สลับชะตา ชายามือสังหาร – ตอนที่ 254 กระบี่ของหมัวซา

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหมัวซาออกมา

หลังจากที่เขาผสานรวมเจดีย์วิญญาณเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกมาน้อยครั้งนัก

“หมัวซา เหตุใดท่านจึงออกมาเล่า”

หมัวซาไม่ตอบเธอ เพียงแค่จ้องมองกระบี่หักเขม็ง ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ค่อยๆ แข็งตัวขึ้นมา เขาส่งแรงดึงกระบี่หักเข้ามาไว้ในมือ

“ท่านระวังด้วย…”

ซือหม่าโยวเย่ว์ยังพูดไม่ทันจบก็กลืนคำพูดกลับลงไป เพราะเธอพบว่ากระบี่หักนั้นดูสงบอย่างยิ่งในมือของหมัวซา แม้กระทั่งไอสังหารก็ถูกเก็บลงไปด้วย

และเมื่อหมัวซามองกระบี่หัก บนใบหน้าก็เผยแววอ่อนโยนออกมา ราวกับพบคนรักเก่าอย่างไรอย่างนั้น

“กระบี่หักเล่มนี้เป็นของท่านอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์อดถามมิได้

หมัวซาเอาแต่ลูบคลำกระบี่หักด้วยท่าทีระมัดระวังโดยมิได้ตอบเธอเลย ทำให้เธอพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง

“นี่คืออาวุธของเขาก่อนตายอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ลอบคาดเดากับตัวเองในใจ

จากนั้นหมัวซาก็โบกมือไปยังหีบ ทักษะวิญญาณเล่มนั้นจึงลอยออกมาจากภายใน หลังจากนั้นจึงดึงกล่องมาแล้ววางกระบี่หักลงไปก่อนจะเอ่ยว่า “เก็บไว้ให้ดี ก่อนที่เจ้าจะมีพลังยุทธ์มากพอ อย่าให้ผู้อื่นล่วงรู้จะเป็นการดีที่สุด ไม่ว่าใครก็ตาม”

ซือหม่าโยวเย่ว์รับหีบมาพลางมองหมัวซาแล้วเอ่ยว่า “เสียงเรียกที่ข้าสัมผัสได้ข้างนอกนั่น ความจริงแล้วมิได้กำลังร้องเรียกข้า หากแต่เป็นความรู้สึกระหว่างท่านกับมันใช่หรือไม่”

“เจ้าไม่ได้โง่นี่” มือของหมัวซาเปลี่ยนกลับไปเป็นโปร่งแสงอีกครั้ง เขาเอ่ยว่า “นี่คืออาวุธที่ข้าหลอมขึ้นมาเองกับมือก่อนตาย มันถูกทำลายในสงครามนั่น คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานปีถึงเพียงนี้แล้วจะยังได้เห็นมันอีกครั้ง”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูกระบี่หักภายในหีบ ผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้แล้วกระบี่หักเล่มนี้ก็ยังคงมีไอสังหารอันแรงกล้าเช่นนี้อยู่ แล้วในตอนที่มันสมบูรณ์แบบ มิได้หักพังเช่นนี้ จะเป็นอาวุธที่น่ากลัวขนาดไหน

“นี่มิใช่ดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลซือหม่าหรอกหรือ ท่านเป็นเผ่ามารแล้วอาวุธของท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ

“ข้าก็ไม่เคยบอกว่าข้าทำตกอยู่ในภพมารเสียหน่อย” หมัวซาพูด “บางทีอาจจะมีใครเก็บมันได้จากในสงครามนั่น หลังจากนั้นจึงพลัดมาอยู่ที่นี่กระมัง”

เสียงของหมัวซาเจือความเจ็บปวดอยู่บ้าง หลังจากพูดจบแล้วเขาก็กลับเข้าไปอยู่ในสร้อยข้อมือ

ซือหม่าโยวเย่ว์มอบหีบให้กับเจ้าวิญญาณน้อยพร้อมกับกำชับให้มันเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด หลังจากนั้นจึงหยิบตำราบนพื้นขึ้นมา

“ผสานร่างหรือ นี่มันตำราอะไรกัน”

ซือหม่าโยวเย่ว์พลิกตำราดูรอบหนึ่ง พออ่านส่วนแนะนำตำราที่ด้านหน้าแล้วก็มีความสุขจนเธอแทบจะจุมพิตตำราเล่มนั้นสักสองที

“มีตำราที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อยู่ด้วย ถูกฝังอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานขนาดนี้ เสียของจริงๆ เลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยิ้มตาหยี “แต่ถ้าหากมิได้เป็นอย่างนี้ กลัวว่าฉันจะไม่ได้แกมาครอบครองแล้วน่ะสิ”

ตำราผสานร่าง ก็เหมือนกับชื่อตำรา สิ่งที่พูดถึงก็คือจะทำให้เจ้านายกับสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของตนผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร หลังจากนั้นก็ถ่ายทอดความสามารถของสัตว์อสูรผูกพันธสัญญามาไว้ที่ตนเอง

วิธีการง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้เวลาเพียงแค่ห้าวันก็ฝึกได้สำเร็จแล้ว เธอเรียกตัวย่ากวงออกมา แล้วร่ายคาถาสองสามประโยค ย่ากวงก็กลายเป็นลำแสงสีขาวทาบทับบนร่างกายของเธอ ท่อนแขนของเธอก็กลายเป็นรูปร่างเหมือนกรงเล็บเหล็กของย่ากวง

เธอหยิบก้อนหินที่มุมห้องขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วทุบเบาๆ ก้อนหินก้อนนั้นก็กลายเป็นกองผุยผงไปในทันที

“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว!” ซือหม่าโยวเย่ว์สูดปาก สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของย่ากวงก็คือกรงเล็บ ตอนนี้หลังจากการผสานร่างแล้วตนจึงมีพลังเช่นนี้ด้วย

“แยกร่าง” เธอกระซิบ ย่ากวงจึงแยกออกมาจากร่างกายของเธอ

“สิ่งนี้มีประโยชน์มากจริงๆ!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองสองมือของตนอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นจึงเรียกตัวเจ้าวิหคน้อยออกมาแล้วเอ่ยว่าผสานร่าง เจ้าวิหคน้อยก็กลายเป็นลำแสงสีขาวทาบทับบนร่างกายของเธอ

คราวนี้มีปีกคู่หนึ่งปรากฏบนแผ่นหลังของเธอ เธอใช้จิตใต้สำนึกในการควบคุมปีกคู่นั้นให้เคลื่อนไหว ฝุ่นผงภายในห้องศิลาลอยฟุ้งกระจายไปทั่วในทันใด

“ฮ่าๆ รอให้ข้าออกไปก่อนแล้วมาลองดูกันว่าจะบินขึ้นไปได้หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพลางแยกร่างกับเจ้าวิหคน้อย

“น่าสนุกๆ เย่ว์เย่ว์ เจ้าลองผสานร่างกับข้าดูหน่อยสิว่าจะเป็นอย่างไร!” เจ้าคำรามน้อยที่อยู่ข้างๆ เห็นเธอเล่นสนุกอยู่คนเดียวจึงโวยวายขึ้นมา

“ได้เลย ผสานร่าง”

เจ้าคำรามน้อยผสานร่างกับซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพบว่าไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเธอเลย มิได้มีปีกงอกขึ้นมา และร่างกายก็มิได้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

“เจ้าคำรามน้อย เจ้ามีความพิเศษอะไรบ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

ผ่านไปครู่ใหญ่ เจ้าคำรามน้อยจึงค่อยเอ่ยด้วยเสียงเอื่อยๆ ว่า “กิน… นับหรือไม่”

ซือหม่าโยวเย่ว์สีหน้าดำทะมึน เธอแยกร่างแล้วโอบมันเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะจักจี้มัน

“ข้าก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะว่าเจ้ามันไม่มีประโยชน์ ทั้งยังกินล้างกินผลาญอีกต่างหาก! แล้วยังมีหน้ามาถามข้าอีกว่านับเป็นความพิเศษหรือไม่”

“ไอ้หยา ไอ้หยา ข้าจะตายอยู่แล้ว!” เจ้าคำรามน้อยตะโกนเสียงดัง

แต่ไม่ว่ามันจะร้องอย่างไร ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่สนใจ เธอจักจี้จนขนสีขาวทั่วร่างของมันพันกันยุ่งเหยิงไปหมด

“เจ้านาย ข้าว่าเจ้ากับเจ้าคำรามน้อย มิใช่ว่าจะไม่ได้ผลหรอกนะ” เชียนอินรอให้ซือหม่าโยวเย่ว์จัดการกับเจ้าคำรามน้อยเสร็จแล้วจึงค่อยเอ่ยปาก

“แต่ร่างกายข้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เจ้าคำรามน้อยถอนข่ายมนตร์ทั้งหมดทั้งมวลได้ ข้าว่าหลังจากที่เจ้านายผสานร่างกับมันแล้วน่าจะได้ทักษะนี้มาด้วย” เชียนอินพูด

ซือหม่าโยวเย่ว์ครุ่นคิด ดูเหมือนว่าความสามารถนี้ของมันจะโดดเด่นที่สุดจริงๆ

“เอาละ ตอนนี้พวกเราออกไปกันดีกว่า ไปดูว่าด้านหลังประตูอื่นๆ คือสิ่งใด” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาทั้งหลายกลับเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณแล้วตนจึงออกมาจากห้องศิลา

แต่เมื่อมาถึงด้านนอก ซือหม่าโยวเย่ว์จึงค้นพบว่าประตูเหล่านี้มีขีดจำกัดอยู่ คนหนึ่งคนเข้าไปได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น เธอเข้าไปในประตูหนึ่งแล้วจึงมิอาจเข้าไปในประตูอื่นได้อีก

“ไม่รู้ว่าจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร” เธอมองดูรอบถ้ำก็ยังไม่พบทางออก จึงได้แต่นั่งลงรอพวกซือหม่าโยวหลิน

การรอคอยครั้งนี้ยาวนานถึงยี่สิบวัน เมื่อนึกถึงว่าผ่านไปห้าหกวันตนก็ได้มันมาครองแล้ว ไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับคือสิ่งใด

ผู้ที่ออกมาเป็นคนแรกคือซือหม่าโยวฉิง เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์นั่งอยู่ข้างนอกจึงเอ่ยถามว่า “โยวเย่ว์ เจ้าไม่เข้าไปหรือ”

“เข้าไปมาแล้ว แต่ออกมาก่อนนานแล้ว กำลังรอพวกเจ้าอยู่ แต่พวกเจ้าไม่มีใครออกมากันสักคนเลย ข้ารอจนรากจะงอกอยู่แล้วนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวหลานด้วยสายตาเศร้าสร้อยเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้ารอมานานแล้วหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วยกนิ้วขึ้นมานับ “สักยี่สิบวันได้แล้วล่ะ เฮ้อ พวกเจ้าคงได้รับมรดกตกทอดอันยอดเยี่ยมกันหมดเลยกระมัง ถึงได้เนิ่นนานเช่นนี้”

“ไม่ใช่หรอก” ซือหม่าโยวฉิงพูด “ข้าใช้เวลาสิบวันในการทดสอบ ระยะเวลาที่รับมรดกตกทอดจริงๆ ก็แค่ครึ่งเดือนเท่านั้นเอง เอ๊ะ… แล้วเหตุใดเจ้าจึงออกมาได้รวดเร็วถึงเพียงนั้นเล่า”

ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาแล้วเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ต้องมีการทดสอบอีกหรือ”

“เจ้าไม่มีหรือ” ซือหม่าโยวฉิงมองเธออย่างประหลาดใจ

ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “พอข้าเข้าไปแล้วก็เห็นเพียงแค่ทางเดินยาวเหยียดเส้นหนึ่ง ไม่มีอะไรเลย ทางเดินก็สงบอย่างยิ่ง ไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย”

“เช่นนั้นเจ้าได้มรดกตกทอดมาครอบครองแล้วอย่างนั้นหรือ”

“นับว่าใช่แล้วกัน ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“สวรรค์เอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงโชคดีถึงเพียงนี้นะ ไม่มีการทดสอบเลย!” ซือหม่าโยวฉิงแหงนหน้ามองฟ้า เจ้าคนผู้นี้พลังยุทธ์แข็งแกร่งขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะยังโชคดีถึงเพียงนี้อีก กว่าพวกเขาจะได้รับมรดกตกทอดมาต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม แต่เจ้าคนผู้นี้ช่างดีเหลือเกิน แค่เดินตรงเข้าไปก็ได้มาแล้ว

อยากจะแย่งโชคดีของเธอมาบ้างจริงๆ!

…………………………………

สลับชะตา ชายามือสังหาร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

Status: Ongoing
เมื่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ นักฆ่าสาวจากยุคปัจจุบันตายลง วิญญาณกลับมาเข้าร่างคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนไร้ค่า’ ผู้ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน! เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เจ้าของร่างเดิมไหว้วานไว้นางจึงต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของโลกใบนี้ โลกที่ตัดสินกันด้วยพลังบำเพ็ญ! ถอนพิษในร่าง ฝึกวิชา แก้แค้นและตามหาบิดามารดาของร่างนี้ ในขณะที่นางมาถึงโลกนี้บางสิ่งที่หลับใหลในร่างของนางกลับ ‘ตื่นขึ้น’ พร้อมความฝันประหลาดที่เอ่ยถึงชื่อ ซีเหมินโยวเย่ว์ ความรู้สึกนั้นช่างสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันจนนางเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงอดีตหรือความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้กันแน่…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท