“คุณหนูเหยียน เจ้ากลับมาพอดีเลย ศิษย์พี่เจ้านำคนมาโดยบอกว่าพวกเราลักพาตัวเจ้ามาไว้ที่นี่ เจ้ารีบกลับไปกับพวกเขาดีกว่า พวกเราไม่กล้าแบกรับข้อกล่าวหาเช่นนี้เอาไว้หรอก มิฉะนั้นสมาพันธ์นักหลอมยาจะต้องส่งคนมาล้างผลาญพวกเราอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เหยียนลู่จ้องมองหลี่มู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วตำหนิว่า “ข้าเองที่เป็นตัวต้นคิดว่าจะอยู่ที่นี่กับพวกเขา แล้วนี่ท่านกำลังทำอะไร บอกผู้อื่นว่าสมาพันธ์ของเราใช้อำนาจข่มเหงผู้คนอย่างไรเช่นนั้นหรือ”
“ศิษย์น้องหญิง พวกเราเป็นห่วงเจ้าหรอกนะ!” หลี่มู่เล่นลิ้น
“วันนี้คุณหนูเหยียนอยู่กับพวกโยวฉิงในหมู่บ้านมาทั้งวัน พวกเจ้ามีคนตั้งมากมาย จะไม่มีใครรู้เลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากคุณหนูเหยียนถูกพวกเราลักพาตัวมาจริง แล้วจะยังออกไปเที่ยวเล่นได้อย่างไรกันเล่า ถ้าหากพวกเจ้าจะหาข้ออ้างก็อย่าลากผู้อื่นมาเกี่ยวสิ! ไม่ใช่แค่อยากจะลองเชิงเด็กๆ อย่างพวกเราหรอกหรือ ก็พูดมาตรงๆ สิ จะมาลากคุณหนูเหยียนไปแปดเปื้อนด้วยทำไมกัน!”
คนของตระกูลน่าหลานและสมาพันธ์นักหลอมยาโมโหขึ้นมาในใจ เจ้าคนผู้นี้พูดจุดประสงค์ของพวกเขาออกมาตลอด ช่างทำให้พวกเขารู้สึกขายหน้าเสียจริง!
“ทุกคนจะโมโหไปทำไมกันเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าพูดไม่ถูกหรืออย่างไรกัน”
“เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ!” คนตระกูลน่าหลานคนหนึ่งตะคอก
“พูดจาเหลวไหลหรือไม่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ ในเมื่อทำเรื่องเช่นนี้ลงไปแล้ว จะมากลัวข้ากระชากหน้ากากพวกเจ้าอีกทำไมเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มเย็นชาพลางกวาดสายตามองพวกเขา “มิได้บอกว่าต้องเอาชนะพวกเจ้าสามคนหรอกหรือ ตอนนี้ชนะได้คนหนึ่งแล้ว ยังเหลืออีกสองคน พวกเจ้าจะส่งใครมาดีล่ะ”
เมื่อเห็นสองตาอันเย็นเยียบดุจน้ำแข็งของเธอแล้วพวกเขาจึงเข้าใจว่า ไม่ว่าจะส่งใครไปก็ต้องถูกต่อยตีจนน่าอนาถยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
รออยู่ครึ่งนาทีก็ไม่มีใครก้าวเข้ามา ซือหม่าโยวเย่ว์บีบสองมือเข้าหากันอยู่ตรงด้านหน้าทรวงอกพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อไม่มีคนเข้ามา เช่นนั้นข้าจะเลือกเองแล้วนะ เจ้า เข้ามานี่ พวกเรามาสู้กัน”
ผู้ที่ถูกชี้ตัวรีบก้าวถอยหลังพลางเอ่ยว่า “พลังยุทธ์ข้าต่ำต้อยยิ่งนัก ไม่สู้กับเจ้าหรอก!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ จึงชี้อีกคนหนึ่งแทนแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าแล้วกัน”
“พลังยุทธ์ข้าต่ำกว่าเขาอีก” คนผู้นั้นถอยกรูด
“เช่นนั้นเจ้า เจ้า เจ้าเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ชี้อีกหลายคน ผู้ที่ถูกชี้ล้วนถอยหนีกันหมด
ถึงขนาดชี้ตั้งหลายคน ก็ยังไม่มีใครมา ซือหม่าโยวเย่ว์จึงตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “ตกลงพวกเจ้าจะสู้หรือไม่สู้ ถ้าจะสู้ก็เข้ามา ไม่สู้ก็ไสหัวกลับไปเสียสิ!”
หลี่มู่สีหน้าเขียวคล้ำ เรียกได้ว่าตอนนี้สมาพันธ์นักหลอมยาขายหน้าจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
“เจ้าถึงกับกล้าให้พวกเราไสหัวไปเชียวหรือ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับคนของสมาพันธ์นักหลอมยาเราเช่นนี้มาก่อนเลยนะ!” มีคนตะคอกขึ้นอย่างโมโห
“เจ้าจะมาสู้กับข้าหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขา
ถูกซือหม่าโยวเย่ว์มองเหยียดเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงหยุดปากไป
“เฮอะ พวกเราเป็นนักหลอมยา แต่เจ้าเป็นปรมาจารย์วิญญาณ มีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งกว่าพวกเราแล้วอย่างไรเล่า” มีคนพูดขึ้น
“ถูกต้อง หากเจ้ามีปัญญาก็มาหลอมยาแข่งกับพวกเราสิ!” พอคนผู้นั้นพูด คนอื่นจึงรีบเออออในทันที
พวกเขานำจุดด้อยของตัวเองไปเปรียบเทียบกับจุดเด่นของปรมาจารย์วิญญาณทำไมกัน! เอาชนะเธอไม่ได้ พวกเขาก็เลยไม่เชื่อว่าเธอหลอมยาได้ด้วยอย่างนั้นสิ!
“พวกเจ้าจะแข่งหลอมยากับข้าอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “แล้วหากข้าหลอมยาไม่เป็นเล่า”
“ถ้าหลอมยาไม่เป็นก็ต้องขอขมาพวกเราแล้วล่ะ! คนที่เสนอเรื่องหลอมยาเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น
“พอแล้ว หลี่มู่ ท่านพาคนออกไปจากที่นี่ให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย!” เหยียนลู่เห็นสภาพคนของสมาพันธ์นักหลอมยาเป็นเช่นนี้ จึงทั้งผิดหวังทั้งโกรธเคืองพวกเขา นางจึงเอ่ยเสียงดุ
“คุณหนู ท่านตะคอกใส่ศิษย์พี่หลี่ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหน้าตาของสมาพันธ์เรา ถ้าหากอีกฝ่ายยอมขอขมาพวกเรา ก็จงจัดการเขาให้พวกเราเสีย พวกเราจะยอมเลิกรา แต่ถ้าหากไม่ยอม ก็อย่าตำหนิว่าสมาพันธ์เราคว่ำบาตรตระกูลซือหม่าแล้วกัน!” คนของสมาพันธ์นักหลอมยาพูด
“พวกเจ้ากล้าไม่เชื่อฟังคำพูดข้าหรือ!” เหยียนลู่พูด
“ศิษย์พี่หญิง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะท่านในตอนแรก ทว่าตอนนี้มันได้ยกระดับกลายเป็นเรื่องระหว่างตระกูลซือหม่ากับสมาพันธ์นักหลอมยาไปเรียบร้อยแล้ว ท่านคิดจะขัดขวางก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” หงสยาพูด
“จุ๊ๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูท่าทีที่แสดงออกว่าตนชนะแล้วของพวกเขาพลางเอ่ยอย่างเย้ยหยันว่า “ตอนแรกพวกเจ้าบอกว่าเอาชนะพวกเจ้าสามคนได้แล้วจะจากไป พ่ายแพ้ครั้งเดียวก็ไม่ยอมสู้แล้ว ตอนนี้ยังจะท้าแข่งหลอมยากับพวกเรา พวกเจ้าคิดว่าทุกคนล้วนเป็นนักหลอมยากันหมดหรือไร เคยเห็นคนหน้าไม่อายมาก็มาก แต่ยังไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายเท่าพวกเจ้ามาก่อนเลย! น้ำใสเกินไปปลาอยู่ไม่รอด คนถ่อมตนย่อมไร้ศัตรู”
คนของสมาพันธ์นักหลอมยาสีหน้าราวกับมีไฟลุกโชน แต่เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็มิอาจเดินหูพับคอตกจากไปได้ง่ายๆ
“พวกเราเปลี่ยนวิธีตัดสินกันกลางคัน ตอนนี้จึงจะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าก็ได้ ขอเพียงแค่พวกเจ้าตระกูลซือหม่าส่งนักหลอมยาออกมาแข่งกับพวกเราคนหนึ่งก็พอแล้ว” หลี่มู่พูด
“เรื่องนี้ไม่ได้หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากพวกเจ้าเลือกคนอายุร้อยปีที่หลอมยามาเก้าสิบปีมาแข่งกับพวกเราที่เพิ่งหัดหลอมยา พวกเราจะไม่พ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเรามีแต่คนวัยเยาว์กันทั้งนั้น”
“พวกเราก็มาแค่คนรุ่นเยาว์เท่านั้นเหมือนกัน” หลี่มู่พูด
“ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ในการหลอมยาของเจ้าสูงส่งนัก เจ้าอายุเท่าไหร่ ระดับขั้นใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ยี่สิบหก นักหลอมยาขั้นสี่” หลี่มู่พูดอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง
ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงสือโม่ลี่ที่อายุยี่สิบปีก็กำลังจะบรรลุขั้นหนึ่ง แต่กลับถูกเรียกว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่ง ยิ่งภายหลัง ยิ่งเลื่อนระดับได้ยาก นักหลอมยาขั้นสี่วัยยี่สิบสี่ปีผู้นี้ก็นับว่าพรสวรรค์สูงส่งอย่างยิ่งแล้ว
“อืม พรสวรรค์ไม่เลวจริงๆ นั่นแหละ” เธอพยักหน้า
“ข้าจะไม่ลงมือแล้วกัน เจ้าสาม เจ้ามาแข่งกับพวกเขาที” หลี่มู่พูดอย่างเย่อหยิ่ง
“เขาร้ายกาจมากเลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ยี่สิบห้าปี นักหลอมยาขั้นสาม” หลี่มู่พูด
“หลี่มู่ เจ้าสามเป็นคนที่พรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดรองจากท่านเลยนะ! ท่านให้เขามาแข่งแล้วต่างอะไรกับท่านลงแข่งเองเล่า!” เหยียนลู่พูด
“ศิษย์พี่หญิง ที่แท้แล้วท่านเป็นคนของสมาพันธ์นักหลอมยาหรือเป็นคนของตระกูลซือหม่ากันแน่! เหตุใดจึงคอยพูดแทนพวกเขาอยู่ได้!” หงสยาพูดอย่างไม่พอใจ
“นั่นน่ะสิ คุณหนู ท่านเป็นคุณหนูของสมาพันธ์นะขอรับ!” คนอื่นก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน
“ข้าก็แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น!” เหยียนลู่พูด “ถ้าหากพวกเจ้าทำเรื่องที่ทำให้สมาพันธ์ขายหน้าเช่นนี้กันต่อไป บรรดาผู้อาวุโสจะต้องจัดการพวกเจ้าแน่!”
หลี่มู่มองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “พวกเราเลือกคนกันเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้ามีนักหลอมยาหรือไม่ ถ้าหากไม่มีก็จงขอขมาเสีย!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ชูนิ้วกลางขึ้นโบกแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องเปลี่ยนตัวหรอก เจ้ากับข้ามาแข่งกันเองนี่แหละ”
“เจ้าจะแข่งกับข้าอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่มองซือหม่าโยวเย่ว์ ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่
“ถูกต้อง แข่งกับเจ้านี่แหละ ถ้าหากข้าชนะก็รีบพาคนไสหัวไปเสียที!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ฮ่าๆ เจ้าคนผู้นี้คิดจะแข่งกับศิษย์พี่หลี่อย่างนั้นหรือ!”
“เจ้าคนผู้นี้วิปลาสไปแล้วกระมัง!”
“แข่งก็แข่งเถิด ศิษย์พี่หลี่ ถ้าหากเขาแพ้ก็ให้เขาหักแขนตัวเองทิ้งเลยนะ!” หยวนเฟิงที่กินยาวิเศษไปแล้วเริ่มดีขึ้นบ้างเอ่ยอย่างชิงชัง
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่หลี่ ท่านไปจัดการเขาเลย!”
“เด็กน้อย เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะ “บอกไว้เลยก็ดี เพื่อไม่ให้ตอนที่เอาชนะพวกเจ้าได้แล้วมาหาว่าข้าโกง ตอนนี้ข้าอายุยี่สิบสองปีแล้ว”