บทที่ 352 ลู่อี้อยากปกป้องเขา
บทที่ 352 ลู่อี้อยากปกป้องเขา
ตอนที่ลู่ฉาวอวี่กำลังจะกลับ มู่ซืออวี่ให้เขานำจดหมายไปให้ลู่อี้
มู่เจิ้งหานเอ่ยอย่างไม่ยินดี “ท่านพี่ อีกนานแค่ไหนท่านถึงจะกลับหรือ?”
“ใกล้แล้ว งานเรือนย่อยของจงอ๋องใกล้จะเสร็จแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “หากได้เงินก้อนนี้มา พี่สาวคนนี้จะพาเจ้าไปทานของเผ็ดรสโอชะ”
“ตอนที่ท่านกลับมา บางทีท่านน้าอาจไปสอบชิวเหวย*[1]แล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้น “ท่านไม่อยู่บ้าน พวกเราก็เหมือนไม่มีกระดูกสันหลัง*[2] ท่านต้องกลับมาเร็วกว่านี้หน่อย”
มู่ซืออวี่บีบแก้มของลูกชาย “เอ่ยคำว่าคิดถึงแม่มันยากนักหรือไง? อยากให้ข้ากลับไปเร็ว ๆ ละสิ เหตุใดต้องอ้อมค้อมเพียงนั้นด้วย”
“ท่านน้า ข้าก็อยากให้ท่านกลับไปเร็ว ๆ” เด็กอ้วนตัวน้อยกระโดดอยู่ข้างหลัง “หากท่านกลับไปแล้วข้าไปกินข้าวด้วยได้หรือไม่? ข้าจะเอาค่าอาหารไปด้วย”
“ได้ พวกเจ้ามาได้ทุกคนเลย” มู่ซืออวี่กล่าว “ฉาวอวี่ไม่ค่อยชอบพูดจา แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนอบอุ่นมาก พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัวหน้าตาเย็นชาของเขาเป็นอันขาด”
“วางใจเถอะท่านน้า พวกเราล้วนชินแล้ว”
ฉูเหยี่ยนกอดไหล่ของลู่ฉาวอวี่ “ข้าก็ชินแล้วเช่นกัน อีกอย่างหน้าตาเย็นชาของเขาก็น่ารักทีเดียว”
เหวินอวี่เซวียนนั่งอึ้งงันอยู่ในรถม้าราวกับพยายามเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง เมื่อได้สติกลับมาจึงเร่งให้เหล่าลูกศิษย์ออกเดินทาง
มู่ซืออวี่มองรถม้าหายลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ “เขามาอยู่นานขนาดนี้ ข้ายังได้อยู่กับเขาไม่ถึงวัน วัน ๆ เอาแต่งานยุ่ง ข้าเป็นแม่ประสาอะไร?”
“ฮูหยิน ถึงแม้ท่านจะอยากอยู่กับเขา คุณชายฉาวอวี่ก็ไม่ได้ต้องการให้ท่านอยู่ด้วย เขายุ่งกว่าท่านเสียอีก!” จื่อซูเอ่ย “ครั้งก่อนท่านให้ข้านำอาหารไปส่งให้เขา ท่านไม่รู้ว่าพวกคนในสำนักบัณฑิตพูดถึงเขาอย่างไร คุณชายฉาวอวี่โดดเด่นมากและนั่นสร้างความอิจฉาให้คนไม่น้อย”
“เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า?”
“คุณชายฉาวอวี่ไม่ให้เอ่ยเจ้าค่ะ เขาบอกว่าเขาจัดการได้ ข้าได้ยินว่ามีคนมาหาเรื่องเขา แต่คนผู้นั้นถูกสำนักบัณฑิตซูโจวไล่ออกแล้ว” จื่อซูเล่า “เพราะมีท่านอาจารย์เหวินคอยปกป้อง เขาจึงไม่ได้ลำบากอะไร”
หลังจากไปส่งลู่ฉาวอวี่แล้ว มู่ซืออวี่กลับยุ่งมากกว่าเดิม
นางยุ่งอยู่กับการจัดการงานในมือให้แล้วเสร็จ
“ฮูหยิน” เซี่ยคุนเดินเข้ามา “ข้าต้องการความช่วยเหลือ”
“อะไรหรือ?”
“จงอ๋องและเหวินอี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรักษา แต่ยาฤทธิ์แรงเกินไป พวกเขาจึงทานอะไรไม่ลง คงต้องรบกวนฮูหยินทำอาหารบำรุงสุขภาพให้พวกเขาแล้ว”
“รักษานานเท่าใดแล้ว?”
“ห้าวัน” เซี่ยคุนขมวดคิ้ว “ห้าวันนี้แทบทานอาหารอะไรไม่ลงเลย”
“ข้าจะลองดู แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่”
จงอ๋องเป็นคนระดับไหน? คนเช่นเขายังขาดพ่อครัวฝีมือดีอีกหรือ? เกรงว่าจะลองมาทุกหนทางแต่ไม่มีวิธีใดได้ผล จึงได้มาหานางเพื่อให้ยาแก่ม้าตาย*[3] มากกว่า
มู่ซืออวี่ส่งรายการสั่งซื้อที่อยู่ในมือให้เจี่ยงจงจัดการ
เมื่อไม่นานมานี้เหวินอี้รับช่างไม้มากประสบการณ์มาห้าคน ช่างไม้ห้าคนนี้เก็บรายละเอียดงานมากไม่ได้ ทว่ามีทักษะพื้นฐานที่ดี ดังนั้นขอแค่เจี่ยงจงคอยแนะนำพวกเขา พวกเขาก็รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร นางจึงเบาแรงลงไปไม่น้อย
ณ ครัวเล็กจวนจงอ๋อง
จื่อซูถามอยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่ “ฮูหยิน ให้พวกเราทำอะไรบ้างเจ้าคะ?”
“พวกเขาอยู่ในช่วงรับยา ร่างกายจึงอ่อนแอมาก และท้องของพวกเขาก็ต้องการการเติมเต็ม” มู่ซืออวี่ล้างข้าวสาร “อันดับแรกต้องมีโจ๊กก่อน จากนั้นข้าจะทำเฉ่าเหมยซานเย่า*[4] กึ๋นไก่ผัดดอกหอม และยำสามเซียน*[5]…”
มู่ซืออวี่มองวัตถุดิบในครัวพลางครุ่นคิด
สาวใช้ทั้งสองติดตามนางมาสักพักแล้ว ทุกครั้งที่นางทำอาหาร สองคนนี้มักเป็นลูกมือ ทำให้รู้ใจผู้เป็นนายระดับหนึ่ง เพียงแค่มู่ซืออวี่ส่งสายตาก็รู้ว่าต้องการอะไร
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นายบ่าวเข้าไปในห้องนอนของจงอ๋องพร้อมกับอาหารหลากหลายชนิด
จงอ๋องและเหวินอี้อยู่ด้วยกัน
ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้ามีโต๊ะเล็ก ๆ ที่มีกระดานหมากล้อมตั้งอยู่
“วันนี้ต้องรบกวนฮูหยินลู่มาเป็นแม่นางน้อยส่งอาหาร ทำให้คับข้องใจแล้ว” จงอ๋องเอ่ยขึ้น
มู่ซืออวี่บ่นอยู่ในใจ ‘จะไม่คับข้องใจเลยสักนิดหากท่านไม่พูดคำนั้นออกมา’
ในเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้นางมาสิ!
นางอยากจะเป็น ‘แม่นางน้อย’ เมื่อไหร่กัน?
อย่างไรก็ตาม ช่างจงอ๋องไปก่อน เหตุใดเหวินอี้จึงผอมลงอีกแล้วเล่า?
ผู้ที่ก่อนหน้านี้ผ่ายผอมเสียจนลมแทบจะพลัดปลิว ได้ทานยาแล้วก็ควรจะค่อย ๆ ดีขึ้นไม่ใช่หรือ?
“หากเจ้ายังมองเขาเช่นนี้อยู่อีก ข้าจะสงสัยว่าเจ้าคิดมิดีมิร้ายกับเขาแล้ว” จงอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงแววอันตราย
“ซี” เหวินอี้ขมวดคิ้ว “ฮูหยินเป็นผู้มีพระคุณของเรา เจ้าอย่าทำให้นางตกใจ”
“พิษในร่างกายของเรายังไม่หาย นางจะเป็นผู้มีพระคุณหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง” จงอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ช่วยเรา ถึงแม้ท้ายที่สุดเราจะต้องตาย พวกเขาก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของเรา” เหวินอี้กล่าวจบก็หันมาเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ฮูหยิน ลำบากท่านแล้ว”
“ไม่ลำบาก เจ้าเป็นคู่หูของข้า แน่นอนว่าข้าต้องดูแลชีวิตเจ้า” มู่ซืออวี่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ “ทั้งสองท่านควรย้ายกระดานหมากแล้วลองชิมฝีมือของข้าขณะที่อาหารยังร้อน ๆ อยู่”
อาหารที่มู่ซืออวี่ทำมีสีสันน่ารับประทาน แม้กระทั่งโจ๊กยังไม่ใช่เพียงโจ๊กขาว แต่มีของบำรุงกำลังมากมายเพิ่มเข้าไป
ดูจากหน้าตาและกลิ่นหอมแล้ว สีสันและกลิ่นไปด้วยกันได้ แต่ไม่รู้ว่า ‘รสชาติ’ จะไปในทางเดียวกันหรือไม่
จงอ๋องเข้าใจดีว่าไม่ใช่เพราะพ่อครัวคนก่อนฝีมือไม่ดีแล้วพวกเขาทานได้น้อย แต่เป็นเพราะร่างกายของพวกเขารับเข้าไปไม่ไหวแล้วต่างหาก
ทั้งคู่ถูกวางยาพิษตั้งแต่ยังเด็ก พิษอยู่ในร่างกายของเขามามากกว่าสิบปี อยากจะรักษาให้หายก็รักษาได้ง่ายเสียที่ไหน? ถึงแม้จะพบยาถอนพิษแล้ว ผลการรักษาก็ยังคงเป็นห้าส่วนอยู่กับหมอ และอีกห้าส่วนอยู่กับสวรรค์
“อาหารจานนี้พอใช้ได้ เปรี้ยว ๆ กรุบ ๆ”
“ข้าน้อยจะเขียนตำรับอาหารให้ ต่อไปพ่อครัวจะได้ทำให้ท่านอ๋อง”
“เจ้าช่างใจกว้างเสียนี่กระไร เมื่อผู้อื่นเขาถามสูตร เจ้าก็ยินดีบอกให้” จงอ๋องทานโจ๊กไปครึ่งถ้วยและทานผักอีกเล็กน้อยก่อนที่เขาจะไม่ทานต่อ
ส่วนเหวินอี้กลับทานได้น้อยกว่า
มู่ซืออวี่ทำมันเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้นางเปลี่ยนอาหารเล็กน้อย
เหวินอี้รู้สึกผิดจึงเอ่ยว่า “ฮูหยิน ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ท่านทำมันได้ดีแล้ว เพียงแต่ร่างกายของข้ามันไม่ฟังเท่านั้นเอง”
“นั่นหมายความว่าท่านยังไม่พบอาหารที่ท่านอยากทาน” เมื่อเห็นว่าเหวินอี้ทานได้น้อย มู่ซืออวี่จึงตั้งใจว่าจะทำเป็นครั้งที่สาม
“เจ้าไม่ต้องทำแล้ว” ยากนักที่จงอ๋องจะแสดงสีหน้าดี ๆ ต่อนาง “วันนี้เขาทานได้มากกว่าเดิมแล้ว ฝีมือของเจ้าดีมาก ช่วยเขาได้ไม่น้อย”
มู่ซืออวี่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เย็นนี้ข้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”
“เจ้าจะไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไรได้ เจ้าจะจริงจังเพียงนี้เพื่ออะไร? ลู่อี้เจ้าคนโฉดนั่น เหตุใดจึงได้มีภรรยาโง่งมเช่นเจ้า?” จงอ๋องเอ่ยเบา ๆ
“เหวินอี้ทำเพื่อข้ามากมายหลายอย่าง และช่วงเวลาที่พวกเราทำงานด้วยก็เป็นช่วงเวลาดี ๆ ข้ารู้ดีว่าท่านอ๋องสูงส่งเกินกว่าที่ข้าจะปีนป่ายได้ ข้าเพียงแค่อยากพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อคู่หูและสหายของข้าอย่างเหวินอี้
จงอ๋องมองไปที่เหวินอี้ “ดูสิ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว เจ้าเป็นที่ชื่นชอบกว่าข้าเสมอ”
มู่ซืออวี่ “…”
โหดเหี้ยมปานนี้ ยังอยากได้ใจคนอีกหรือ?
นางเต็มใจมาช่วยเพราะเห็นแก่เหวินอี้ เป็นไปไม่ได้กระมังที่จะเห็นแก่เขา
เมื่อออกมาจากห้องก็เห็นเซี่ยคุนยืนอยู่ตรงนั้น มู่ซืออวี่จึงเดินเข้าไปถาม “การรักษาพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“การรักษาดำเนินไปด้วยดี เพียงแต่ในระหว่างการรักษา พวกเราต้องมั่นใจว่าจะไม่ล้มเหลว ดังนั้นเรื่องอาหารจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ อาหารที่ฮูหยินทำคงมีพลังวิเศษ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงขอความช่วยเหลือ” เซี่ยคุนกล่าว “จงอ๋องคือผู้ที่นายท่านลู่ต้องการปกป้อง”
[1] การสอบชิวเหวย เป็นการสอบในระดับมณฑลเรียกว่าเซียงซื่อ เนื่องจากมักจัดสอบในฤดูใบไม้ร่วงจึงเรียกอีกชื่อว่าชิวเหวย หมายถึง การสอบฤดูใบไม้ร่วง
[2] กระดูกสันหลัง หมายถึง กำลังหลักที่เป็นที่พึ่งพา
[3] ให้ยาแก่ม้าตาย หมายถึง พยายามทำทุกวิถีทางแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
[4] เฉ่าเหมยซานเย่า คือ มันบดแยมสตรอว์เบอร์รี นำมันนึ่งไปนึ่งแล้วนำไปบดผสมนมและน้ำตาลให้เป็นซุปข้น จากนั้นราดแยมสตรอว์เบอร์รีให้ทั่ว
[5] ยำสามเซียน คือ ยำสมุนไพร มีหน่อไม้และแห้วเป็นส่วนประกอบหลัก