ลู่เซวียนทำเพียงเหลือบมองเย่อิงเกอแล้วหันหลังกลับ จากนั้นเดินไปหามู่ซืออวี่
โหยวจิ้นจงมองแผ่นหลังของลู่เซวียนอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหันไปตบหน้าเย่อิงเกอ
เพียะ!
สายตาหลายคู่หันมามองทางนี้ทันที
เมื่อเห็นลู่เซวียนชะงักเท้า สายตาของเขายิ่งทวีไอเย็น ด่าทอเย่อิงเกอออกมาว่า “นังคนไร้ประโยชน์ เจอสหายเก่ายังไม่รู้จักทักทายอีก เจ้ามีประโยชน์อะไรบ้าง?”
เย่อิงเกอกุมใบหน้าของนาง ก้มหัวลง ยังไม่ปริปากคำใดออกมา
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว มองไปทางลู่เซวียนอย่างเป็นห่วง
ลู่เซวียนมองดูสิ่งของในมือของมู่ซืออวี่ จากนั้นก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว พวกเราควรไปรับฉาวอวี่กับเจิ้งหานได้แล้ว”
“ไปกันเถอะ”
มู่ซืออวี่เดินตามลู่เซวียนออกไป
ตอนที่ผ่านด้านเย่อิงเกอ เห็นนางเอาแต่ก้มหัวลง ไม่เห็นใบหน้าชัด ๆ สักเสี้ยว
หลังจากพ้นประตูมา ลู่เซวียนพลันชกหมัดไปที่เสาไม้ข้าง ๆ
“เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้สิ” มู่ซืออวี่รีบคว้าแขนเขาไว้ “ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายของเจ้าจะดีขึ้นแล้ว เจ้าก็ไม่ควรออกแรงมากเกินไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ยิ่งจะทำให้ร่างกายของเจ้าทรุดลงได้ง่ายขึ้น”
ลู่เซวียนก้มหัวลงพลางพึมพำเสียงอู้อี้ “ข้าเข้าใจแล้ว”
“พวกเราจะจากไปเช่นนี้หรือ? หากเจ้าข่มความโกรธไว้ไม่ได้ ข้าจะหาถุงกระสอบสักถุง นำชายผู้นั้นใส่กระสอบแล้วตีเขาให้สาแก่ใจ” มู่ซืออวี่กล่าว
ลู่เซวียนมองนางด้วยสายตาดูถูก “เจ้าอย่าเห็นว่าเขาเป็นเช่นนี้ มีเจ้าสามคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เป็นเจ้าที่ถูกทุบตีน่ะสิ”
“ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะดีขึ้นแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยยิ้ม ๆ “ถึงได้มีแรงมาเกลียดข้า”
ลู่เซวียนข่มรอยยิ้มเอาไว้ “พวกเราไปรับเด็ก ๆ เถอะ”
“เจ้ารออยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยว” มู่ซืออวี่ตรงไปตรอกตรงข้าม
นางมองหาร่างที่คุ้นเคย จากนั้นโยนก้อนเงินลงไปยังถ้วยแตก ๆ นั่น
แกร๊ง!
หลังจากที่เงินลงไปในถ้วย เสียงเหรียญก็ปลุกขอทานที่หลับตาอยู่ให้ตื่นขึ้นมา
ขอทานคนนั้นลืมตาขึ้นแล้วมองนางด้วยสายตานิ่งสงบ
“นี่เงินหนึ่งตำลึง ข้าอยากจ้างนักเลงไปจัดการใครบางคน” มู่ซืออวี่ยิ้มให้ชายขอทานผู้นั้น
ขอทานยังคงมองนางนิ่ง ๆ
“หากเจ้าไม่เปิดปาก ข้าจะถือซะว่าเจ้าตอบตกลง นั่น อยู่ในร้านตรงข้ามนั้น อีกสักพักชายในชุดคลุมสีฟ้าจะออกมา ข้างกายชายผู้นั้นมีแม่นางน้อยคนหนึ่ง เจ้าไปทุบตีชายผู้นั้นนะ”
ลู่เซวียนบอกว่านางต่อกรกับชายคนนั้นไม่ได้ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็หาใครสักคนที่สูงใหญ่กว่ามากระทืบเขาสิ
“ห้าตำลึง” ขอทานเปิดปากในที่สุด
มู่ซืออวี่ “…”
แพงหู่ฉี่ทีเดียว เสียเงินมากมายเพื่อชายเช่นนั้น ช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย
หลังจากคำนวณบัญชีในหัว มู่ซืออวี่ก็เอ่ยว่า “ช่างเถอะ”
“สองตำลึง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ขอทานพูดขึ้นอีก
มู่ซืออวี่ไร้คำพูดอีกครั้ง
นางคิดว่าขอทานคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นนางเองที่ซื่อจริง ๆ
นี่มันหมาป่าตัวหนึ่งชัด ๆ!
“สองตำลึงก็สองตำลึง” มู่ซืออวี่นึกถึงท่าทีโอหังของชายผู้นั้น จึงตัดสินใจที่จะจ่ายเงิน
ลู่เซวียนเห็นนางกลับมาก็เอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”
“รอเดี๋ยว พวกเราหาที่นั่งสักครู่ก่อน” มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ แล้วชี้ไปที่ร้านตรงข้าม “ที่นั่นมีเต้าฮวย พวกเราไปกินเต้าฮวยกัน”
ลู่เซวียนอยากจะบอกว่าเปลืองเงิน แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้พวกเขาไม่ขาดแคลนเงิน เต้าฮวยราคาไม่กี่อีแปะย่อมมีกำลังซื้อได้
เพียงแต่พี่สะใภ้ผู้นี้กินจุเกินไปหรือไม่ ตอนบ่ายกินมากขนาดนั้น นี่ห่างไปเพียงไม่เท่าใดก็อยากจะกินเต้าฮวยอีกแล้ว โชคดีที่ตอนนี้พี่ชายของเขาก็หาเงินเพิ่มได้แล้ว อย่างไรก็สามารถซื้อได้
ขณะที่รอเต้าฮวยมา ลู่เซวียนก็มองไปรอบ ๆ แล้วเห็นโหยวจิ้นจงเดินออกมากับเย่อิงเกอ
เย่อิงเกอเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของนาง
ในความทรงจำ ใบหน้านั้นแดงปลั่งราวกับผลผิงกั่วสุก นางมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ เป็นอิสระไร้กังวล ราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่อาจทำให้นางโศกเศร้าได้
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
แม่นางน้อยในความทรงจำกลายเป็นเพียงไม้ประดับ ดวงตาไร้ประกายแสง ราวกับของตกแต่งชิ้นงามชิ้นหนึ่ง
โหยวจิ้นจงเห็นคนงามข้างกายไม่มีท่าทีตอบสนองจึงตบไปหนึ่งที
เพียะ!
คนที่อยู่รอบ ๆ หันไปมอง
โหยวจิ้นจงไม่ระงับตัวเอง โทสะพลุ่งพล่านมากกว่าเดิมเสียอีก เขาดูราวกับคนเสียสติไปแล้ว
ลู่เซวียนกำหมัดแน่น
ฮึ่ม!
“แม่นางน้อยคนนี้… เป็นคนที่เจ้าชอบใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม
ลู่เซวียน “…”
เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร มู่ซืออวี่จึงถือว่าเป็นการยอมรับ
เรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
ทันใดนั้นขอทานกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากหัวมุม
ขอทานเหล่านั้นขอเงินจากโหยวจิ้นจง
โหยวจิ้นจงหมดความอดทน จึงตะโกนด่า “ไสหัวไป! พวกขอทานตัวเหม็น วันนี้ข้าโชคร้ายจริง ๆ!”
ขอทานที่เดิมทีอ่อนน้อมถ่อมตนจ้องเขาด้วยดวงตาวาบปลาบราวกับหมาป่า
“พวกเจ้าจะทำอะไร อย่าเข้ามา…”
โหยวจิ้นจงพบว่าขอทานโมโหขึ้นมาแล้ว จึงถอยกลับไปด้านหลัง
ทว่าขอทานคนนั้นเงื้อหมัดขึ้นต่อยเขาเสียก่อน
พลั่ก!
“บัดซบ! กล้าพูดว่าข้าตัวเหม็นรึ คอยดู วันนี้ข้าจะต่อยเจ้าฟันร่วง!”
“คนที่น่ารำคาญที่สุดก็คือพวกคนรวยทำตัวสูงส่งอย่างเจ้า! ข้าจะกระทืบเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะกล้าดูถูกข้าอีกหรือไม่”
…
ปากของลู่เซวียนอ้าค้าง
มู่ซืออวี่มองหาคนในกลุ่มขอทาน แต่ไม่เห็นขอทานคนนั้น
เขาช่างง่ายเหลือเกิน รับเงินนางไปโดยไม่ต้องออกแรงใด
โหยวจิ้นจงในตอนแรกยังด่ากราด ตอนนี้กลับร้องขอความเมตตา ขอทานเหล่านั้นยิ่งกระหน่ำทุบตีแรงกว่าเดิม เขาจึงชี้ไปที่เย่อิงเกอแล้วตะโกนว่า “ข้ายกนางให้พวกเจ้า! หยุดตีได้แล้ว!”
เย่อิงเกอผู้ที่ไม่ตอบสนองสิ่งใดตัวสั่นสะท้านขึ้นมา
ลู่เซวียนลุกขึ้น โกรธจนอยากจะพุ่งเข้าไป
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้วมุ่น
นางรู้ว่าเย่อิงเกอผู้นั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เป็นอย่างนี้ย่อมไม่ดี
โชคดีที่หลังจากได้ยินคำพูดของโหยวจิ้นจง ขอทานเหล่านั้นไม่เพียงแต่ไม่เอื้อมไปหาเย่อิงเกอเท่านั้น แต่กลับทุบตีโหยวจิ้นจงหนักขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้จะเป็นขอทาน แต่ก็มีจิตใจที่ดี ทนมองคนเช่นนี้รังแกสตรีไม่ได้
“อัดมัน! กระทืบไอ้คนสารเลวไร้ยางอายคนนี้ให้ตาย!” ลู่เซวียนตบโต๊ะ รู้สึกโล่งใจ
“หากเจ้าทำร้ายคนตายก็ต้องแลกด้วยชีวิต” มู่ซืออวี่พูดขึ้นมา “น้องสามี แม่นางเย่ผู้นั้น…”
“นางเป็นอนุของเขา” ลู่เซวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “อนุ… ต่ำต้อยยิ่งกว่าสาวใช้ ข้าช่วยนางไม่ได้”
พวกขอทานจัดการจนพอใจแล้วก็วิ่งหนีไป
โหยวจิ้นจงถูกทุบตีจนหมดสติ
เย่อิงเกอนั่งลงข้าง ๆ มองขึ้นไปบนฟ้าอย่างเลื่อนลอย
มู่ซืออวี่เกรงว่าแม่นางผู้นี้จะคิดอะไรแปลก ๆ
ผลเป็นดั่งที่คาดไว้ เมื่อนางนั่งได้สักพักก็หยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมาเดินไปหาโหยวจิ้นจงผู้นั้น
“นางคงไม่…”
ฟึ่บ!
ลมสายหนึ่งพัดวูบไป เมื่อหันกลับมามอง ลู่เซวียนก็วิ่งไปแล้ว
เย่อิงเกอมองโหยวจิ้งจงด้วยสายตากล้ำกลืน พร้อมที่จะทุบก้อนหินใส่ศีรษะของเขา
ขณะกำลังเงื้อมือ มือข้างหนึ่งก็หยุดนางไว้
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? หากฆ่าเขาไปแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร?”
เย่อิงเกอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ทั้งร่างพลันแข็งทื่อทันที นางไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ทว่าไม่นานธารน้ำตาก็ร่วงลงมา
“อิงเกอ เจ้าอย่าร้องไห้เลย” ลู่เซวียนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเรามาคิดหาทางด้วยกันเถอะ”
“มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือเขาต้องตาย” เย่อิงเกอเอ่ยเสียงขาดห้วง
ยิ่งได้ยินเสียงของเย่อิงเกอ ลู่เซวียนก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม
เย่อิงเกอ ชื่อของนางไพเราะอ่อนหวาน แต่เมื่อได้ยินเสียงของนางตอนนี้ ประหนึ่งเสียงระฆังที่ผุพัง ไม่รู้ว่าได้รับความทุกข์ทรมานมามากเพียงใดจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้