บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล
บทที่ 68 ตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล
ผู้จัดการร้านลองชิมอาหารสองสามอย่างแล้วชี้ไปที่ ‘ยำเต้าหู้แห้ง’ และ ‘ผัดเต้าหู้แห้งรวมมิตร’
“ข้าชอบสองอย่างนี้ที่สุด”
จากนั้นก็ชี้ไปที่ ‘เต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศ’ และ ‘ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง’
“ส่วนสองจานนี้เป็นเครื่องเคียงได้ดีเลย”
มู่ซืออวี่แนะนำเพิ่มเติมด้วยรอยยิ้ม “ยำเต้าหู้แห้ง ผัดเผ็ดเต้าหู้แห้ง และเต้าหู้แห้งห้าเครื่องเทศสามารถทำเป็นของว่างให้กับลูกค้าที่จ่ายมากกว่าห้าสิบอีแปะ ท่านสามารถเพิ่มอาหารจานอื่นในรายการอาหารให้เป็นอาหารจานพิเศษได้”
“เป็นความคิดที่ดี” ผู้จัดการร้านตาเป็นประกาย “ครั้งต่อไปหากคนขายเนื้อตุ๋นมา ข้าจะซื้อเนื้อตุ๋นของนางมาทำรายการอาหารพิเศษ”
“เนื้อตุ๋น?” หัวใจของมู่ซืออวี่เต้นไม่เป็นจังหวะ
เนื้อตุ๋นของนางหรือ?
ไม่น่าจะมีผู้ใดขายเนื้อตุ๋นอีก
สวรรค์ช่างเป็นใจเสียจริง นางต้องการที่จะคุยเรื่องเนื้อตุ๋นด้วยพอดี
“เฮ้อ! เมื่อวานคนในร้านของเราซื้อเนื้อตุ๋นมาส่วนหนึ่ง กลิ่นหอมมากเลยล่ะ ข้ารอที่จะได้กินแทบไม่ไหว น่าเสียดายตอนที่เราไปหา คนขายก็ออกไปแล้ว”
ผู้จัดการร้านพูดอย่างเสียดาย สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ในขณะที่ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้างเขา ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นกิจการนี้แล้ว
“คนที่ท่านตามหาก็คือข้าเอง” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “เมื่อวานนี้ข้าขายเนื้อตุ๋นที่ตลาดในเมือง ชิ้นละหนึ่งอีแปะ”
“อะไรนะ เจ้าเองหรอกหรือ!” ผู้จัดการร้านตกใจ “ดีสิ! ข้ากำลังกลุ้มอยู่พอดีว่าจะหาจากที่ไหน เจ้ายังมีเนื้อตุ๋นอยู่หรือไม่?”
“ไม่มี” มู่ซืออวี่ผายมือ “ตลาดนัดมีแค่สามวัน ข้าเลยขายได้ไม่มาก ข้าว่าจะทำในอีกไม่กี่วัน ถ้าท่านต้องการ เราก็คุยกันได้”
“เช่นนั้นไปคุยกันที่อื่นเถิด!” ผู้จัดการร้านเอ่ยปากเชิญชวน
หนึ่งก้านธูปต่อมา มู่ซืออวี่และลู่ฉาวอวี่ก็ออกมาจากห้องหนังสือของผู้จัดการร้าน
เต้าหู้แห้งทั้งหมดในตะกร้าถูกขายและแลกเป็นเงิน 300 อีแปะ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสัญญาการร่วมมือในระยะยาว ที่ระบุว่ามู่ซืออวี่จะขายเต้าหู้แห้งและเนื้อตุ๋นให้ ’ภัตตาคารเจียงซื่อ’ เท่านั้น เต้าหู้แห้งหนึ่งจินขายในราคา 50 อีแปะ ตีนไก่ตุ๋น เครื่องในตุ๋น ไส้ใหญ่ตุ๋น และอื่น ๆ หนึ่งจินราคา 30 อีแปะ หากเป็นหมูตุ๋นจะขายหนึ่งจิน 50 อีแปะ ราคาของเนื้อสัตว์แพงเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะราคาเดียวกับตีนไก่และเครื่องในหมู
“ข้าได้เงินมาแล้ว ถึงเวลาที่จะใช้เงินแล้ว” มู่ซืออวี่มองลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าจะไปซื้อเสื้อผ้าอีกสองชุดให้พวกเจ้า”
“ไม่ต้อง ท่านซื้อของท่านเองเถอะ” ลู่ฉาวอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
มู่ซืออวี่บีบแก้มของลู่ฉาวอวี่ “เป็นห่วงข้าก็เป็นห่วงสิ ไฉนถึงชอบกวนประสาทนัก? เหตุใดถึงต้องแสร้งทำเป็นเข้มทั้งที่อายุยังน้อยด้วย!”
ลู่ฉาวอวี่ปัดมือนางออกพลางจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ “อย่ามาแตะต้องข้า”
“เจ้าเด็กเสือกระดาษ*[1]” มู่ซืออวี่กล่าวติเตียน “ข้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าเป็นใหญ่สุดนะ ไปเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”
มีร้านตัดเสื้ออยู่ด้านหน้า หลังจากสองแม่ลูกออกมาจากร้านตัดเสื้อ ในตะกร้าก็มีเสื้อผ้าอีกสองสามตัวเพิ่มมาด้วย
ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาแปลก ๆ “ถ้าท่านใช้เงินเช่นนี้ แม้แต่ภูเขาทองคำก็คงไม่พอจ่ายหรอก”
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังซื้อให้ทั้งครอบครัวเสียด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะซื้อเสื้อผ้าที่ถูกที่สุด แต่เสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ราคา 50 อีแปะ นางซื้อเสื้อผ้าเจ็ดตัวในคราวเดียว อีกทั้งยังใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการต่อรองราคาและใช้เงินไปทั้งหมด 300 อีแปะ
“หาเงินก็เพื่อเอามาใช้จ่ายไม่ใช่หรือ? ข้ามีอีกสองหีบที่ยังขายไม่ออก ไปเถิด ไปหอหลิงอวิ๋นกันเถิด” มู่ซืออวี่เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
ลู่ฉาวอวี่เดินตามนางพลางเม้มริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ “สุรุ่ยสุร่ายเสียจริง”
แต่นั่นเป็นเงินที่นางหามา เขาจึงไม่มีสิทธิ์กล่าวว่าอะไร
“โอ้ ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็มา” หรูอวิ๋นทักทายพร้อมรอยยิ้ม นางพูดกับคนเฝ้าประตูที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปบอกชิวซวงซิว่าฮูหยินผู้ขายหีบมาหา”
มู่ซืออวี่เห็นท่าทางของหรูอวิ๋นก็รู้ว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจ ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะไม่ต้องกลับไปมือเปล่า
ชิวซวงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อเห็นมู่ซืออวี่ ดูกระตือรือร้นมากกว่าครั้งที่แล้วยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่าหีบของข้าจะถูกขายไปแล้วนะ” มู่ซืออวี่พูดเข้าประเด็นทันที
“ขายแล้วเจ้าค่ะ ขายได้ราคาดีเสียด้วย” ชิวซวงกล่าว “ต่อให้ฮูหยินไม่มาที่นี่ เราก็จะไปหาท่านเอง เราไปคุยกันด้านในเถิด”
“ข้าเอาหีบมาสองใบ…”
ก่อนที่มู่ซืออวี่จะพูดจบ ชิวซวงก็สั่งหรูอวิ๋นว่า “เอาหีบของฮูหยินออกมาวาง”
มู่ซืออวี่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบหีบของนางมากกว่าที่คิด
พอนางเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ชิวซวงก็กล่าวถึงหีบนี้ “หีบสำหรับเก็บปิ่นปักผมหีบนั้นของท่านทำเงินให้เราได้มากมาย ฮูหยินท่านหนึ่งคิดว่าหีบสำหรับจัดเก็บคงใช้ดีเลยซื้อปิ่นปักผมที่แพงที่สุดของเราไปสิบชิ้นในคราวเดียว ส่วนหีบอีกสองใบมีฮูหยินอีกท่านชอบก็เลยหยิบไปทั้งสอง เราจึงต้องการคุยกับท่านเพราะอยากจะร่วมมือกันในระยะยาวน่ะ”
“ไม่ใช่ปัญหา ข้ามีคำแนะนำ พวกท่านสามารถแสดงภาพวาดการออกแบบเครื่องประดับล่าสุดของพวกท่านมาให้ข้าดูได้ แล้วข้าจะทำหีบให้เข้ากับเครื่องประดับใหม่ของพวกท่าน ทำเช่นนี้เครื่องประดับจะได้ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”
“เราแค่ต้องลงนามสัญญา ท่านจะเผยแพร่ภาพวาดของเราไม่ได้ แน่นอนว่าเราจะทำหีบให้ร้านท่านเท่านั้น เท่านี้ก็เป็นสัญญาที่ผูกมัดกันแล้ว”
การพูดคุยเรื่องธุรกิจกับคนฉลาดนั้นง่ายดาย ทุกประโยคล้วนตรงประเด็น พวกนางคุยเรื่องกฎที่ต้องปฏิบัติตาม และพอมาถึงเรื่องราคาก็ยิ่งคุยกันง่าย
กล่าวได้ว่าไม้ที่หอหลิงอวิ๋นเลือกนั้นดีกว่า หีบที่พวกเขาทำก็ดูมีอะไรมากกว่า จากที่ตกลงกันคือหีบขนาดเล็ก 30 อีแปะ ส่วนหีบขนาดกลาง 70 อีแปะ และหีบขนาดใหญ่ 100 อีแปะ หากต้องการขนาดใหญ่กว่านั้นก็จะต้องกำหนดอีกราคา
นางออกมาจากหอหลิงอวิ๋นพร้อมหนังสือสัญญา นอกจากนี้ยังได้เงินมา 200 อีแปะ ซึ่งนี่เป็นราคาของทั้งสองหีบที่นางนำมาด้วยในวันนี้ สำหรับเรื่องไม้ที่หอหลิงอวิ๋นสัญญาไว้ พวกเขาจึงต้องขอที่อยู่ของบ้านนาง เพราะพวกเขาจะให้คนไปส่งให้ที่บ้านของมู่ซืออวี่ด้วยตนเอง นางจะได้ไม่ต้องลำบากในการขนย้าย
มู่ซืออวี่บิดขี้เกียจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉาวอวี่ ไปซื้อเครื่องในหมูกับข้าเถอะ จากนี้ไปเราจะมีสองกิจการขนาดใหญ่ เราต้องลุกขึ้นมาทำกันได้แล้ว”
ลู่ฉาวอวี่มองหญิงตรงหน้าที่ถูกแสงแดดอาบไล้ไปทั่วร่าง
เวลานี้มู่ซืออวี่ช่างเจิดจ้าเหลือเกิน
มู่ซืออวี่ไม่ได้ยินการตอบกลับจากอีกฝ่าย นางจึงก้มหน้าลง สบสายตาเข้ากับสีหน้าที่ดูงุนงงของลู่ฉาวอวี่
“น่ารักเสียจริง” มู่ซืออวี่หยิกแก้มของลู่ฉาวอวี่เบา ๆ “สมแล้วที่ในวันข้างหน้าจะเป็นตัวร้ายที่หญิงสาวผู้สูงส่งในเมืองหลายคนต่างหลงใหล”
“อย่าหยิกข้านะ!”
ใบหน้าเขามีอะไรน่าสนุกหรือ ผู้หญิงคนนี้นี่ประหลาดจริง!
[1] เสือกระดาษ หมายถึง สิ่งที่ดูน่าเกรงขาม แต่ไร้อำนาจ และไม่อาจทนการต่อต้านได้