เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราร่างเล็ก หัวใจซือหม่าโยวเย่ว์ก็เต้นรัว ดอกไม้ประจำตัวสุดยอดมารร้าย… หมายถึงหมัวซาอย่างนั้นหรือ
“สุดยอดมารร้ายคือใครกัน” เธอถามพลางกะพริบตา
“เจ้าไม่รู้จักสุดยอดมารร้ายหรือ” ชายชราร่างเล็กถามกลับ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ก็จริงนะ พวกเจ้าที่นี่ไม่รู้จักก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่หรอก”
ซือหม่าโยวเย่ว์ดึงมือของตนกลับมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านผู้เฒ่า บุปผาร้อยใบนี้ต้องใช้ตอนสดใหม่จึงจะให้ฤทธิ์ยาที่ดีกว่า ท่านยังไม่รีบกลับไปหลอมยาอีกหรือ”
ชายชราร่างเล็กไม่รีบร้อนแล้วเอ่ยว่า “กล่องใบนั้นของข้าเก็บรักษาความสดใหม่ของมันเอาไว้ได้ วางไว้นานเท่าใดก็ไม่เป็นปัญหาหรอก เด็กน้อย เจ้ารู้เกี่ยวกับการหลอมยามากพอดูทีเดียวนะ เจ้าเป็นคนของเมืองวิเศษหรือ”
“ไม่ใช่ แต่… แต่ข้าจะไปเมืองวิเศษ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“นั่นสิ ข้าอยู่ที่สมาพันธ์นักหลอมยาแห่งเมืองวิเศษก็ไม่เคยพบเห็นเจ้ามาก่อนเลย” ชายชราร่างเล็กพูด
“ท่านผู้เฒ่าเป็นคนของเมืองวิเศษหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ไม่ใช่หรอก ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ครึ่งเดือนเศษเท่านั้นเอง” ชายชราร่างเล็กพูด “ที่นั่นไม่สนุกเอาเสียเลย ข้าอยู่แค่ไม่กี่วันก็เลยออกมาน่ะ”
“ไม่กี่วันหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาอย่างประหลาดใจแล้วเอ่ยว่า “ค่ายกลใหญ่ป้องกันเมืองของเมืองวิเศษมิได้ถูกเปิดใช้แล้วหรอกหรือ แล้วเหตุใดท่านจึงออกมาได้เล่า”
“เชอะ แค่นั้นยังมีหน้ามาเรียกว่าค่ายกลใหญ่ป้องกันเมืองอีก ข้าก็เดินออกมาทั้งอย่างนี้แหละ ค่ายกลใหญ่นั่นไม่เห็นจะมีประโยชน์เลยสักนิดเดียว” ชายชราร่างเล็กดูแคลนระดับของค่ายกลนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อนึกถึงว่าเป็นเพียงแค่ดินแดนระดับต่ำเท่านั้นจึงมิได้วิจารณ์อะไรเพิ่มอีก
แต่คำพูดของเขากลับทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตระหนกตกใจไม่น้อยเลย!
ค่ายกลใหญ่ป้องกันเมืองของเมืองวิเศษปกป้องเมืองวิเศษมานับร้อยนับพันปี ย่อมไม่ต้องพูดถึงพลังอำนาจของมันเลย แต่ค่ายกลเช่นนี้กลับไม่อยู่ในสายตาของชายชราร่างเล็กผู้นี้เลย ที่แท้แล้วเขามีตัวตนเช่นไรกันแน่
หรือจะเป็นผู้ที่ลงมาจากดินแดนเบื้องบน
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เธอจึงยิ้มน้อยๆ ให้กับชายชราร่างเล็กพลางเอ่ยว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านลงมาจากดินแดนเบื้องบนใช่หรือไม่”
ชายชราร่างเล็กจ้องมองเธอพลางเอ่ยว่า “เจ้าช่างชาญฉลาดยิ่งนัก! ด้อยกว่าศิษย์ผู้นั้นของข้าเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น! แต่เจ้าเด็กนั่นหน้าเนื้อใจเสือมากกว่าเจ้าอยู่หน่อยหนึ่ง”
“ใครจะไปรู้ว่าศิษย์ของท่านอาจจะไม่เป็นสับปะรดก็ได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำอยู่ในใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ามิได้เลือนหายไป แล้วถามว่า “ท่านผู้เฒ่ามาทำอะไรที่ดินแดนอี้หลินหรือ”
“มาหาของน่ะ” ชายชราร่างเล็กพูด
“มาหาอะไรหรือ ต้องการให้ข้าช่วยท่านหรือไม่”
“บอกเจ้าไปเจ้าก็ไม่รู้อยู่ดี ทั้งยังไม่มีทางช่วยเหลือข้าได้ด้วย” ชายชราร่างเล็กพูดพลางส่ายหน้า
คราวนี้เขามาเพื่อหาดวงวิญญาณให้ศิษย์ของตน คาดว่าหากพูดออกมาแล้วคงทำให้เจ้าเด็กนี่ตกใจตายแน่
เมื่อเห็นเขาปฏิเสธ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็มิได้แปลกใจแต่อย่างใด ถึงอย่างไรพวกเขาก็เพิ่งรู้จักกันเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดมากแล้ว ถ้าหากเธอยังไม่กลับไปอีก คาดว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องออกมาตามหาเธออย่างแน่นอน จึงพูดกับชายชราร่างเล็กว่า “ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องกลับแล้ว ท่านอยู่ในภูเขานี่ต้องระมัดระวังหน่อยนะ ที่นี่ไม่ค่อยสงบสุขสักเท่าไหร่ ลาก่อน!”
เจ้าไก่ฟ้าเคยบอกว่าสิ่งมีชีวิตที่เกาะลืมกังวลตนนั้นต่อสู้อย่างทุลักทุเลเป็นเพราะมันถูกสะกดเอาไว้ ถ้าหากมิได้ถูกสะกด พลังยุทธ์ก็คงยากจะจินตนาการได้เลยทีเดียว
เจ้าคำรามน้อยเคยบอกว่ากลิ่นอายของเจ้าตัวที่เทือกเขาหมื่นอสูรแห่งนี้ก็มิได้ด้อยไปกว่าเจ้าตัวที่เกาะลืมกังวลเลย จะต้องเป็นตัวฉกาจเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าชายชราร่างเล็กผู้นี้จะลงมาจากเบื้องบน แต่ก็มิอาจล่วงรู้พลังยุทธ์ได้ เธอจึงเอ่ยเตือนเขาด้วยเจตนาดี
ที่นี่มีสิ่งนั้นอยู่ ชายชราร่างเล็กสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเทือกเขาหมื่นอสูรแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้ด้วย เขาจึงมีความสนใจใคร่รู้ในตัวเธอขึ้นมา
“เฮ้… เด็กน้อย” ชายชราร่างเล็กเรียกซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้
“ซือหม่าโยวเย่ว์” ซือหม่าโยวเย่ว์หยุดฝีเท้า เธอไม่ชอบให้ใครมาเรียกเฮ้ยๆ จึงได้บอกชื่อแซ่ของตนออกมา
“เจ้าเด็กซือหม่า” ชายชราร่างเล็กตั้งวิธีการเรียกชื่อใหม่ให้เธอ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่ไม่สงบน่ะ”
ช่วยไม่ได้ เขาอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป นี่คือจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ของเขาเลยทีเดียว
เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ เขาก็รู้สึกว่าในตัวเธอมีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาอยู่มากมายเลยทีเดียว
เห็นอยู่ว่าเป็นคนวัยเยาว์ แต่เหตุใดเมื่อดวงตาคู่นั้นเห็นของดีแล้วกลับไม่เกิดคลื่นลมอันใดเลย นอกจากนี้ทั้งตัวเธอยังทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหนือจริงบางอย่างอีกด้วย
ความรู้สึกเช่นนี้ เขาเคยเห็นเพียงแค่ตอนที่ศิษย์ของตนปลอมตัวเท่านั้น
“เดาเอาน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เดาอย่างไรเล่า” ชายชราร่างเล็กถาม
“ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องกลับแล้วจริงๆ มิฉะนั้นคนในครอบครัวข้าต้องร้อนใจตายแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าบอกแล้วถึงจะไปได้”ชายชราร่างเล็กเผยด้านวางอำนาจออกมาเสียแล้ว
“ท่านบอกข้ามาก่อนสิว่าท่านใช้บุปผาร้อยใบหลอมยาวิเศษอะไร แล้วข้าจะบอกท่าน ดีหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
“ยาวิเศษตรีปราณ” ชายชราร่างเล็กบอกชื่อยาวิเศษที่ตนจะหลอมออกมาโดยไม่หยุดคิด “ตอนนี้ถึงตาเจ้าบอกข้าบ้างแล้ว”
“ยาวิเศษตรีปราณจริงด้วย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอยู่ในใจ “แต่ใช้บุปผาร้อยใบหลอมยาวิเศษได้แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น”
“ข้าบอกไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยนะว่าเจ้าเดาได้อย่างไร” ชายชราร่างเล็กพูด
“อันที่จริงแล้วง่ายจะตายไป!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “สัตว์อสูรวิเศษทั่วทั้งเทือกเขาหมื่นอสูรล้วนเกิดการจลาจล นอกจากนี้ยังก่อตัวกลายเป็นการปฏิวัติสัตว์อสูร ไปโจมตีเมืองวิเศษอีกด้วย ถ้าหากนี่มิใช่ความไม่สงบแล้วจะเป็นอะไรได้เล่า”
