“ข้าลงข้างซือหม่าโยวเย่ว์ไปจริงๆ หรือนี่” หนิวหวามองซือหม่าโยวหยางอย่างขมขื่น “ข้าขอเปลี่ยนกลับได้หรือไม่”
ซือหม่าโยวหยางเก็บพัดแล้วเคาะลงบนศีรษะหนิวหวาคราหนึ่งพลางเอ่ยว่า “ลงแล้วลงเลย เจ้าเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ!”
“แต่ว่า… แต่ว่าข้าไม่อยากลงข้างเขานี่นา” หนิวหวาพูด
“ช่วยไม่ได้ นี่เป็นกฎ” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างจนใจ “เชื่อข้าเถิด เจ้าลงข้างเขา เจ้าต้องชนะพนันอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้ว หนิวหวา ซื้อแล้วซื้อเลย เจ้าเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ” คนที่อยู่ข้างๆ พูดพลางหัวเราะ
“เช่นนั้นก็ได้” หนิวหวาออกจากโต๊ะไปอย่างผิดหวัง
“มีใครต้องการซื้อตั๋วพนันอีกหรือไม่” ซือหม่าโยวหยางตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต่อมามีคนมาซื้อของซือหม่าโยวเย่ว์อีกคน ทำให้ในท้ายที่สุดแล้วมีผู้ที่ลงข้างซือหม่าโยวเย่ว์ทั้งสิ้นสองคน
“จริงๆ เลยนะ พากันมาให้ข้ากำไร ช่างดีเหลือเกิน!” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างเขินอาย
เขาให้คนตระกูลซือหม่าคนอื่นมาคอยเฝ้าที่นี่ ส่วนตนเองก็โซซัดโซเซมาอยู่ข้างเวทีประลองพลางเอ่ยกับซือหม่าโยวเย่ว์ว่า “โยวเย่ว์ ทุกคนไม่มีใครเห็นเจ้าดีเลย สองร้อยกว่าคน มีคนลงข้างเจ้าเพียงแค่สองคนเท่านั้น นอกจากนี้หนึ่งในนั้นยังพลาดซื้อตั๋วของเจ้าไปโดยไม่ระวังอีกด้วย เจ้าอย่าทำให้สองคนนั้นผิดหวังล่ะ!”
ทุกคนในที่นั้นพากันตกตะลึงกับคำพูดของเขา แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขา มีความกังวลของการเสียพนันเสียที่ไหนเล่า
ซือหม่าโยวเย่ว์และหลี่มู่สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เขาตั้งโต๊ะพนันแล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงมิได้พูดอะไร หากแต่รอให้พวกเขาลงพนันกันเสร็จก่อน
เมื่อได้ยินว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นที่ลงข้างซือหม่าโยวเย่ว์ หลี่มู่ก็หัวเราะด้วยความลำพองใจอย่างยิ่ง
“คราวนี้พวกเจ้าไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้แก่ข้าเท่านั้น แต่ยังต้องเสียพนันอย่างมหาศาลอีกด้วย ฮ่าๆ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์เงี่ยหูฟังพลางเอ่ยว่า “ยังไม่ถึงท้ายที่สุดแล้วเจ้ามาลำพองใจอะไรกัน! ข้ารอให้เจ้าเรียกข้าว่าลูกพี่อยู่นะ!”
“เฮอะ ช่างปากกล้าไร้ยางอายยิ่งนัก!” หลี่มู่ส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
กรรมการที่เชิญมาเป็นการเฉพาะพูดกับผู้คนเบื้องล่างว่า “วันนี้ หลี่มู่แห่งสมาพันธ์นักหลอมยาเมืองวิเศษและซือหม่าโยวเย่ว์แห่งตระกูลซือหม่าจะทำการแข่งขันกันที่นี่ อยากให้ทุกท่านช่วยกันเป็นพยาน ถ้าหากหลี่มู่ชนะ ซือหม่าโยวเย่ว์จะยอมให้สมาพันธ์นักหลอมยาจัดการ โดยคนตระกูลซือหม่าจะไม่ขัดขวาง แต่ถ้าหากซือหม่าโยวเย่ว์ชนะ หากพบกันในภายหน้าหลี่มู่จะต้องเรียกเขาว่าลูกพี่”
“หา…”
ผู้คนพากันฮือฮา อีกฝ่ายถึงกับกล้าร้องขอให้คนของสมาพันธ์นักหลอมยาเรียกตนว่าลูกพี่ ช่างใจกล้าเสียจริง!
