บทที่ 105 ภัตตาคารเจียงซื่อเกิดเรื่องแล้ว
บทที่ 105 ภัตตาคารเจียงซื่อเกิดเรื่องแล้ว
“ก่อนอื่นจิบชากับทานของว่างสักหน่อย” หลี่หงซูต้อนรับมู่ซืออวี่
“ไม่จำเป็นหรอก บ้านข้าอยู่ไกลจากที่นี่ ยังต้องเผื่อเวลาเดินทางกลับอีกมาก ทำงานก่อนเถอะ”
มู่ซืออวี่เอ่ยพลางมองไปยังห้องนอนของหลี่หงซู
เป็นถึงคุณหนู ห้องก็ควรมีการประดับตกแต่ง แต่นี่กลับดูล้าสมัยเกินไป เป็นไปได้ว่านางไม่ใช่เจ้าของห้องคนแรก ห้องจึงเต็มไปด้วยความคร่ำครึทุกแห่งหนเช่นนี้
“คุณหนูหลี่ ท่านเชิญข้ามาประดับตกแต่งห้องใหม่แบบนี้ จำเป็นต้องหารือกับผู้อาวุโสที่บ้านหรือไม่?”
“ไม่ต้อง เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองได้”
สนทนากับคนฉลาดก็ง่ายเช่นนี้ เอ่ยเพียงคำเดียวก็เข้าใจความหมายได้ในทันที
“เช่นนั้นรบกวนช่วยหาไม้วัดมาให้ข้าสักอัน”
มู่ซืออวี่ขอยืมตัวสาวใช้สองคนมาช่วยวัดขนาดสถานที่
นางง่วนกับที่นี่เสียจนเท้าไม่ได้แตะพื้น ส่วนหลี่หงซูกำลังหลอกล่อลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยขนมชิ้นหนึ่ง
“แม่เจ้าไม่มีเวลากิน เจ้าก็ไม่ได้ยุ่งอะไร กินอะไรหน่อยเถอะ! วางใจได้เลย อาหารว่างของที่นี่อร่อยมาก ไม่มีพิษแน่นอน”
ลู่จื่ออวิ๋นขอบคุณอย่างสุภาพอ่อนน้อม “ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่หิว ไม่กินดีกว่า แม่ข้ากำลังยุ่ง ข้าจะกินอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร?”
“แม่นางน้อยคนนี้ช่างรู้ความจริง ๆ” สาวใช้ข้าง ๆ นางเอ่ยขึ้น “บ่าวคิดถึงน้องสาวคนเล็กที่บ้านขึ้นมาเลย เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ มีของกินอะไรก็ให้บ่าวทานก่อนเสมอ”
เดิมทีหลี่หงซูเพียงแค่หาอะไรทำให้เวลาผ่านไป ผลคือยิ่งแกล้งลู่จื่ออวิ๋นเล่นเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น แม่นางน้อยคนนี้ยังอายุน้อย แต่คำพูดคำจากลับฉะฉาน ทุกประโยคล้วนสมเหตุสมผล
“เอาล่ะ คุณหนูหลี่ วัดเสร็จแล้ว” มู่ซืออวี่นำข้อมูลที่วัดได้เก็บใส่ไว้ในแขนเสื้อของตน “ข้าจะร่างแบบขึ้นมาตามขนาดห้องของท่าน ถึงเวลานั้นจะให้ท่านดูว่าพึงพอใจแบบใดมากกว่ากัน”
“วัดเสร็จแล้วหรือ? เช่นนั้นทานของว่างเสียหน่อย”
“ไม่จำเป็นแล้ว ข้ายังต้องรีบกลับบ้าน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณหนูหลี่”
“ข้าเข้าใจแล้ว ลูกสาวเจ้านี่ช่างเหมือนเจ้าจริง ๆ เอาเถอะ! ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้แล้ว”
สาวใช้ส่งแม่และลูกสาวไปหามู่ต้าหนิวที่รออยู่ จากนั้นพวกเขาก็บังคับเกวียนวัวออกไป
พวกเขาเพิ่งจากไป เงาร่างหนึ่งก็เข้ามาในเรือนของหลี่หงซู
“คุณหนู สาวใช้ขั้นรองในเรือนของคุณชายใหญ่ที่ชื่อซือเจียวเพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนได้ไม่นาน นางกล่าวว่าแม่นางมู่มือเท้าไม่สะอาด เช่นนั้นพวกเรา…”
หลี่หงซูกล่าวตัดคำพูดของสาวใช้อย่างไม่ยินดียินร้าย “สาวใช้ในเรือนพี่ใหญ่มีดีกี่คนกัน ล้วนเป็นสุนัขจิ้งจอกกันทั้งนั้น วัน ๆ ทำเพียงเกาะแข้งเกาะขาเขาแล้วทำสิ่งที่น่ารังเกียจ ยิ่งนางพูดเช่นนี้ ข้ายิ่งให้ความสำคัญกับแม่นางมู่มากขึ้นเท่านั้น”
หลังจากมู่ซือเจียวกลับมาจากที่พำนักของหลี่หงซู นางก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม เงินที่มู่ซืออวี่จะได้ล้วนขึ้นอยู่กับคุณหนูหลี่ว่าจะยอมรับหรือไม่ หลังจากที่นาง ‘ฟ้อง’ ไปเช่นนั้น คุณหนูหลี่จะต้องไม่ให้โอกาสแน่นอน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าหญิงสารเลวคนนั้นไปเอาความสามารถมาจากที่ใด ถึงกับสามารถทำให้คุณหนูหลี่พาไปจวน คุณหนูคนนี้เป็นคนที่เอาใจได้ยากที่สุดในจวนหลี่ มู่ซือเจียวอยู่ในจวนนั้นมาตั้งนาน เพิ่งได้พบหน้าคุณหนูผู้นี้วันนี้เป็นวันแรก
“ซือเจียว คุณชายใหญ่จะเอาน้ำ! วันนี้ถึงตาเจ้าต้องไปเตรียมแล้ว”
“เรียกหาน้ำกลางวันแสก ๆ เช่นนี้…” สาวใช้ข้าง ๆ คนหนึ่งพึมพำ แล้วเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
“คุณชายโปรดปรานพี่ชุนหลาน ได้ยินว่าพี่ชิวหลานที่เฝ้าอยู่ข้างนอกถึงกับใบหน้าแดงก่ำราวกับดอกเหมยแดง เรื่องนั้นน่ะคุณชายยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว…”
“เจ้าเด็กไร้ยางอาย ไปได้ยินเรื่องเลอะเทอะเหล่านี้มาจากไหน?”
สาวใช้หลายคนหัวเราะอย่างครื้นเครง
พอมู่ซือเจียวนึกถึงคุณชายรูปงาม ดวงหน้าของนางก็แดงปลั่ง
นางกับมู่ซืออวี่จะแข่งขันกันไปเพื่ออะไร ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือนางต้องได้รับความโปรดปรานจากคุณชาย ได้ยินว่าอีกไม่นานคุณชายก็จะแต่งฮูหยินแล้ว หากไม่ได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เนิ่น ๆ ภายหน้าเกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสอีก
“ต้าหนิว เจ้ารู้จักภัตตาคารเจียงซื่อหรือไม่? พวกเราไปดูภัตตาคารเจียงซื่อเถอะ”
วันนี้เฟิงเจิงไม่ได้มารับของที่บ้าน ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไปหรือไม่ หรือที่ภัตตาคารเจียงซื่อมีบางอย่างทำให้ล่าช้าออกไป
ที่ประตูภัตตาคารเจียงซื่อมีตราผนึกของทางการปิดไว้
“ท่านป้า เกิดอะไรขึ้นกับภัตตาคารเจียงซื่อหรือ?” มู่ซืออวี่ถามแผงขายของฝั่งตรงข้าม
“คืนก่อนที่นี่มีคนกินอาหารแล้วตาย เจ้าหน้าที่ทางการกับทหารจึงนำตัวผู้จัดการร้านกับคนในร้านไป”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” เอ้อร์หนิวเอ่ยขึ้น “อยู่ดี ๆ เหตุใดจึงมีคนกินอาหารแล้วตาย? ภัตตาคารเจียงซื่อไม่ระมัดระวังเกินไปแล้ว”
“ข้าจะไปศาลาว่าการ” มู่ซืออวี่พูดขึ้น “จะได้ถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภัตตาคารเจียงซื่อ”
“ไป ๆ พี่อี้อยู่ที่นั่นใช่หรือไม่?”
“ไม่รู้ว่าวันนี้อยู่หรือไม่ เขาออกไปตั้งแต่เช้า เอ่ยกับข้าว่าวันนี้ต้องไปที่หมู่บ้านอื่น ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่หรือเปล่า”
“พี่สะใภ้ลู่ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?” นักการเกากำลังจะออกไปตรวจตรา พลันเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งลงจากเกวียนวัวก็เดินใกล้เข้ามา
“เจ้าหน้าที่เกา…”
“โธ่ อย่าได้เรียกข้าว่าเจ้าหน้าที่เกาเลย ข้าเป็นเพียงข้ารับใช้เล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าไม่ถือสา ก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เกาเถอะ!”
“พี่ใหญ่เกา คนบ้านข้ากลับมาแล้วหรือยัง?”
“ยังไม่กลับมาเลย เมื่อวานนี้เกิดคดีหนึ่ง เจ้าหน้าที่คนอื่นล้วนไปแล้ว แต่เขาอยากกลับไปบ้าน บอกว่าเช้าวันนี้จะตรงกลับมา จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับมา คงจะมีเรื่องลำบากเกิดขึ้นกระมัง”
“พี่ใหญ่เกา ท่านรู้เรื่องคดีภัตตาคารเจียงซื่อหรือไม่?”
“เจ้ามาเพราะคดีนี้หรอกหรือ? ใช่แล้ว หมูตุ๋นที่พวกเขาขายเป็นเจ้าทำใช่หรือไม่? อันที่จริงคดีนี้ประหลาดมาก ตอนนี้ยังคงตรวจสอบอยู่ แต่เจ้าวางใจ คนผู้นั้นไม่ได้ตายเพราะกินหมูตุ๋นของเจ้า”
มู่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้าง ๆ จึงรู้สึกวางใจ
ถึงแม้มู่ซืออวี่จะกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินนักการเกาเอ่ยเช่นนั้นก็ถอนหายใจ
“ข้าขอพบผู้จัดการร้านกับคนในร้านได้หรือไม่?”
“เกรงว่าจะไม่ดี คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตรวจสำนวน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ให้เข้าพบพวกเขา” นักการเกาบอก “ข้าจะลอบเตรียมการให้เจ้า แต่จะอยู่นานไม่ได้ รีบหน่อยนะ”
“ขอบคุณท่านมาก”
ครั้นมู่ซืออวี่พูดจบ นางก็เอาหมูตุ๋นออกมาจากตะกร้าข้างหลัง
“สิ่งนี้เอาไปแบ่งปันพี่น้องท่านนะเจ้าคะ”
“พวกเราคิดถึงฝีมือของเจ้ามาก เช่นนั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
ผู้จัดการร้านภัตตาคารเจียงซื่อและเจิงเฟิงล้วนเป็นคนดี นางอยากถามที่มาที่ของเรื่องนี้อย่างละเอียดจากพวกเขา ไม่แน่ว่าอาจจะมีทางช่วยเหลือได้ แต่หากช่วยไม่ได้ ทว่าได้เห็นพวกเขาสักหน่อยก็ยังดี
“มีคนมาหาพวกเจ้า” หัวหน้าผู้คุมห้องขังพามู่ซืออวี่เข้าไปในห้องขัง
นางฝากลู่จื่ออวิ๋นให้มู่ต้าหนิวให้ดูแลชั่วคราว
“ท่านมาได้อย่างไร?” เฟิงเจิงเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นมู่ซืออวี่
ผู้จัดการร้านได้ยินคำพูดของเฟิงเจิงก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน
“นั่นสิ?”
“ผู้จัดการร้าน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่ถาม
“ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าอยากได้ของถูก ก็เลยซื้อเนื้อแกะราคาถูกมา ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดปัญหา กระทั่งเมื่อครู่นี้ข้าจึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่แกะ แต่เป็นหนู ทั้งยังเป็นหนูที่มีพิษ”
“ไม่ใช่ว่าท่านอยากได้ของถูก แต่หวังซานที่จ้างมาใหม่เปลี่ยนแหล่งขายหมูจากเจ้าเดิมที่เรารับอยู่ประจำเอาเอง บอกว่าคุณภาพของที่เขาหามาเองนั้นดีกว่า แต่พอกินเข้าไปกลับเกิดปัญหาขึ้น” เฟิงเจิงฮึดฮัด