหม่าโยวเย่ว์พ่นน้ำชาในปากออกมาจนหมดแล้วเอ่ยว่า “คงไม่หรอกกระมัง ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้นเองนะ
“เพียะๆ”
เสียงดังลอยมาอีกสองครั้ง ซือหม่าโยวเย่ว์รีบวางถ้วยชาในมือแล้วผลักประตูเข้าไป ก็เห็นหนึ่งชายชราและหนึ่งชายหนุ่มนั่งจ้องตากันอยู่พอดี
“เรียกให้ฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ ด้วย…” เธอเอ่ยพึมพำ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าซือหม่าไท่ยังคงเปลือยกายอยู่ในถังน้ำ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นจากหน้าประตู แต่เธอก็ยังคงผลักประตูกลับออกไป
“เจ้าเด็กบ้า เจ้ากล้าตบบ้องหูข้าเชียวหรือ!” ซือหม่าไท่ถลึงตาใส่ซือหม่าโยวหลิน
ซือหม่าโยวหลินหนังศีรษะชา เขาเอ่ยว่า “โยวเย่ว์บอกว่าน้ำใสแล้วท่านยังไม่ฟื้น ก็ให้ข้ากระตุ้นร่างกายท่านสักหน่อย ทั้งยังบอกด้วยว่าใบหน้าอยู่ใกล้สมอง การตบบ้องหูจะได้ผลดียิ่ง”
“โยวเย่ว์คือใครกัน” ซือหม่าไท่ถามด้วยสีหน้าดำทะมึน
“เป็นหลานของท่านปู่เลี่ย เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตท่านขึ้นมาขอรับ” ซือหม่าโยวหลินพูด
ขณะนี้เองซือหม่าโยวเย่ว์ก็พูดมาจากด้านนอกว่า “พี่โยวหลินอย่าใส่ร้ายข้าสิ ข้าแค่บอกว่าอาจจะได้ผล มิได้บอกให้เจ้าตบจริงๆ เสียหน่อยนี่!”
……………………………………….