สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 273 ละเมอหาแม่

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 273 ละเมอหาแม่

บทที่ 273 ละเมอหาแม่

ลู่ฉาวอวี่นอนอยู่บนเตียง ผื่นแดงขึ้นทั่วทั้งใบหน้าจนเหมือนกุ้งต้ม หน้าตาน่ารักน่ามองของเขาแทบจำไม่ได้ แม้กระทั่งมู่ซืออวี่เองก็เกือบจำเขาไม่ได้แล้ว

นางเอื้อมมือออกไปแตะเขา ทว่าป้าผางที่อยู่ข้าง ๆ ดึงข้อมือไว้

“ฮูหยินลู่ ท่านหมอบอกว่าโรคนี้ติดกันได้ง่ายดายยิ่งนัก ท่านอย่าแตะเขาเลยเจ้าค่ะ”

“เขาป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?” มู่ซืออวี่ถาม

“ระหว่างทางเขาดูเหมือนจะมีอาการคันคะเยอเล็กน้อย ดูเหมือนไม่เป็นอะไร ทว่าตอนมาถึงเมืองฮู่เป่ย เรากำลังกลับมาถึงสำนักศึกษาเหวินชาง ขณะที่กำลังเก็บข้าวเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน จู่ ๆ เขาก็สลบไป พวกเรารีบเชิญท่านหมอมาตรวจอาการเขาทันที ท่านหมอแจ้งว่าเขาติดโรคติดต่อมาจากผู้อื่น อาการของโรคนี้จะมีไข้และมีผื่นขึ้น หากผ่านพ้นไปได้ก็จะไม่เป็นไร แต่หากทนไม่ได้ก็จะ…”

ป้าผางกล่าวได้เพียงครึ่งทาง เมื่อเห็นเหวินอวี่เซวียนส่ายหัวให้ นางก็ไม่กล้าเอ่ยต่อไปแล้ว

“ยาเล่า?”

“ต้มมาแล้วเจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่รับยาต้มมาจากมือของป้าผาง

“ที่นี่มอบให้ข้า ข้าจะดูแลเขาเอง” มู่ซืออวี่กล่าว “เพียงแต่ท่านอาจารย์เหวิน วันนี้เกรงว่าข้าต้องรบกวนท่านแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเช่นนี้ เราคงไม่สะดวกเคลื่อนย้าย”

“ฮูหยินไม่จำเป็นต้องเกรงใจ หากจะกล่าวแล้วล้วนต้องโทษข้า ข้าไม่ได้ดูแลเขาให้ดี” เหวินอวี่เซวียนกล่าว “หากท่านต้องการสิ่งใดก็ให้เรียกข้า”

มู่เจิ้งหานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพี่ อย่าได้กล่าวโทษท่านอาจารย์ ตอนนั้นคาราวานกลุ่มนั้นมีท่าทีแปลก ๆ ท่านอาจารย์ไม่ให้พวกข้าไปยุ่งกับพวกเขา แต่เราเห็นเด็กคนหนึ่งอยู่เพียงลำพัง ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก จึงไปเล่นกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง นึกไม่ถึงว่า…”

“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาฉาวอวี่ ข้าไม่ได้คิดที่จะกล่าวโทษผู้ใด” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ข้าต้องการน้ำอุ่น ผ้าสะอาด เสื้อผ้าใหม่สักชุด ข้าจะเช็ดตัวให้ฉาวอวี่ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่เป็นชุดใหม่ พวกท่านเองก็อย่าได้เข้ามาในห้องนี้อีก รอกระทั่งฉาวอวี่หายดีแล้วค่อยว่ากัน นอกจากนี้ ข้ายังต้องการเหล้าขาว ท่านอาจารย์ น้องหาน พวกท่านต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้นำไปเผาจะดีที่สุด เผื่อเอาไว้ก่อนเถอะ”

“ได้ ข้าจะฟังคำพูดของเจ้า”

มู่ซืออวี่หันไปเอ่ยกับจือเชียนอีกครั้ง “เจ้ากลับไปที่เรือนลู่ หากมีผู้ใดถามอย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ฉาวอวี่ป่วย หากพวกเขามาหาข้า เจ้าก็บอกว่าข้าไปหารือเรื่องกิจการ”

“ขอรับ”

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว มู่ซืออวี่จึงเริ่มเช็ดตัวให้ลู่ฉาวอวี่ด้วยสิ่งของที่เหวินอวี่เซวียนนำมาให้ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา จากนั้นจึงเริ่มฆ่าเชื้อในห้อง

“ท่านแม่…” ลู่ฉาวอวี่ละเมอทั้งที่ยังไร้สติ

“แม่อยู่นี่” มู่ซืออวี่คว้ามือของลู่ฉาวอวี่มากุมเอาไว้ “อย่าเกา เดี๋ยวจะมีรอยแผล”

“ท่านแม่… ทรมาน…”

“แม่รู้ แม่จะเกาให้เจ้า เกาแล้วก็จะไม่คันแล้ว”

มู่ซืออวี่เห็นลู่ฉาวอวี่ทรมานเช่นนี้ หัวใจของนางราวกับถูกทิ่มแทงด้วยมีดแหลมคม

ปกติแล้วเขามักจะเคร่งขรึมเกินกว่าวัย ไม่เคยให้นางต้องกังวลใจ หลาย ๆ ครั้งยังคลายความกังวลใจให้นาง ครั้นเห็นเขาอ่อนแอตัวซีดเซียวเช่นนี้แล้วค่อยเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปขึ้นมาบ้าง

ทว่านางกลับปวดใจยิ่งกว่าเดิม

“ท่านแม่…” ลู่ฉาวอวี่ตัวร้อนทั้งตัว ลมหายใจที่พรูออกมาล้วนร้อนผ่าว “กอด… กอดข้า…”

มู่ซืออวี่กอดลู่ฉาวอวี่ไว้

นางรู้ว่าเขาป่วยเป็นโรคติดต่อ ทว่าในยามนี้นางไม่อาจสงบใจคิดไตร่ตรองอะไรได้ เพียงแค่ต้องการกอดเขาเอาไว้แน่น ๆ ให้เขารู้ว่านางอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา

เหวินอวี่เซวียนนั่งอยู่ในห้องตำรา สดับฟังเสียงฝนพรำข้างนอก

“เฮ้อ…”

ป้าผางเข้ามาพร้อมกับอาหารแล้วเอ่ยกับเหวินอวี่เซวียน “ท่านอาจารย์ยังคงเป็นห่วงฉาวอวี่หรือ? ร่างกายของท่านไม่สู้ดีนัก อย่าได้กังวลมากเกินไป ข้าเชื่อว่าฉาวอวี่จะไม่เป็นอะไรไปแน่นอน”

“เจ้าก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน รีบไปพักผ่อนเถิด”

“เจ้าค่ะ”

“นำอาหารไปส่งให้ฮูหยินลู่แล้วหรือยัง?”

“กำลังจะไปส่งเจ้าค่ะ”

“อุ่นโจ๊กไว้ในห้องครัวสักหม้อ หากฉาวอวี่ตื่นขึ้นมา เขาอาจจะอยากกินโจ๊กสักหน่อย”

“ท่านอาจารย์วางใจได้เจ้าค่ะ ข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”

“คืนนี้คงเป็นคืนที่ไม่อาจข่มตาหลับได้อีกคืน…”

มู่เจิ้งหานเฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อจือเชียนมาพบก็เห็นว่าเสื้อผ้าของเขาล้วนเปียกโชก เด็กน้อยที่น่าสงสารยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากของเขาเริ่มเขียวคล้ำ ทว่าเขากลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล่าวสิ่งใดสักคำ

“คุณชายหาน ท่านทำอะไรอยู่ตรงนี้?” จือเชียนเอ่ยถาม “รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะขอรับ! มิเช่นนั้นร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวเอานะขอรับ”

มู่เจิ้งหานผ่ายผอมลงไปไม่น้อย สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก

“ข้าไม่เป็นไร”

“คุณชายหาน ท่านอยากให้ฮูหยินเป็นห่วงท่านอีกคนหรือ?” จือเชียนกล่าว “ถึงแม้ท่านจะไม่อยู่ที่นี่ คุณชายฉาวอวี่ก็ต้องฟื้นขึ้นมาเช่นกัน”

“ข้าอยากเห็นเขาตื่นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด”

เสียงของมู่ซืออวี่ดังขึ้นมาจากข้างในว่า “น้องหาน เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ หากฉาวอวี่ตื่นแล้ว ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้”

“ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ดูแลฉาวอวี่ให้ดี” มู่เจิ้งหานเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่โทษเจ้า เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ข้าเชื่อว่าเขาจะตื่นขึ้นมา” เมื่อมู่ซืออวี่เอ่ยจบ นางก็ไม่เอ่ยกับพวกเขาที่อยู่ข้างนอกอีก

คืนนั้นลู่ฉาวอวี่ละเมอพูดออกมาหลายสิ่ง

ปกติแล้วเขามักจะตีหน้านิ่ง นิสัยใจคอเหมือนท่านพ่อของเขาราวกับแกะ ทว่าคืนนี้กลับทำตัวออดอ้อน ร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกว่ามู่ซืออวี่ไม่สนใจ ไม่ห่วงใยเขา มู่ซืออวี่ทั้งปวดใจทั้งขบขันในคราวเดียวกัน

รุ่งสาง ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว

บรรยากาศงดงาม พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า สายรุ้งก็ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าหนึ่งสาย

ลู่ฉาวอวี่นอนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างได้ เขากำลังมองเห็นสายรุ้งที่พาดผ่านท้องฟ้าสายนั้น

เด็กชายเห็นมู่ซืออวี่นอนอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาเปียกชุ่ม

เมื่อคืนนี้เขาฝันร้าย ฝันว่าท่านแม่ไม่ต้องการเขาและน้องสาวแล้ว ไม่ให้พวกเขากินข้าว ทั้งเตะทั้งตบตีพวกเขา ราวกับเขาย้อนไปยังชีวิตก่อนหน้านี้ของตน เวลานั้นเขาคิดแม้กระทั่งอยากตาย

ยังดีที่…ต่อมาท่านแม่กอดเขาไว้อีกครั้ง แล้วกล่าวว่านางทำผิดไปแล้ว นางจะอยู่กับพวกเขาตลอดไป รักใคร่เอาใจใส่พวกเขาตลอดไป เขาจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

“ฉาวอวี่ เจ้าตื่นแล้ว!” มู่ซืออวี่ขยี้ตาตนเองแล้วเอ่ยด้วยความดีใจ “เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”

ลู่ฉาวอวี่ชี้ไปข้างนอก “สายรุ้ง”

มู่ซืออวี่มองไปยังทิศทางที่เขาชี้ “ใช่แล้ว สายรุ้ง ไม่ใช่สิ ข้าจะไปเชิญท่านหมอมาตรวจอาการเจ้า”

พวกเหวินอวี่เซวียนได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่ตื่นแล้วก็รีบร้อนมาหา

จือเชียนไปเชิญท่านหมอมาตรวจอาการ บังเอิญที่ท่านหมอคนนี้คือคนที่รับมู่ซือเจียวไว้เมื่อวาน

“ลูกชายของท่านร่างกายแข็งแรง ครั้งนี้เขาปลอดภัยดี ก็นับว่ารอดพ้นเภทภัยมาได้แล้ว ทว่าฮูหยินจะบุ่มบ่ามเกินไปไม่ได้ เมื่อคืนนี้ หากเขาแพร่โรคใส่ท่าน แล้วท่านไปแพร่โรคใส่ผู้อื่น เช่นนั้นพวกท่านคงทำผิดต่อเมืองฮู่เป่ยแล้ว”

“ข้าได้ยินน้องชายของข้าบอกว่าพวกเขาใกล้ชิดกับคนป่วยเมื่อสิบวันก่อน ข้าคิดว่าอาจจะใช้เวลาสิบวันจึงจะออกอาการ โรคนี้คงไม่ลุกลามรวดเร็วนัก ตอนนี้อาการป่วยลูกชายของข้าหายดีแล้ว ช่วงนี้ข้าก็จะไม่ออกไปไหน อยู่แต่ที่บ้านทั้งวัน หากผ่านไปสิบวันแล้วไม่มีอาการ เช่นนั้นคงปลอดภัยแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านหมอ ผื่นบนใบหน้าลูกชายข้า…”

“ผื่นแดงไม่ได้หนักหนา ตราบที่ไม่ลุกลามไปกว่านี้ ก็แค่ทายาสักหน่อย” ท่านหมอกล่าวต่อ “ข้าจะเขียนตำรับยาให้อีกขนาน เจ้าให้เขาทานเป็นเวลาสามวัน หากสามวันแล้วไม่มีปัญหาก็ทายาอย่างเดียว ไม่ต้องทานยาแล้ว”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท