สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 320 ข้าไม่มีญาติเช่นพวกท่าน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 320 ข้าไม่มีญาติเช่นพวกท่าน

บทที่ 320 ข้าไม่มีญาติเช่นพวกท่าน

สายตาของมู่ซืออวี่เลื่อนไปหยุดอยู่ที่แม่เฒ่าซ่ง

แม่เฒ่าซ่งสัมผัสได้ถึงสายตาสำรวจของมู่ซืออวี่จึงฝืนยิ้มออกมา “ซืออวี่ ใช่หรือไม่?”

ชิ้ง!

ดาบของนักการคนนั้นพาดลงบนคอของแม่เฒ่าซ่ง

หญิงชราตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวเกรง

“นี่ท่านทำ… ทำอะไร?”

ถงลี่หยางรุดเข้ามาร้องขอความเมตตา “ฮูหยินโปรดอภัย ภรรยาเฒ่าของข้าไม่เคยเห็นโลกภายนอก ท่านอย่าได้ถือสาหาความคนไม่รู้ความเช่นนางเลยขอรับ”

นักการกล่าวเย้ยหยัน “ชื่อของฮูหยินเป็นสิ่งที่พวกเจ้าจะเรียกก็เรียกได้หรือ?”

“ใช่ ๆๆ ข้าผิดไปแล้ว” แม่เฒ่าซ่งตัวสั่น “ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ ท่านอาจจะไม่เคยพบพวกข้ามาก่อน แต่ข้าเป็นแม่ของแม่ท่าน หรือก็คือเป็นยายของท่าน ผู้นี้ก็เป็นท่านตาของท่าน!”

มู่ซืออวี่มองสองคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา

“ท่านอาจไม่เคยเห็นพวกเรามาก่อน แต่คงเคยเห็นป้าของท่านกระมัง” แม่เฒ่าซ่งชี้ไปยังหูโม่ลี่ “นี่คือป้าของท่าน ท่านถามนางดูว่าพวกเราใช่ยายกับตาของท่านหรือไม่”

มู่ซืออวี่จิบชาหนึ่งคำ จากนั้นจึงเช็ดน้ำที่เปื้อนมุมปากของตนแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ท่านตาท่านยายงั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว พวกเราเอง!” แม่เฒ่าซ่งมองมาอย่างประจบสอพลอ “ครอบครัวของพวกเรายากจน ไม่ได้มาพบพวกท่านเสียหลายปี ท่านจำไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตาของท่านกับข้ามักจะเอ่ยถึงพวกท่านแม่ลูก โดยเฉพาะท่าน ตอนที่ท่านยังเด็กหน้าตาน่ารักมาก ข้ากับสามีชอบท่านมาก”

มู่ซืออวี่ยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เอ๋? พวกท่านชอบข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ! เช่นนั้นข้าเกิดเมื่อไหร่หรือ?”

“ท่าน… ท่าน…” แม่เฒ่าซ่งมองถงลี่หยาง

ใบหน้าของถงลี่หยางชะงักค้าง

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามู่ซืออวี่เกิดมาเมื่อไหร่?

เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าถงซื่อเกิดยามใด

แม่เฒ่าซ่งพยายามรื้อค้นความจำของตน ทว่าอย่างไรก็นึกไม่ออก

มู่ซืออวี่เผยสีหน้าหมดความอดทน “เอาล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาพูดคุยแล้ว ข้ารู้ว่าพวกท่านคิดจะทำอะไร ก่อนหน้านี้พวกเรายากจน พวกท่านที่บอกว่าตนเป็นญาติ สิบกว่าปีมานี้กลับไม่เคยพบหน้าแม้เพียงคราเดียว ตอนนี้สามีของข้ากลายมาเป็นนายอำเภอ พวกท่านกลับอยากนับญาติขึ้นมา ขออภัย ข้าไม่ได้โง่เขลาปานนั้น ไม่ได้ใจกว้างเพียงนั้นด้วย พวกท่านที่อยู่ตรงนี้ฟังให้ดี ข้าไม่ยอมรับญาติเช่นพวกท่าน หากมารังควานข้าและท่านแม่ข้าอีก ข้าไม่จบแค่เพียงให้ถูกขังคุกเป็นแน่”

“ฮูหยิน ข้างกายท่านจำเป็นต้องมีคนที่ไว้ใจได้ ท่านลองพิจารณาน้าชายของท่านหน่อยเถิด อย่างไรเสียก็เป็นน้าชายแท้ ๆ ของท่าน นี่ก็ทำเพื่อท่าน ท่านมีอะไรก็สามารถเรียกใช้เขาได้”

“พวกท่านยินดีให้เขาขายตัวเป็นทาสรับใช้งั้นหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยขัดคำพูดอีกฝ่ายขึ้นมา “หากพวกท่านยินยอม เช่นนั้นข้าให้โอกาสนี้แก่เขาได้”

“ทาสงั้นหรือ?” สีหน้าของแม่เฒ่าซ่งราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป อยากจะอาเจียนออกมาก็ไม่กล้า อีกทั้งยังไม่กล้าขุ่นเคือง

“ศาลาว่าการไม่เคยขาดคนไร้ความสามารถ หากจะบอกว่าซื่อสัตย์จงรักภักดี แน่นอนว่าบ่าวรับใช้ที่เกิดในบ้านย่อมเชื่อใจได้มากกว่า ชีวิตของทาสอยู่ในกำมือของผู้เป็นนาย ย่อมไม่กล้าขัดขืนคำสั่งผู้เป็นนาย”

ถงลี่หยางทึ้งแขนเสื้อของแม่เฒ่าซ่ง “เจ้าบ้าไปแล้ว”

แน่นอนว่าแม่เฒ่าซ่งไม่อาจให้บุตรชายของตนเองเป็นทาส เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่บังคับไม่ได้โน้มน้าวก็ไม่ได้ สุดท้ายพวกเขาอาจไม่ได้อะไรจากนาง ในใจก็เกิดความรู้สึกไม่ยินยอม

“ฮูหยิน คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวปลอม จะจัดการพวกเขาอย่างไรขอรับ?” นักการเอ่ยถาม

“ข้าเกลียดคนคดในข้องอในกระดูกพรรค์นี้เป็นที่สุด ในเมื่อพวกเขาไม่ซื่อตรง เช่นนั้นก็ให้พวกเขาอยู่ในห้องขังสักสามสีปี่ ให้พวกเขาได้ทานข้าวคุกเสียให้พอ”

“ฮูหยินไว้ชีวิตข้าเถิด!”

“ฮูหยิน ไว้ชีวิตพวกเราเถิด พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

คนอื่น ๆ คุกเข่าลงขอความเมตตา

เสียงวิงวอนร้องขอของ ‘เหล่านักโทษ’ ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง

แม่เฒ่าซ่งและถงลี่หยางหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

โดยเฉพาะแม่เฒ่าซ่ง นางอยู่ในห้องขังมาสองสามวันแล้ว ช่วงระยะเวลาหลายวันมานี้ นางไม่ได้นอนเต็มอิ่มแม้แต่คืนเดียว ทุก ๆ เที่ยงคืนจะมีเสียงคนหวีดร้องดังขึ้นมา เวลานักการเหล่านั้นทรมานนักโทษ เสียงโหยหวนของนักโทษดังสะท้อนไปทั่วทั้งที่คุมขัง

นางไม่คิดอยากกลับไปเยือนสถานที่ผีสางแห่งนั้นอีกแล้ว

“ฮูหยิน ความหมายของท่านพวกเราเข้าใจแล้ว ข้าและท่านตาของท่านเพียงแค่อยากมาดูท่าน ตอนนี้ได้พบแล้ว พวกเราก็วางใจแล้ว ให้พวกเรากลับไปเถิด ที่บ้านยังมีเด็กที่ต้องการให้เราดูแลอยู่นะเจ้าคะ!” แม่เฒ่าซ่งเอ่ยขึ้น

“อยากกลับแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“อยาก อยากกลับยิ่งนัก” แม่เฒ่าซ่งใช้กลยุทธ์ทุกกาย “ลูกของน้าชายท่านยังเล็กนัก ปกติล้วนเป็นข้าที่ดูแลเขา ข้าเดินทางมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นกินอิ่มนอนหลับดีหรือไม่ น่าสงสารเหลือเกิน!”

“ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด แน่นอนว่าไม่อาจให้ท่านเข้าไปอยู่ในห้องขังอีก พวกท่านอยากกลับแล้วก็กลับไปเสีย ไม่มีผู้ใดห้ามพวกท่าน” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่างไรก็ตาม ข้าขอเตือนพวกท่านเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไม่อยากให้ผู้ใดไปรบกวนท่านแม่ของข้า”

“พวกเราไม่รบกวนแล้ว” ถึงแม้แม่เฒ่าซ่งจะรู้สึกไม่ยินยอมเพียงใด แต่นางทำได้เพียงจำใจยอมรับแล้ว

คนธรรมดาไม่อาจสู้เจ้าหน้าที่ทางการ เบื้องหน้าพลังอำนาจ ลูกไม้ตื้น ๆ ของนางย่อมไร้ประโยชน์ ตราบใดที่กล้าก่อความวุ่นวาย เพียงมู่ซืออวี่เอ่ยคำเดียวก็สามารถทำให้นางเข้าไปอยู่ในคุก ไม่อาจออกมาได้

“พาพวกเขาออกไป” มู่ซืออวี่สั่ง

แม่เฒ่าซ่งรีบคว้าตัวถงลี่หยางแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ช่วยพยุงข้าหน่อย”

ถงลี่หยางปรี่เข้าไปพาแม่เฒ่าซ่งเดินจากไป

ในตอนที่ทั้งสองคนจากไป พวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหูโม่ลี่ยังอยู่ข้างใน

มู่ซืออวี่กล่าวกับ ‘นักโทษ’ คนอื่น ๆ นอกจากหูโม่ลี่ “ช่วงเวลานี้ทำให้พวกท่านคับข้องใจแล้ว”

“ไม่คับข้องใจ ไม่คับข้องใจเลยขอรับ” หนึ่งใน ‘นักโทษ’ เอ่ยขึ้น “ฮูหยินให้ค่าแรงเราสูงถึงเพียงนี้ พวกเรากลับไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เพียงแค่นอนอยู่ในห้องขังสองสามวันยังรู้สึกละอายใจเล็กน้อย”

“นักการจิ่ง ท่านพาพวกเขาไปรับค่าแรง”

‘นักโทษ’ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นบ่าวรับใช้ในจวนว่าการ ปกติแล้วทำงานจิปาถะทั่วไป ค่าแรงไม่ได้สูงนัก ครั้งนี้ถูกมู่ซืออวี่เลือกมาแสดงละครฉากนี้ ค่าแรงที่พวกเขาได้รับเทียบเท่ากับค่าแรงก่อนหน้านี้ที่พวกเขาได้รับถึงสองเดือน ทำให้พวกเขาดีใจมาก

หากไม่มี ‘นักโทษ’ เหล่านี้จะสะเทือนภูเขาสะท้านพยัคฆ์ได้อย่างไร?

แม่เฒ่าซ่งไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา นางจึงต้องทำทุกอย่างให้จริงจัง เช่นนี้อีกฝ่ายจึงจะไม่กล้ามาขอเงินอีก

เพิ่งจัดการกับแม่เฒ่าเจียงไปหนึ่งคน นางไม่มีเวลามากพอมาจัดการ ‘แม่เฒ่าเจียง’ คนที่สองอีกแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ในเมื่อสามารถใช้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการคนได้ เหตุใดต้องเกรงใจพวกเขาด้วย?

ดูสิว่าได้ผลชะงัดเพียงใด!

หลังจากคนอื่น ๆ จากไปแล้ว หูโม่ลี่จึงปัดขี้เถ้าออกจากใบหน้านาง

“หากรู้ว่าข้าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดมากมาย ข้าจะไม่ทำให้ตนเองกลายเป็นเช่นนี้ ดูเสื้อผ้าชุดใหม่นี่สิ เสื้อผ้าดี ๆ กลายเป็นสิ้นเปลืองไปเปล่า ๆ เช่นนี้แล้ว” หูโม่ลี่เอ่ยด้วยความเสียดาย

“ไม่ใช่สูญเปล่าเสียทีเดียว” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ท่านปรากฏตัวก็ดูสมจริงมากขึ้นแล้ว อีกทั้งขอแค่ท่านพูดตามที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมมองสิ่งใดไม่ออก”

“บ้านข้ายากจนยิ่งนัก บางทีพวกเขาอาจไม่มาเสียเวลาอยู่ที่ครอบครัวพวกเรา พวกเขาออกไปได้แล้ว พวกเจ้าก็นับว่าได้ความสงบคืนมาแล้ว” หูโม่ลี่กล่าว

“จริงสิ เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเจ้าและท่านหมอจู? สองสามวันมานี้ข้าพักอยู่กับแม่ของเจ้า แม่ของเจ้าพาข้าไปช่วยที่โรงหมอของท่านหมอจู แน่นอนว่าข้าปิดบังหน้าตาแล้วไม่มีผู้ใดจำข้าได้ สิ่งที่ข้าอยากจะกล่าวคือระหว่างท่านแม่ของเจ้าและท่านหมอจูมีบางอย่างแปลก ๆ”

“ท่านป้าไหวพริบดียิ่งนัก อันที่จริงคงพอคาดเดาได้แล้วกระมัง?” มู่ซืออวี่กล่าว “เป็นอย่างที่ท่านคิด”

“หา? หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นก็ยุ่งยากแล้ว ข้าเห็นสตรีที่เรียกว่าเตาซานเหนียงผู้นั้นเอาอกเอาใจท่านหมอจูเป็นอย่างมาก อาหารหนึ่งวันสามมื้อล้วนเป็นนางที่จัดการ นางว่องไวพอตัวเชียวล่ะ”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท