“ไม่ใช่แล้วกระมัง โยวเย่ว์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นหรอกนะ ถ้าหากถูกพวกมันจับตัว พวกเราก็จะจบชีวิตเอาได้นะ!” ซือหม่าโยวหยางตะโกนดังลั่น
ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้สัตว์อสูรบินได้มาครองเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มิใช่ว่าจะยอมเอาชีวิตไปแลกนี่! เขายังใช้ชีวิตไม่พอเลยนะ!
“กลัวอะไรกันเล่า มีข้าอยู่ทั้งคน วันนี้จะมอบนกสักตัวให้เจ้าเอง!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม
เจ้าวิหคน้อยพาพวกเขาร่อนลงบนพื้นดิน ซือหม่าโยวเย่ว์อาศัยช่องว่างที่สัตว์อสูรบินได้เหล่านั้นตามหลังอยู่ใส่สิ่งของบางอย่างเข้าไปในพื้นดิน
“มิได้พบมนุษย์มานานแล้ว วันนี้พวกเรามีลาภปากกันเสียแล้วสินะ” เหยี่ยวนกเขาพูด
“เก้าคน พวกเราแต่ละตัวจะได้มนุษย์ทั้งคนเลยนะ!” เสียงของนกแร้งค่อนข้างแหลมสูง เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ข้าต้องการเจ้าเด็กคนตรงกลาง แลดูหนังนิ่มเนื้อนุ่ม คงจะอร่อยน่าดูเลยทีเดียว” อินทรียักษ์ตัวหนึ่งพูด
“เช่นนั้นข้าเอาเด็กสาวผู้นั้นแล้วกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองบรรดานกยักษ์เหล่านั้นโดยไม่เอ่ยวาจา พวกมันไม่จัดการพวกเขา แต่กลับเริ่มต้นแบ่งสันปันส่วนกัน ช่างไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเอาเสียเลย!
“เฮ้… พวกเจ้าแบ่งกันเช่นนี้ ได้ถามความเห็นของพวกเราแล้วหรือ” เธอส่งเสียงขึ้น ดึงดูดความสนใจของฝูงนกยักษ์มาทางนี้จนหมด
“เจ้าเด็กผู้นี้กำลังพูดกับพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือ” อินทรียักษ์พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ดูเหมือนจะใช่นะ”
“พวกเราแบ่งอาหารกัน ยังจะต้องถามความคิดเห็นของอาหารด้วยหรือ”
นกยักษ์จ้องมองเธอด้วยแววตาอันน่าสยดสยอง
ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ อย่างไม่ตกใจกลัวว่า “พวกเราไม่คิดจะเป็นอาหารให้พวกเจ้าหรอกนะ ในทางกลับกัน พวกเราอยากจะให้พวกเจ้ากลายเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของพวกเราด้วย!”
“สัตว์อสูรผูกพันธสัญญาหรือ” เหล่านกยักษ์สะดุ้งก่อน หลังจากนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะ “มนุษย์อย่างพวกเจ้ายังคิดอยากจะให้พวกเรากลายเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของพวกเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ ช่างพูดจาใหญ่โตเกินตัวเสียจริง!”
“บรรดาพี่ชายของข้าถูกใจพวกเจ้าเข้าแล้วน่ะสิ ให้พวกเจ้าเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญา นับเป็นเกียรติของพวกเจ้าแล้วนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังก็ยอมมาแต่โดยดี มิฉะนั้นก็ต้องลงมือจนกว่าพวกเจ้าจะยอมศิโรราบ!”
พวกซือหม่าโยวหยางมองซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเทิดทูน นี่สิจึงจะเป็นยอดคน เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิเศษทั้งฝูงก็ยังกล้าพูดเช่นนี้ได้!
“ฝีปากดียิ่งนัก ในเมื่อพวกเจ้ารีบร้อนรนหาที่ตายกันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็จะสนองให้พวกเจ้าเอง! จะฆ่าพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยมาแบ่งกันก็ได้!” เหยี่ยวนกเขาส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น
เจ้าวิหคน้อยบินมาตรงหน้าซือหม่าโยวเย่ว์พลางก่นด่าว่า “ใครกล้าทำร้ายเจ้านายข้า!”
เหยี่ยวนกเขาเหลือบตามองเจ้าวิหคน้อยปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ก็แค่สัตว์อสูรเทพขั้นสองตนหนึ่งเท่านั้น ยังมีหน้ามาขัดขวางพวกเราอีกหรือ!”
“ก็แค่สัตว์อสูรเทพขั้นสามขั้นสี่ฝูงหนึ่งเท่านั้น ยังมีหน้ามาด่าทอสัตว์อสูรวิเศษของข้าด้วยหรือ! ถ้าข้าหงุดหงิดขึ้นมา จะจับเจ้ามาทำนกย่างเสียเลยนี่!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะโกนเสียงดัง
ไม่เพียงแค่ซือหม่าโยวหยางเท่านั้น คราวนี้แม้กระทั่งซือหม่าโยวหลินก็ยังตกตะลึงอยู่บ้าง เจ้านี่ช่างฝีปากกล้าเสียเหลือเกิน!
“ดี! ข้าจะฆ่าสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเจ้าทิ้งก่อนแล้วค่อยฆ่าเจ้าเสีย!” เหยี่ยวนกเขาเดือดดาล
“เจ้าอยากจะฆ่าสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของข้าก็ฆ่าได้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองค้อนเหยี่ยวนกเขาแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะพูดอีกรอบเดียวนะ ถ้าพวกเจ้ารู้ความก็รีบเข้ามาให้พวกเราทำพันธสัญญาเสีย มิฉะนั้นข้าจะโจมตีจนกว่าพวกเจ้าจะยอมศิโรราบ!”
“ช่างเป็นมนุษย์ที่โอหังนัก!” นกแร้งพูด “ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าวันนี้เจ้าจะโจมตีจนกว่าพวกเราจะยอมศิโรราบได้อย่างไร!”
“สัตว์อสูรเทพขั้นสองตัวหนึ่งไม่ควรค่าแก่การดูหรอก บวกกับพวกเจ้าทั้งหมดก็ยังไม่พอให้พวกเราสู้ด้วยเลย” เหยี่ยวนกเขาพูด
“ใครบอกว่าพวกเราจะสู้กับพวกเจ้าเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เฮ้ๆๆ พวกเจ้าคงจะมีสัตว์อสูรเทพกันหมดแล้วกระมัง เรียกออกมาให้หมดเลย พวกมันคิดจะใช้จำนวนสัตว์อสูรเทพที่มากกว่ามารังแกพวกเรา ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องสู้กลับ!”
พวกซือหม่าโยวหยางจนคำพูด ได้แต่เรียกสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของตนออกมา
“เพิ่มขึ้นมาอีกสี่ตัว ก็ยังไม่พออยู่ดีกระมัง!” นกแร้งพูดพลางหัวเราะเสียงดัง
“พอแล้วน่า ยังจะมาเล่นอะไรกับพวกเขาอยู่อีก ฆ่าๆ ไปเสียก็สิ้นเรื่อง!” เหยี่ยวดำขั้นห้าตัวหนึ่งเอ่ยปากอย่างหมดความอดทน
“อย่านะ!” นกแร้งพูด “ไม่มีคนเข้ามาในนี้นานหลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีคนมาตั้งหลายคน เล่นกับพวกเขาสักหน่อยเถิด!”
“เล่นบ้าเล่นบออะไรกันเล่า!” เหยี่ยวดำเอ่ยเสียงดุ “การฝึกสำคัญกว่านะ!”
“สัตว์อสูรเทพระดับจ้าววิญญาณเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเหยี่ยวดำ สองตาเปล่งประกาย “พี่ใหญ่ ตัวนี้ยกให้ท่านเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่”
“ใช้ได้เลยล่ะ” ซือหม่าโยวหมิงพยักหน้า
“ตกลงกันเช่นนี้แล้วกัน เหยี่ยวดำตัวนี้เป็นของพี่ใหญ่ข้าแล้วนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ส่วนที่เหลือ พวกเจ้าก็เลือกตัวที่ชอบกันตอนนี้เลย หรือว่าจะรอให้กำราบพวกเขาเสร็จแล้วค่อยเลือกดีเล่า”
เออ…
ทุกคนมองเธออย่างจนคำพูด ต่อให้ตอนนี้พวกเขามีสัตว์อสูรเทพเพิ่มมาสี่ตัวก็ยังต่อสู้กับพวกมันไม่พออยู่ดีกระมัง!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสัตว์อสูรเทพของพวกเขาต่างก็เป็นเพียงแค่ขั้นหนึ่งขั้นสองเท่านั้น พลังยุทธ์อ่อนแอกว่าอีกฝ่ายอย่างเทียบไม่ติดเลย
“ปากดีเหลือเกิน!” อินทรียักษ์ส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น
“เจ้าผึ้งจ๋า มีคนรังแกข้า เจ้าต้องช่วยข้าจัดการคนเลวนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางเรียกตัวนางพญาผึ้งแดงออกมา
“นางพญาผึ้งแดงหรือ!” พอเหล่านกยักษ์จำได้ว่าเป็นนางพญาผึ้งแดงก็ดีใจไม่น้อย “หากกินมันลงไปข้าก็จะยกระดับได้อีกสามขั้น กลายเป็นสัตว์อสูรเทพขั้นสี่แล้วสิ!”
“อย่าแม้แต่จะคิด เจ้าผึ้งจ๋าเป็นของข้า!” ซือหม่าโยวเย่ว์กอดนางพญาผึ้งแดงไว้แล้วเอ่ยว่า “เชียนอิน ย่ากวง พวกเจ้าก็ออกมาด้วยสิ”
เพียงครู่เดียวก็มีสัตว์อสูรเทพเพิ่มมาอีกสองตัว ระดับขั้นของเชียนอินก็เหมือนกันกับเหยี่ยวดำ เมื่อเร็วๆ นี้ย่ากวงก็ได้รับผลพลอยได้จากการเลื่อนระดับของซือหม่าโยวเย่ว์จนสำเร็จเป็นสัตว์อสูรวิเศษขั้นสองแล้ว
“ตอนนี้แปดต่อแปด บวกกับเจ้าคำรามน้อยด้วยก็เป็นเก้าต่อแปดแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พี่ๆ เรียกสัตว์อสูรวิเศษของพวกท่านออกมาด้วยสิ!”
พวกซือหม่าโยวหมิงพยักหน้าแล้วเรียกสัตว์อสูรวิเศษของตนออกมาจนหมด ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับขั้นสัตว์อสูรเทพ แต่อีกก้าวเดียวก็จะไปถึงระดับสัตว์อสูรเทพแล้ว
พวกซือหม่าโยวหลินเห็นเช่นนี้ก็เรียกสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาตัวอื่นๆ ของตนออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์อสูรทิพย์ขั้นสูงตามคาด
“เฮอะ… ต่อให้พวกเจ้าเรียกสัตว์อสูรวิเศษออกมามากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” เหยี่ยวนกเขาพูด
“จะรีบร้อนไปไหนเล่า ข้ายังเรียกออกมาไม่หมดเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เชียนอิน ข้าเรียกสมาชิกครอบครัวเจ้าออกมาด้วย คงไม่ว่ากันกระมัง”
เชียนอินพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “พวกเขาอยู่ในนั้นกันนานแล้ว คงอยากจะต่อสู้กันบ้างแล้วล่ะ!”
“เช่นนั้นก็ดีเลย” พอซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบ ข้างกายพวกเขาก็มีสัตว์อสูรเทพเพิ่มมาอีกฝูงหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ ไม่ได้ต่อสู้กับใครมานานมากแล้ว ข้าคันหมัดยิบๆ แล้วล่ะ!” จิ้งจอกห้าหางตัวหนึ่งตะเบ็งเสียงพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“สัตว์อสูรเทพมากมายเหลือเกิน!” ซือหม่าโยวหยางรู้สึกว่าตนเองได้รับความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง แววตาที่มองซือหม่าโยวเย่ว์แทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
ซือหม่าโยวหลินเองก็ตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่านอกจากเธอจะมีสัตว์อสูรเทพเป็นของตัวเองถึงสี่ตัวและสัตว์อสูรวิเศษที่ไม่รู้ระดับขั้นอีกตัวหนึ่งแล้ว จะยังมีสัตว์อสูรเทพอยู่มากมายถึงเพียงนี้อีก!
เหล่านกยักษ์เห็นอีกฝ่ายมีสัตว์อสูรเทพห้าหกตัวโผล่มาในพริบตา ระดับขั้นก็ยังพอๆ กันกับพวกมันอีกด้วย จึงตกตะลึงไปในทันใด มิน่าเธอจึงดูสงบถึงเพียงนี้ ที่แท้แล้วก็เพราะมีของดีจนไม่ต้องกลัวเกรงอะไรนี่เอง!
กลิ่นอายของเหยี่ยวดำเปลี่ยนกลายเป็นปั่นป่วนอย่างยิ่ง สถานการณ์เช่นนี้ออกจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกมันอยู่บ้างจริงๆ คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ ในสายตาของพวกเขาจะมีสัตว์อสูรเทพอยู่ในครอบครองมากถึงเพียงนี้ได้ พลังยุทธ์สูงกว่าพวกเขาไม่น้อยในชั่วพริบตา
“ถอย!” เหยี่ยวดำมิได้สูญเสียการควบคุมสติไป หลังจากชั่งน้ำหนักทั้งสองฝ่ายแล้วก็รีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“เอาหน่อยสิ ข้ายังไม่ทันได้ต่อตีจนพวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์เลยนะ จะไปได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเจ้าจะมีพลังมากกว่าพวกเรา แต่คิดจะจับพวกเราน่ะหรือ เรื่องนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้หรอก!” ตอนนี้นกแร้งไม่ล้อเล่นอีกแล้ว กลับกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาแทน
“เจ้าจะบอกว่าพวกเจ้ามีปีกบินหนีไปได้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพูดว่า “ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ตั้งแต่พวกเจ้าเข้ามา ที่นี่ก็ได้ถูกปิดผนึกเอาไว้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าบินหนีไปไม่ได้แล้วล่ะ”
………………………………………….