“แล้วพวกเจ้าคิดจะแข่งกันอย่างไรหรือ” มีคนด้านล่างถามขึ้น
“หลอมยาวิเศษขั้นสี่เหมือนกัน แต่ระดับของใครสูงกว่าและหลอมเสร็จเร็วกว่า ก็จะเป็นฝ่ายชนะ” กรรมการพูด “เนื่องจากวันนี้เวลาล่วงเลยมามากแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”
“เริ่มเสียทีเถิด” หลี่มู่พูดจบก็หยิบเตาหลอมยาของตนออกมา รวมทั้งเครื่องยาอีกเต็มโต๊ะ เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนจึงเอ่ยเหน็บแนมว่า “คงมิใช่ว่าเจ้าไม่มีแม้แต่เครื่องยาหรอกกระมัง ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงพวกเราก็คงไม่ต้องแข่งกันแล้วล่ะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่เขาปราดหนึ่งก่อนจะหยิบเตาหลอมยาและเครื่องยาออกมาหลอมยาอย่างรวดเร็ว
นักหลอมยาในที่นั้นเห็นการเคลื่อนไหวของเธอไหลลื่นคล่องแคล่วราวกับสายน้ำจึงพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเชี่ยวชาญถึงเพียงนี้ ไม่แน่ว่าเธออาจเป็นนักหลอมยาขั้นสี่จริงๆ
ชายชราร่างเล็กเหาะผ่านเขาภาพมังกรพอดี เขากำลังมองลงมาอย่างเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นก็ถูกดึงดูดด้วยฝีไม้ลายมือของซือหม่าโยวเย่ว์ จึงร่อนลงสู่ยอดเขาในทันใด แล้วดูเธอหลอมยาอย่างเงียบๆ
การหลอมยาวิเศษขั้นสี่สำหรับเธอนั้นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวไหลลื่นตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนที่เธอหลอมยาสำเร็จ หลี่มู่ยังทำการผสานรวมไม่เสร็จเลยเสียด้วยซ้ำ
“โอ๊ะ…” เธออุทานเสียงเบา เธอเคาะเตาหลอมยาครั้งหนึ่ง ยาวิเศษหลายเม็ดก็ลอยขึ้นมาก่อนจะถูกเธอใช้ขวดหยกรับเอาไว้ กลิ่นหอมของยาอันเข้มข้นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเวทีประลอง
“ช่างเป็นกลิ่นยาที่เข้มข้นยิ่งนัก!” ผู้คนในที่นั้นต่างหลับตาสูดดมกลิ่นหอมของยา ซึ่งคนที่รู้ความก็พูดว่า “กลิ่นยาเข้มข้นถึงเพียงนี้ ระดับขั้นของยาจะต้องไม่ต่ำแน่! น่าจะเป็นขั้นสี่ระดับสูงเลยทีเดียว”
“คิดไม่ถึงว่าเขาจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นยาวิเศษระดับสูงอีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” มีคนเอ่ยชม
“หากพูดเช่นนี้ หลี่มู่ก็แพ้แล้วสิ” ทุกคนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าผู้ที่หลอมยาเสร็จก่อนเป็นผู้ชนะ ตอนนี้เธอหลอมยาเสร็จแล้ว หลี่มู่ก็มิได้แพ้ไปแล้วหรอกหรือ!
“พรึ่บ…”
หลังจากหลี่มู่เห็นว่าซือหม่าโยวเย่ว์หลอมยาวิเศษสำเร็จแล้วในใจก็ร้อนรนจนมิได้ควบคุมไฟให้ดี ทำให้เครื่องยาเผาไหม้เสียหายไปหมดทั้งเตา
“พ่ายแพ้แล้วจริงๆ นั่นแหละ น่าเสียดายเครื่องยาพวกนี้เสียจริง” ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ “ในเมื่อเจ้ายังหลอมยาวิเศษไม่สำเร็จเป็นเม็ดเลยด้วยซ้ำ เช่นนั้นการต่อสู้ยกนี้เจ้าก็พ่ายแพ้แล้วละ”
หลี่มู่สีหน้าไม่น่าดู เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตนจะพ่ายแพ้ได้!
“เจ้าต้องมิใช่นักหลอมยาขั้นสี่แน่!” หลี่มู่จ้องมองยาวิเศษในมือซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยขึ้น
ถ้าหากเป็นนักหลอมยาขั้นสี่ ไม่ว่าทักษะจะดีเยี่ยมเพียงใดก็ไม่มีทางหลอมยาวิเศษขั้นสี่ออกมาได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้แน่
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่เคยบอกว่าข้าเป็นนักหลอมยาขั้นสี่นี่ สาเหตุที่มาแข่งหลอมยาวิเศษขั้นสี่กับเจ้าก็เพราะเจ้าหลอมได้ถึงเพียงแค่ระดับนี้เท่านั้น ต่อไปหากพบกันก็อย่าลืมเรียกข้าว่าลูกพี่ล่ะ เข้าใจหรือไม่ น้องชาย”
“เจ้า…”
“เจ้าอย่ามานึกเสียใจตอนนี้สิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ขัดจังหวะคำพูดของเขา “วันนี้ที่นี่มีพยานรู้เห็นตั้งมากมาย เจ้าจะมากลับคำมิได้หรอกนะ! ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีเถิด!”
พอพูดจบแล้วเธอจึงหมุนกายลงจากเวทีประลองแล้วออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับพวกเป่ยกงถัง กลับไปยังที่ตั้งค่ายริมทะเลสาบ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนจึงค่อยได้สติกลับคืนมา เธอเอาชนะหลี่มู่ได้จริงๆ นอกจากนี้ยังมองออกจากคำพูดสุดท้ายของเธอด้วยว่าเธอมิใช่นักหลอมยาขั้นสี่ แต่ระดับขั้นสูงกว่านั้นเสียอีก!
“นักหลอมยาอายุยี่สิบสองปี แต่ระดับขั้นสูงกว่าหลี่มู่เสียอีก! ช่างเป็นเทพเซียนโดยแท้!” มีคนอุทานขึ้นมา
“ก็ใช่ พรสวรรค์นี้ต่อให้เป็นคนรุ่นเยาว์ของสมาพันธ์นักหลอมยาแห่งดินแดน ก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้เลย!”
“ไอ้หยา สวรรค์เอ๋ย!”
“เจ้าเด็กนี่ ร้องบ้าอะไรของเจ้าน่ะ!”
“พวกเราเสียพนันกันหมดแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ จริงด้วยสิ! ข้าลงพนันข้างหลี่มู่ไปนี่นา!”
“ข้าก็ด้วย คราวนี้ซวยแล้วสิ!”
“พวกเราล้วนลงพนันข้างหลี่มู่กันหมด มีเพียงแค่สองคนนั้นที่ลงพนันข้างซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเจ้าดูสิ ตอนนี้พวกเขายังเก็บเงินกันอยู่ตรงนั้นเลย!”
ทุกคนมองไปทางโต๊ะพนันเมื่อครู่ หนิวหวากับบุรุษวัยกลางคนอีกคนยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะ เพื่อรับเงินพนันที่ตนควรต้องได้
“แหะๆ คิดไม่ถึงว่าข้าจะจับพลัดจับผลูได้เงินเก้าสิบตำลึงทองกลับมา!” หนิวหวาหยิบตำลึงทองส่องกับแสงอาทิตย์ไปมาพลางมองแล้วมองเล่า “โชคดีที่เมื่อครู่ทำพลาด มิฉะนั้นตอนนี้ก็คงไม่ได้กำไรขนาดนี้หรอก!”
บุรุษอีกคนก็หยิบตำลึงทองมากะน้ำหนักดูพลางพูดอย่างมีความสุขว่า “ได้ค่าห้องสองวันนี้แล้วสินะ!”
“ข้าก็บอกไปแล้วมิใช่หรือว่าโยวเย่ว์ของเราจะต้องชนะอย่างแน่นอน เป็นอย่างไรเล่า ซื้อแล้วคุ้มกันหรือไม่” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างลำพองใจ
“อื้มๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้!” หนิวหวานับตำลึงทองในอ้อมแขนอย่างมีความสุข
ทุกคนหมดอาลัยตายอยาก คิดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ เงินที่ตนลงพนันไปเมื่อครู่ก็สลายหายไปกับสายลมเสียแล้ว
ชายชราร่างเล็กยืนอยู่บนภูเขา ยังคงนึกถึงสีหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์เมื่อครู่อยู่ นัยน์ตาก็ทอประกายวาบ เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาภายในใจ