บทที่ 338 เผชิญหน้ากับจงอ๋อง
บทที่ 338 เผชิญหน้ากับจงอ๋อง
ณ จวนจงอ๋อง
มู่ซืออวี่ส่งมอบแบบก่อสร้างให้จงอ๋อง
เพราะเป็นแปลนของห้องลับ นางไม่กล้าปล่อยให้คนอื่นจัดการ จึงมอบให้กับจงอ๋องด้วยตัวเอง
นางนั่งดื่มชาระหว่างรอให้จงอ๋องค่อย ๆ พิจารณา
ภาพแบบมีทั้งหมดหลายสิบหน้า แต่ละหน้ามีแผนผังโครงสร้างอย่างละเอียดพร้อมข้อความอธิบาย แม้แต่คนที่ไม่รู้เกี่ยวกับด้านนี้เลยก็สามารถเข้าใจได้
เสียงในห้องมีเพียงเสียงจงอ๋องพลิกกระดาษและเสียงจิบชาของมู่ซืออวี่
“ข้าอ่านไม่เข้าใจ” จงอ๋องวางแบบก่อสร้างในมือลง ก่อนจะหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมากินด้วยท่าทางเกียจคร้านและหยาบคาย “แต่แบบภาพถูกวาดขึ้นด้วยความตั้งใจ แค่นี้ข้าก็พอใจ”
“หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่ยืนขึ้น
จงอ๋องโบกมือ “ไปเถิด!”
หลังออกจากห้องตำรา มู่ซืออวี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ครั้งนี้จงอ๋องไม่แปลงกายเป็นปีศาจกระหายเลือด นางคาดไม่ถึงเลย
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนรีบมาถามนาง
“ฮูหยิน เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“เสร็จแล้ว กลับกันเถิด”
นางไม่ต้องมาจวนที่น่าขนลุกแห่งนี้อีกแล้ว
สาวน้อยทั้งสองได้ยินแล้วก็ผ่อนคลายขึ้นมาก
จะมีสักกี่คนที่เต็มใจก้าวเข้ามาในสถานที่เช่นนี้
ไม่ใช่แค่พวกนาง หากต้องผ่านจวนของจงอ๋อง คนทั้งเมืองซูโจวจะอ้อมไปอีกทาง รอบ ๆ นี้ นอกจากคนที่ภักดีต่อจงอ๋องก็ไม่มีใครอีก
ทันใดนั้น มู่ซืออวี่พลันชะงัก
“จื่อซู จื่อเยวี่ยน เจ้าได้ยินอะไรหรือไม่?”
“ไม่เจ้าค่ะ กรี๊ดดด!” จื่อซูชี้ไปยังเสือตัวเขื่องที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ฮูหยิน สะ… สะ… เสือ…”
พยัคฆ์ร้ายน้ำลายหยดขณะจับจ้องมาที่พวกนาง ที่น่ากลัวที่สุดคือมันไม่มีโซ่ล่ามเอาไว้ ทั้งยังไม่ได้ถูกขังอยู่ในกรงด้วย มันตั้งทางพร้อมโจมตี ราวกับว่าพร้อมกระโจนเข้ามาขย้ำพวกนางได้ทุกเมื่อ
“ข้าคงไม่ถูกโฉลกกับเสือสินะ”
ทุกครั้งที่เจอเสือไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลย
ไม่สิ! นางไม่ถูกโฉลกกับจงอ๋องต่างหาก
ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับเสือก็เป็นเพราะจงอ๋อง มีเพียงคนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นเขาเท่านั้นที่เลี้ยงสัตว์ดุร้ายชนิดนี้
“ฮูหยิน ท่านรีบหนีเร็วเข้า พวกเราขวางให้เองเจ้าค่ะ” จื่อซูพูด
“ใช่ ใช่ ฮูหยิน… รีบไปเถิดเจ้าค่ะ!” จื่อเยวี่ยนขวางอยู่ข้างหน้ามู่ซืออวี่ แม้ว่านางจะกลัวแทบขาดใจตายก็ตาม
“โฮก!” เจ้าพยัคฆ์ร้ายกระโจนเข้าหาพวกนาง
“กรี๊ด!” สองสาวกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจ
มู่ซืออวี่ลากพวกนางด้วยมือทั้งสองข้าง แล้ววิ่งไปสวนหลังจวนจงอ๋อง
ฟึ่บ! ลูกศรพุ่งไปปักคอพยัคฆ์ร้าย
เสือจำต้องหยุดเพราะความเจ็บปวด มันหันไปจ้องมองเจ้าของศรพร้อมดวงตาสีแดงก่ำ
คนคนนั้นคือจงอ๋อง…
มู่ซืออวี่ลากสองสาววิ่งไปทางจงอ๋อง
จงอ๋องดึงคันธนูออกมาแล้วยิงศรอีกครั้ง
พยัคฆ์ร้ายเผ่นโผนกระโจนเข้ามา
ฟึ่บ!
ทว่าเสือหลบเลี่ยงลูกศรได้
จงอ๋องชักคันธนูอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเสือกำลังจะกระโจนเข้าถึงตัวจงอ๋อง มู่ซืออวี่ก็ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น นางชักดาบออกจากเอวของจงอ๋อง แทงเสือที่กำลังกระโจนเข้ามาทันที
จงอ๋องยิงลูกศรออกไปเช่นกัน
ดาบแทงทะลุตาของพยัคฆ์ร้าย ส่วนลูกศรพุ่งทะลุแผลเดิม เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาไม่หยุดจากบาดแผลที่คอ
“โฮก!”
โครม!
ร่างใหญ่ของมันล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น พื้นดินรอบ ๆ ถึงกับสั่นสะเทือน
จงอ๋องลดคันธนูและลูกธนูในมือลง ก่อนจะมองไปยังมู่ซืออวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ตัวนางเปื้อนไปด้วยโลหิตที่สาดกระเซ็น
“เจ้าเป็นสตรีที่กล้าหาญนัก”
มู่ซืออวี่คุกเข่าลงแล้วพูดว่า “เพราะข้าไม่อยากตายเจ้าค่ะ”
“ไม่อยากตายแต่กล้าแตะต้องของของข้า เจ้าคิดว่าข้าคุยด้วยง่ายกว่าเสือตัวนี้หรือ?” จงอ๋องเย้ยหยัน
“ท่านอ๋อง ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน แน่นอนว่าท่านอ๋องเป็นวีรบุรุษ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด แต่หากมีคนช่วยอีกสักคน ก็คงไม่กระเทือนต่อมืออันสูงส่งของท่านใช่หรือไม่?”
“สมแล้วที่เป็นสตรีของลู่อี้ คารมคมคายเช่นนี้คล้ายกับเขาจริง ๆ”
เมื่อจงอ๋องพูดจบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็รีบเข้ามา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมาช้าเกินไป ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
จงอ๋องมองคนที่คุกเข่าต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “เสียงดังถึงเพียงนี้เพิ่งจะได้ยิน ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเจ้าเป็นขยะหรือว่า… มีแผนการร้ายกันแน่”
หากเป็นขยะ ขยะจะมีประโยชน์ได้อย่างไร
หากเกลือเป็นหนอนก็ยิ่งไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จงอ๋องก็เดือดดาลยิ่งนัก
มู่ซืออวี่ไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของจงอ๋อง นางรีบหนีไปพร้อมกับสาวใช้ทั้งสอง
จงอ๋องมองตามแผ่นหลังของมู่ซืออวี่
“ท่านอ๋อง พีลี่ถูกวางยาขอรับ” คนดูแลสัตว์กล่าว “อีกทั้งโซ่เหล็กที่คอของพีลี่ก็ถูกตัดออกด้วยขอรับ”
“เมื่อครู่นี้เจ้าไปที่ใดมา?” เย่จือโจว คนสนิทของจงอ๋องถาม
“เมื่อครู่นี้ข้าน้อยไม่สบาย วิงเวียนแล้วเป็นลมหมดสติไปขอรับ”
“เย่จือโจว ผลลัพธ์เกิดขึ้นกับข้าแล้ว หากวันนี้ยังไม่พบสาเหตุ เจ้าจะได้เห็นดีกับข้า” จงอ๋องจ้องมองเย่จือโจวด้วยสายตาเย็นชา
เย่จือโจวประสานมือ “กระหม่อมต้องทำภารกิจให้สำเร็จขอรับ”
ภายในรถม้า
มู่ซืออวี่ได้กลิ่นคาวเลือดบนร่างกายตัวเองแล้วรู้สึกคลื่นเหียนไม่น้อย
“ฮูหยิน พวกเราเกือบถูกเสือกินแล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูกอดแขนจื่อเยวี่ยน “แม้ว่าจงอ๋องจะน่ากลัว แต่เมื่อครู่นี้ท่านก็ช่วยพวกเราไว้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณของเราเจ้าค่ะ”
“เขาไม่ได้ช่วยเราหรอก เขาแค่ช่วยตัวเขาเอง เจ้าคิดว่าเสือแค่หลุดออกมาเช่นนั้นหรือ?” มู่ซืออวี่พูด “ดูจากตำแหน่งที่เสือปรากฏตัว หากเราไม่ปรากฏตัวก่อน มันคงกระโจนเข้าไปกัดจงอ๋องแล้ว”
“แล้วพวกเราสมควรโดนลูกหลงไปด้วยหรือ?”
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่อยากไปจวนจงอ๋องอีกแล้ว” จื่อซูพูด ใบหน้าพลันทุกข์ระทม “ฮูหยิน ข้าอยากกลับเมืองฮู่เป่ยแล้ว เราจะกลับกันเมื่อใดเจ้าคะ”
มู่ซืออวี่ลูบหน้าผากตัวเอง นางก็อยากกลับไปเช่นกัน ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่นางจะทิ้งกิจการไปได้ในตอนนี้
“ท่าน… ท่านกลับมาสภาพนี้ได้อย่างไร?” เมื่อเจิ้งซูอวี้เห็นสภาพของมู่ซื่ออวี่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไป
“เรื่องมันยาว” มู่ซืออวี่ตอบ “ให้ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
“รีบไปเถิด!” เจิ้งซูอวี้พยักหน้า
มีอีกคนหนึ่งอยู่ในห้อง มู่ซืออวี่เพียงพยักหน้าให้เขาแล้วเข้าไปในห้องชั้นในโดยไม่ได้เอ่ยคำใด
ตอนนี้นางยังไม่สะดวกที่จะไปพบแขก
เจิ้งซูอวี้หันกลับไปหาชายคนนั้น ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ
ฉินเหวินหานส่ายหน้าเบา ๆ “ดูเหมือนว่าเถ้าแก่เนี้ยมู่เพิ่งจะประสบอุบัติเหตุมา วันนี้ข้ามาไม่ถูกเวลา ข้าจะมาเยี่ยมวันอื่นก็แล้วกัน”
“เจ้าช่วยพวกเราไว้มาก ข้าจึงอยากจะเชิญเจ้ามารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่คงไม่สะดวกที่จะให้ความบันเทิงเจ้าในสถานการณ์นี้ เช่นนั้นข้าจะเชิญเจ้ามารับประทานอาหารร่วมกันในวันอื่น หวังว่านายน้อยจะไม่รังเกียจ”
“จะรังเกียจได้อย่างไร ข้าคิดว่าพวกเราเป็นสหายกัน” ฉินเหวินหานพูดอย่างอ่อนโยน
ทันทีที่ฉินเหวินหานจากไป เจิ้งซูอวี้ก็ไปที่ห้องน้ำ แล้วพูดผ่านฉากกั้นห้องว่า “เลือดบนร่างกายของท่านคือเลือดอะไร คงไม่ใช่เลือดมนุษย์ใช่หรือไม่?”
“หากเป็นเลือดมนุษย์ ท่านยังจะเห็นข้าพูดดี ๆ เช่นนี้ได้อยู่หรือ?” มู่ซืออวี่ตอบ “อย่างไรเสีย แม้ว่ามันจะไม่ใช่เลือดมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เลือดไก่ เป็ด หรือปลา”
เมื่อเห็นว่ามู่ซื่ออวี่เอาแต่เล่นลิ้น เจิ้งซูอวี้ก็ถามด้วยความหงุดหงิด “แล้วเป็นเลือดของตัวอะไรกันแน่?”