“เฟยเอ๋อร์ อันตรายถึงเพียงนี้แล้วเจ้ายังพาสหายของเจ้าเข้ามาด้วยทำไมกัน” ซางหลุนพูด “พวกเจ้ารีบออกไปดีกว่านะ ถ้าหากถูกโอวหยางตงพบตัวเข้าก็จะหนีไม่รอดแล้วนะ”
“ท่านตา ท่านอย่าร้อนใจไปเลย ข้ามาพาท่านออกไปอย่างไรเล่า” โอวหยางเฟยพูด
“ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าข้าออกไปไม่ได้ ตอนนี้ได้รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็สบายใจแล้ว” ซางหลุนพูด
“ใช่แล้ว เฟยเอ๋อร์ เจ้ารีบออกไปเร็วเข้าเถิด” ท่านยายของโอวหยางเฟยก็เอ่ยแนะนำเช่นกัน
โอวหยางเฟยมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “โยวเย่ว์ รบกวนเจ้าด้วยนะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเรียกเชียนอินออกมา มนุษย์และสัตว์อสูรผสานร่างกัน ซางหลุนอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
“นี่มันอะไรกัน” คนที่อยู่ในคุกต่างตกใจจนร้องออกมา
“ท่านตา โยวเย่ว์จะปลอมตัวเป็นท่านอยู่ที่นี่ตลอดสองสามวันนี้ โอวหยางตงไม่มีทางจับพิรุธได้แน่ ข้างนอกต้องการตัวท่านไปควบคุมสถานการณ์ ไปรวบรวมขุมอำนาจเหล่านั้นเข้าด้วยกัน” โอวหยางเฟยพูด “พอถึงวันประหาร โยวเย่ว์ก็จะพาตัวท่านยายและพวกท่านน้าออกไป พวกเราก็จะร่วมมือกันทั้งจากภายในและภายนอกเลย!”
เมื่อมองเห็นตัวเองอีกคน ซางหลุนก็พรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือกลิ่นอาย ล้วนเหมือนกับตนทุกประการ
“แต่ทำเช่นนี้แล้วสหายของเจ้าจะเป็นอันตรายหรือไม่” เขายังคงไม่วางใจ
โอวหยางเฟยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เขาอยู่ที่นี่ ผู้ที่จะเป็นอันตรายคือผู้อื่นต่างหากเล่า”
เมื่อเห็นหลานชายของตนประเมินโยวเย่ว์เอาไว้สูงเช่นนี้ ซางหลุนจึงอดประเมินเธอสูงขึ้นตามไปด้วยมิได้ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกไปกับเจ้าด้วยแล้วกัน”
“ได้เลย ท่านตา พวกเราไปกันเถิด”
“รอเดี๋ยว” ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกพวกเขาเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ท่านตาซาง วรยุทธ์ของพวกท่านถูกตัวยาผนึกเอาไว้ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว” ซางหลุนพยักหน้า
“ให้ข้าตรวจดูหน่อยจะได้หรือไม่”
“ได้สิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์จับชีพจรให้ซางหลุนแล้วพูดกับโอวหยางเฟยว่า “มิใช่ยาพิษร้ายแรงแต่อย่างใด เมื่อออกไปแล้วเจ้าก็หลอมยาถอนพิษได้ เครื่องยาอื่นๆ เจ้าน่าจะมีครบหมดแล้ว ส่วนนี่คือตัวยาสำคัญต่างๆ”
พอพูดจบเธอก็หยิบเอาเครื่องยาหลายชนิดที่ยังคงเปรอะเปื้อนฝุ่นดินให้กับโอวหยางเฟย
เมื่อโอวหยางเฟยได้เห็นเครื่องยาเหล่านั้นก็รู้แล้วว่าต้องหลอมยาวิเศษชนิดใด เขารับเครื่องยามาแล้วเอ่ยว่า “เอาละ เรื่องทางนี้ก็รบกวนเจ้าด้วยนะ”
“วางใจเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้ม
“พี่สาว ข้าขออยู่เป็นเพื่อนท่านแล้วกัน!” สายรุ้งพูด
“สายรุ้ง ไปรอข้าข้างนอกนั่นพร้อมกับสามีเจ้าแล้วกัน เจ้าอยู่ที่นี่ก็คงเบื่อหน่ายเปล่าๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพลางลูบหัวเจ้าสายรุ้ง
ตอนนี้เจ้าไก่ฟ้าคร้านจะสนใจซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว มันจับตัวสายรุ้งเอาไว้แล้วหมุนกายเดินออกไป
โอวหยางเฟยเห็นเช่นนี้จึงรีบลากตัวซางหลุนออกไป หลังจากนั้นจึงลงกลอนประตูลูกกรง
“โยวเย่ว์ ทำให้เจ้าต้องมาติดคุกกับพวกเราอยู่ที่นี่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ” ท่านยายพูดอย่างขอโทษขอโพย
“ท่านยาย ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินมาที่ข้างกำแพงแล้วนั่งลงพลางเอ่ยว่า “ข้ากับโอวหยางรู้จักกันมาหกปีแล้ว เขาเคยช่วยเหลือข้า ตอนนี้ข้าช่วยเหลือเขาบ้างย่อมเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว”
“เจ้ากับเฟยเอ๋อร์รู้จักกันมานานเพียงนี้เชียวหรือ” ท่านยายพูดอย่างตกใจ
หากพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเธอรู้จักกับโอวหยางเฟยตั้งแต่ตอนที่เขาเพิ่งหายตัวไปไม่นานเลยน่ะสิ
“อื้อๆ พวกเราไม่เพียงแต่จะรู้จักกันมาเนิ่นนานเท่านั้น แต่ยังใช้ชีวิตร่วมกันอีกด้วย นอกจากตอนนอนและตอนฝึกยุทธ์แล้ว ทุกคนก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ทุกคนหรือ”
“ถูกต้อง พวกเราห้าคน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“โยวเย่ว์เอ๋ย เจ้าช่วยเล่าเรื่องชีวิตของเฟยเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี้ให้พวกเราฟังหน่อยได้หรือไม่” ท่านยายก็นั่งลงด้วยเช่นกัน
“ได้เลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้นเธอจึงเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนที่เริ่มรู้จักกับโอวหยางเฟยจนถึงตอนนี้ให้พวกเขาฟัง เมื่อได้ฟังว่าตอนนี้หลานชายของตนร้ายกาจถึงเพียงนี้แล้ว และได้รับความยากลำบากมามากมาย ผู้เฒ่าชราทั้งดีใจทั้งปวดใจ
เมื่อได้ฟังเรื่องมิตรภาพของพวกเขา ญาติสนิททั้งหลายของโอวหยางเฟยจึงยิ่งทวีความรู้สึกซาบซึ้งต่อเธอ
“ขอบใจพวกเจ้ามากนะที่ทำให้เขาได้เติบโตในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ ถ้าหากมิใช่เพราะได้พบกับพวกเจ้า ได้เผชิญกับเรื่องเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเช่นไรบ้าง!” ท่านยายรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
“การได้พบเขาก็เป็นโชคดีของพวกเราเช่นกัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพร้อมรอยยิ้ม “เอาละ ตอนนี้ข้าจะหลอมยาถอนพิษให้พวกท่านแล้วนะ”
“เจ้าเป็นนักหลอมยาด้วยหรือ” หญิงสาวอายุราวยี่สิบปีเอ่ยถาม
“รู้วิชาเล็กน้อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอเหวี่ยงตัวเจ้าคำรามน้อยออกมา ให้มันไปสร้างข่ายมนตร์ หลังจากนั้นจึงหยิบเครื่องยาออกมาโต๊ะหนึ่ง รวมทั้งเตาหลอมยาด้วย ในบรรดาเครื่องยาเหล่านั้น มีจำนวนหนึ่งที่เหมือนกับตัวยาหลักที่ให้โอวหยางเฟยไป
กรงเล็บขนาดจิ๋วของเจ้าคำรามน้อยโบกไปมา ทั่วทั้งห้องขังก็ถูกข่ายมนตร์ล้อมรอบเอาไว้ การเคลื่อนไหวยามที่เธอหลอมยาวิเศษจะได้ไม่เล็ดลอดออกไปข้างนอก
หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มต้นหลอมยาวิเศษ กลั่นเครื่องยา ผสานรวม และผนึกยา ระดับขั้นของยาวิเศษไม่สูงนัก แต่เธอก็ยังคงตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าตระกูลซางจะบ่มเพาะนักหลอมยาเอาไว้ด้วยเช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นนักหลอมยาลงมือหลอมยากับตา เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์หลอมยา ทุกคนจึงรู้สึกสนใจใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์หลอมยาวิเศษถึงสี่เตาต่อเนื่องกัน หลังจากนั้นจึงเก็บเตาหลอมยาเข้าไป แล้วให้เจ้าคำรามน้อยคลายข่ายมนตร์
เธอหยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งให้ท่านยาย หลังจากนั้นจึงส่งยาวิเศษให้กับเจ้าคำรามน้อย ให้มันเอาไปแบ่งให้กับทุกคนในคุก
เจ้าคำรามน้อยโอบขวดหยกบินไปทางประตูห้องขัง ร่างกายอ้วนกลมติดอยู่ระหว่างซี่ลูกกรง
“เย่ว์เย่ว์ เย่ว์เย่ว์ ข้าติดอยู่ตรงนี้!” เจ้าคำรามน้อยตะโกนดังลั่น
“ข้าเห็นแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ใครใช้ให้เจ้าอ้วนขนาดนั้นกัน ควรจะลดน้ำหนักได้แล้วนะ!”
“ข้าออกจะผอมบางเพรียวลมเช่นนี้ จำเป็นต้องลดน้ำหนักที่ไหนกันเล่า!” เจ้าคำรามน้อยบิดร่างไปมาอยู่ระหว่างซี่ลูกกรงจนร่างกายเล็กลงแล้วหลุดออกมาได้อย่างราบรื่น
มันแบ่งยาวิเศษให้กับทุกคน หลังจากนั้นจึงบินกลับมา เมื่อมาถึงด้านในห้องขังแล้วมันจึงขยับร่างไปมา ร่างกายจึงกลับมามีขนาดเท่ายามปกติ
“ท่านยาย พวกท่านกินยาวิเศษลงไปแล้วกระตุ้นมัน พรุ่งนี้วรยุทธ์ก็จะฟื้นคืนกลับมาแล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ท่านยายหยิบยาขึ้นมาพลางทอดถอนใจแล้วเอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “ตอนนี้พวกเรามียาถอนพิษแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อวี่เอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง นางถูกพิษพร้อมกันกับพวกเรา แต่ถูกจับขังเอาไว้ตามลำพัง พวกเราจึงไม่รู้สถานการณ์ของนางเลย”
“น้าหญิงอวี่มิได้ถูกขังด้วยกันกับพวกท่าน เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเราอยู่บ้าง ก่อนพวกเราจะมายังนึกว่านางอยู่ด้วยกันกับพวกท่าน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอก ให้เจ้าคำรามน้อยส่งยาถอนพิษไปก็พอแล้ว”
“แต่ด้านนอกของตำหนักที่อวี่เอ๋อร์ถูกขังนั้นมีข่ายมนตร์อยู่ ถ้าหากมีคนไปสัมผัสข่ายมนตร์เข้า ทหารยามเหล่านั้นก็จะตรงไปหาเลย” ท่านยายพูด
“ไม่มีปัญหา ข่ายมนตร์พวกนั้นไม่ส่งผลอะไรต่อเจ้าคำรามน้อยหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ท่านยาย ท่านวางใจเถิด ยกเรื่องพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง” เจ้าคำรามน้อยแสดงท่าทีน่าเอ็นดู
ซือหม่าโยวเย่ว์มอบยาวิเศษให้กับเจ้าคำรามน้อยแล้วเอ่ยว่า “พอเจ้าไปที่นั่นก็ไม่ต้องกลับมาแล้วนะ อยู่คุ้มกันน้าหญิงอวี่ที่นั่นเลย รอจนถึงวันนั้นแล้วค่อยพาน้าหญิงอวี่มารวมตัวกับพวกเรา”
“ได้เลย” ยามปกติเจ้าคำรามน้อยไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่ในเวลาเช่นนี้ก็ยังเชื่อถือได้อยู่บ้าง
“พอเจ้าไปแล้วจงนำของสิ่งนี้ให้นางดู นางก็จะเชื่อเจ้าเอง” ท่านยายถอดปิ่นปักผมบนศีรษะส่งให้เจ้าคำรามน้อย
เจ้าคำรามน้อยรับปิ่นปักผมมาแล้วถือขวดหยกเอาไว้ ร่างกายขยับไหว เพียงไม่นานก็แปลงร่างกลายเป็นจุดสีขาวจุดหนึ่ง นำยาวิเศษและของแทนตัวออกไป
…………………………………….