“…” เมื่อได้รับคำตอบนี้ ชายชราร่างเล็กก็หดหู่อยู่บ้าง ตนเข้าใจความหมายของเจ้าเด็กนี่ผิดไปอย่างนั้นหรือ
“เอาละท่านผู้เฒ่า ข้าให้คำตอบท่านแล้วนะ ตอนนี้ข้าขอตัวกลับก่อน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ลาก่อน ท่านผู้เฒ่า”
เธอโบกไม้โบกมือให้ชายชราร่างเล็ก หลังจากนั้นจึงเรียกตัวเจ้าวิหคน้อยบินจากไป
ชายชราร่างเล็กเห็นเธอจากไป แววตายังคงมีความสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ปล่อยให้เธอจากไป มิได้รั้งตัวเธอเอาไว้อีก
ซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาห่างจากหน้าผาแห่งนั้นไกลพอสมควรแล้วจึงเอ่ยปากถามว่า “หมัวซา เมื่อครู่ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
“ข้าสัมผัสกลิ่นอายของวิญญาณข้าได้น่ะสิ” หมัวซาถ่ายเสียงตอบ
“วิญญาณของท่านอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจ “ท่านผู้เฒ่าเมื่อครู่นี้น่ะหรือ เขาคือวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของท่านหรือ”
“ไม่ใช่” หมัวซาพูด “วิญญาณของคนผู้นั้นครบสมบูรณ์ แต่คนที่วิญญาณของข้ากลับมาเกิดใหม่ต้องมีวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ น่าจะเป็นเพราะเขาเคยสัมผัสคนที่วิญญาณของข้ากลับชาติมาเกิด”
“แล้วเหตุใดเมื่อครู่ท่านจึงไม่จับตัวเขาเอาไว้แล้วเค้นถามถึงที่อยู่ของกายเนื้อของท่านเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เขาร้ายกาจยิ่งนัก พลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้กดดันเขาไม่ได้หรอก” หมัวซาพูด “ต่อให้รวมเจ้าด้วยก็เหมือนกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์จนคำพูด จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรกันดีเล่า”
“เจ้าไปตีสนิทเขาเอาไว้ คอยดูว่ารอบตัวเขามีใครอยู่บ้าง” หมัวซาพูด
“ตีสนิทเขาหรือ เขาเป็นคนของโลกเบื้องบน แล้วข้าจะไปตีสนิทเขาได้อย่างไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์หดหู่ใจ
“เจ้าก็คิดหาวิธีมาสิ” หมัวซาพูดจบแล้วเงียบงันไป ไม่พูดอะไรอีก
ซือหม่าโยวเย่ว์หันกลับไปมอง หรือตนจะกลับไปตอนนี้เลยดีนะ แต่กลับไปแล้วจะให้พูดว่าอย่างไรเล่า จะให้ถามตรงๆ ว่า ท่านผู้เฒ่า ใครในบรรดาคนรอบตัวท่านที่วิญญาณขาดหายไปบ้าง อย่างนี่น่ะหรือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะปลิดชีพตนเสียตรงนั้นเลยก็ได้
“เฮ้อ…” เธอถอนหายใจ “เขาบอกว่ามาเมืองวิเศษ คงจะมิได้จากไปในทันทีทันใดกระมัง ควรจะกลับไปหาเขาเลยหรือไม่”
ในขณะที่เธอลังเลอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงดังลั่นลอยมาจากเขาภาพมังกร เธอกังวลใจว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับค่ายพัก จึงให้เจ้าวิหคน้อยรีบบินกลับไปดูก่อน
ยังไม่ทันถึงเขาภาพมังกร เธอก็เห็นคนสองคนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่กลางอากาศแต่ไกล เสียงดังสนั่นเมื่อครู่นี้คงจะเป็นเสียงที่เกิดจากการต่อสู้ของทั้งคู่อย่างแน่นอน
เจ้าวิหคน้อยเร่งความเร็ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงเห็นคนที่เผชิญหน้ากันอยู่อย่างชัดเจน
“โยวหยางหรือ?”