บทที่ 66 ซื้อเต้าหู้
บทที่ 66 ซื้อเต้าหู้
พ่อของลู่ต้าจู้นั่งยอง ๆ พลางสูบยาสูบที่ลานบ้าน
ฟู่…
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง แล้วพ่นออกมาเป็นวงแหวนควัน จากนั้นก็สูบต่อ
สีหน้าเขาฉายความกังวลและรำคาญ คิ้วขมวดราวกับว่ามีตะขาบสองตัวคลานอยู่ที่นั่น
ลู่เหม่ยฉินกลับมาพร้อมมันเทศบนหลังของนาง และเห็นพ่อของลู่ต้าจู้ก็ทำหน้ามุ่ยก็เดินไปอย่างไม่พอใจ
ลู่ต้าจู้กลับมาหลังจากตัดต้นไม้และโยนท่อนไม้ลงที่พื้น เสียงดังโครมครามจนพื้นสั่นสะเทือน
สองพี่น้องกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง และไม่สนใจพ่อของพวกเขาที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้น ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
ลู่เหม่ยฉินและลู่ต้าจู้สองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่คนอกตัญญู พวกเขาแค่ผิดหวังกับสิ่งที่พ่ออันเป็นที่รักของพวกเขาทำไว้
“แม่นางซืออวี่ นี่คือบ้านข้า” เสียงของเหยาซื่อเล็ดลอดมาจากประตู “ตอนนี้บ้านรก กำลังเตรียมงานเลี้ยงน่ะ ยังไม่ได้ทำความสะอาด”
มู่ซืออวี่พูดอย่างสุภาพว่า “ป้าเหยา ดูสิ่งที่ท่านพูดสิ ผู้ใดจะไม่รู้ว่าท่านเป็นผู้จิตใจงามอันเลื่องลือในหมู่บ้าน? ถ้าบ้านของท่านถูกมองว่ารก งั้นบ้านเราก็คอกหมูแล้วล่ะ”
“เหตุใดแม่ฉาวอวี่ถึงมาที่นี่?” ลู่เหม่ยฉินรู้สึกประหลาดใจ
“เหตุใดถึงพูดแบบนั้นเล่า?” เหยาซื่อจ้องมองลู่เหม่ยฉินแล้วกล่าวว่า “ข้าเชิญมา”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากต้อนรับนาง” ลู่เหม่ยฉินกล่าว “แต่นี่มันไม่แปลกหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาบ้านเรานะ”
“ข้าได้ยินว่าที่บ้านมีเต้าหู้มากมาย ข้าจึงมาดูว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่” มู่ซืออวี่ยิ้ม
เมื่อพูดถึงเต้าหู้ สีหน้าของลู่เหม่ยฉินก็เริ่มฉายให้เห็นความไม่พอใจ นางหันมองพ่อของลู่ต้าจู้อย่างโกรธเคือง
เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของพ่อของลู่ต้าจู้ก็ยิ่งดูย่ำแย่ เขายืนขึ้นมองเหยาซื่อด้วยความไม่พอใจ “จำเป็นต้องพูดเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายหรือ ต้องการให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องนี้หรือไง”
“เฮอะ” เหยาซื่อถูกพ่อของลู่ต้าจู้หงุดหงิดใส่ “เจ้ารู้จักอายด้วยหรือ? ในเมื่อเจ้ารู้จักอาย แล้วเหตุใดเจ้ายังทำเช่นนี้? จางต้าเหม่ยทำเสน่ห์ใส่เจ้าน่ะสิ! เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กวัยสิบขวบหรือ! อยากหวนกลับไปยังอดีตที่แสนหวานกับนางงั้นสิ?” ดูสิ ลูกชายของเจ้ากำลังจะแต่งงานแล้ว รอยย่นบนหน้าเจ้าแทบจะดันกันออกมาแล้ว ยังจะคิดแผนการทรยศอยู่อีก!”
“จ… เจ้ามันปากร้าย! ถ้ายังเป็นเช่นนี้ ข้าก็ทนเจ้าไม่ไหวหรอก” พ่อของลู่ต้าจู้พาลโกรธขึ้นมา
“ข้าปากร้าย? ทนข้าไม่ได้หรือ? ได้! งั้นก็อย่าทน เราจะให้ผู้คนในหมู่บ้านมาตัดสิน ถึงอย่างไรเจ้าก็หน้าไม่อาย และข้าคนนี้จะเป็นนังปากร้ายหน้าไม่อายด้วยก็ได้” เหยาซื่อเท้าเอว สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
“อย่าโกรธกันเลย” มู่ซืออวี่เกลี้ยกล่อมทันที “อย่าทำร้ายความรู้สึกที่ดีต่อกันเพราะเรื่องเล็กน้อยเลย พวกท่านควรสงบสติอารมณ์ก่อน เพราะเมื่อโกรธอยู่ คำพูดทุกอย่างก็จะมีแต่ความโกรธ ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”
ทันใดนั้นลู่ต้าจู้ก็เดินออกมา “อย่าทะเลาะกันเลย”
ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมา ความโกรธเคืองของพ่อแม่ผู้สูงวัยก็หายไป และควันดินปืนก็ดับลงเช่นกัน
“เราจะไม่คืนเต้าหู้ ถ้ากินไม่หมดก็แค่ทิ้งไป คราวนี้ไม่เป็นไร” ลู่ต้าจู้กล่าวต่อไปว่า “แต่ถ้าครั้งหน้ามีอีก ข้าจะไปหาหญิงคนนั้นด้วยตัวเอง ท่านพ่อ ถึงตอนนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าท่านเลยนะ”
เหยาซื่อยืดอก จ้องมองสามีด้วยความมั่นใจ
คนเป็นแม่ก็เป็นเช่นนี้ ตราบใดที่มีลูกชายอยู่ข้าง ๆ ตัวเองก็จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ข้าขอดูเต้าหู้ได้หรือไม่?” มู่ซืออวี่หันมาถามเหยาซื่อ
“ได้สิ ตามข้ามา”
หลังจากเดินมาถึงแล้ว มู่ซืออวี่ก็พบว่ามีที่โกยฝุ่นขนาดใหญ่จำนวนมากมายวางอยู่ในห้องโถง ในที่โกยฝุ่นนี้มีใบไม้สีเขียวที่ล้างแล้ววางอยู่ โดยมีเต้าหู้สีขาวนุ่มวางอยู่ด้านบน
“เต้าหู้นี่ใช้ได้” มู่ซืออวี่กดลงเบา ๆ บนเต้าหู้
“แม้ว่าข้าจะไม่ชอบจางต้าเหม่ย แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่านางทำเต้าหู้ได้ดีมาก ฝีมือนางดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว” เหยาซื่อกล่าว “แต่ถึงเช่นนั้นข้าก็กินไม่ได้มาก! ข้าให้ตาเฒ่าไปซื้อเนื้อกับผัก แต่เขากลับเอาเต้าหู้มาให้ข้าตั้งมากมาย ข้าถามแล้วเขาก็บอกว่ากำลังซื้อเนื้อที่แผงขายเนื้อใกล้ ๆ พอจางต้าเหม่ยพูดคะยั้นคะยอเพียงไม่กี่คำก็ยอมซื้อ”
“ข้าจะซื้อส่วนที่เหลือเอง ท่านคิดว่าอย่างไร?” มู่ซืออวี่หันมาถามเหยาซื่อ
“เหตุใดเจ้าจึงจะซื้อเต้าหู้เยอะแยะเช่นนี้? เราจัดเลี้ยงสิบกว่าโต๊ะ ให้กินเต้าหู้มากมายเช่นนี้คงไม่ไหวหรอก เจ้าแค่เอากลับไปทิ้งก็พอ เจ้าจะได้ไม่สิ้นเปลืองเงินด้วย”
“มันมีประโยชน์สำหรับข้าจริง ๆ นะ” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้ากินเต้าหู้มากมายเช่นนี้ได้”
“จริงหรือ?” เหยาซื่อยังคงไม่เชื่อ “ที่เจ้าจงใจพูดเช่นนี้เพียงเพราะอยากช่วยข้าใช่หรือไม่?”
“ท่านป้า สถานการณ์บ้านข้าแย่กว่าบ้านท่าน ข้าจะเอาเงินไปปาทิ้งเล่นได้อย่างไร? มันมีประโยชน์สำหรับข้าจริง ๆ” มู่ซืออวี่ยิ้ม “ทั้งยังช่วยท่านแก้ปัญหาได้เช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
“ก็ได้” เหยาซื่อกล่าว “ข้าจะขายให้เจ้า เต้าหู้เท่านี้ก็เอาไป 50 อีแปะพอ”
จากนั้นลู่ต้าจู้และลู่เหม่ยฉินจึงช่วยกันขนย้ายเต้าหู้ไปที่บ้านของลู่อี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เหม่ยฉินเข้าไปในบ้านของอีกฝ่าย นางเห็นว่าในลานบ้านสะอาด มีลูกเจี๊ยบมากกว่าสิบตัววิ่งไปมาอย่างครึกครื้น อวิ๋นเอ๋อร์ที่กำลังให้อาหารลูกเจี๊ยบดูเหมือนเทพธิดาตัวน้อย ขับให้บรรยากาศดูสดชื่นยิ่งขึ้น
ใครกล่าวว่ามู่ซืออวี่สกปรก? หากลานที่สะอาดเช่นนี้ยังเรียกว่าสกปรกก็คงไม่มีที่ไหนในหมู่บ้านที่สะอาดแล้ว
ก่อนหน้านี้ลู่เหม่ยฉินอิจฉามู่ซือเจียวเป็นที่สุด เจ้าตัวกลายเป็นหญิงสาวที่สุขสบายที่สุดในหมู่บ้าน แม้ไม่ได้ทำงานหนักตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็มีดอกไม้ประดับศีรษะสวย ๆ มีเสื้อผ้างาม ๆ ให้ใส่
กระนั้นลู่เหม่ยฉินก็ชอบมู่ซืออวี่มากกว่า
“มู่ซืออวี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามู่ซือเจียวไปเป็นสาวใช้ในเมืองแล้ว”
“ข้ารู้ มีอะไรหรือ?”
“เมื่อวานข้าเห็นนางที่ถนน นางสวมชุดงาม แต่งหน้าก็งาม ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
มู่ซืออวี่มองลู่เหม่ยฉินแล้วกล่าวว่า “เจ้าสวยกว่านาง ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเดินตามทางของนางเลย เป็นสาวใช้ไม่ดีหรอก”
ลู่เหม่ยฉินหน้าแดง “ไม่จริง มู่ซือเจียวเป็นสาวที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน หลายคนก็พูดเช่นนั้น”
“นางเพียงแค่แต่งตัวดี เพราะว่าไม่ได้ทำไร่นาผิวเลยขาว ข้าคิดว่าเจ้าสวยกว่านางมากนะ” มู่ซืออวี่พูดอย่างจริงใจ “เจ้ามีพ่อแม่และพี่ชายที่รักเจ้า เพียงแค่นี้ก็มีชีวิตดีกว่านางแล้ว”
ลู่เหม่ยฉินยิ้ม “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าจะเอาเต้าหู้มากมายเช่นนี้ไปทำอะไร?”
“ทำเต้าหู้แห้งน่ะ” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “ทำเช่นนี้แล้วจะสามารถเก็บไว้ได้นานและไม่เสีย”
ความจริงแล้วนางชอบกินเต้าหู้เหม็น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทนกับรสชาติของเต้าหู้เหม็นได้ หากจะให้ทุกคนกินนั้น ทำเต้าหู้แห้งย่อมสมควรกว่า และบางทีอาจทำเงินได้ด้วย
ใช่ นางเป็นคนจน ตราบใดที่มีโอกาสในการทำเงิน นางก็ต้องรีบคว้าไว้
ลู่เหม่ยฉินไม่รู้ว่าเต้าหู้แห้งคืออะไร ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเต้าหู้แห้ง นอกเสียจากการกินเต้าหู้สดและทำเต้าฮวย วิธีอื่น ๆ ในการกินเต้าหู้นั้นยังไม่ได้ถูกเผยแพร่
“ข้าจะไปแล้วนะ” ลู่ต้าจู้ส่งเสียงเตือน
“ไปกันเถอะ” ลู่เหม่ยฉินพยักหน้า “ข้าจะกลับไปก่อน ส่วนเจ้า… ถ้ารู้สึกเสียดายในภายหลังก็มาหาแม่ของข้าได้ แม่ของข้าจะคืนเงินให้เจ้าเอง”
มู่ซืออวี่ยิ้ม “ขอบใจ แต่ข้าไม่ใช่คนที่พูดแล้วคืนคำหรอกนะ”