สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 406 ขบวนการลักพาตัวเด็ก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 406 ขบวนการลักพาตัวเด็ก

บทที่ 406 ขบวนการลักพาตัวเด็ก

ในวัดร้างแห่งหนึ่ง ชายสองคนมัด ‘สินค้า’ ทั้งเจ็ดเอาไว้ด้วยกัน หลังจากให้เด็ก ๆ กินอาหารแห้งเสร็จก็ปิดปากไว้ดังเดิม

ที่นี่เปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน ไม่มีผู้ใดผ่านมา แม้เด็กพวกนี้จะส่งเสียงร้องเพียงใดพวกเขาก็ไม่กลัวเกรง

“ข้าว่านะพี่เฮย ‘สินค้า’ สองชิ้นนี้ที่พวกเราจับได้จากหมู่บ้านนั้นไม่เลวเลย หนูน้อยคนนั้นอายุยังน้อยกลับน่ารักปานนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าภายหน้าจะงดงามเพียงใด! ไหนจะเจ้าเด็กคนนั้นอีก ผิวพรรณเขาบอบบางนุ่มละมุน จักต้องเป็นบุตรชายของตระกูลคหบดีเป็นแน่ ท่านคิดว่าพวกเราจะสร้างปัญหายุ่งยากเข้าหรือไม่?”

“สร้างปัญหายุ่งยากอะไร? นี่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าจับคุณชายจากตระกูลผู้ดีที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้ยังไม่เป็นอะไรเลยไม่ใช่หรือ?”

“นั่นก็จริง ขอเพียงพวกเราส่งสินค้าไปให้ถึงพี่หวัง อย่างอื่นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจแล้ว พี่หวังมีวิธีการมากมายที่จะทำให้สินค้าไม่ได้กลับมา ฮ่าฮ่า”

“หลังจากได้เงินก้อนโตมาแล้ว พวกเราไปหาแม่นางทั้งหลายกันที่เรือนวสันต์เถอะ คราก่อนข้าไปหาล่าเหมย ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางนุ่มนวลราวกับสัมผัสสายน้ำ…”

“รอดูเถิด อีกสิบปี แม่สาวน้อยคนงามผู้นี้จักต้องดีกว่าแม่นางระดับสูงสุดของเรือนวสันต์แน่ แต่โชคไม่ดี พวกเราคงไม่ได้เห็นนางอีกแล้ว ข้ามั่นใจว่า นังหนูนี่จะต้องขายได้ราคาไม่ใช่น้อย”

สายตาของฟ่านเหยี่ยนเต็มไปด้วยจิตสังหาร เมื่อได้ยินคำพูดสกปรกจากสองคนนั้น

เขาเข้าไปใกล้ ๆ ลู่จื่ออวิ๋น แตะฝ่ามือนางด้วยฝ่ามือที่ถูกมัดของเขา ก่อนจะปลอบโยนคนเด็กกว่าเงียบ ๆ

เขาจะไม่ให้พวกสกปรกโสมมเหล่านี้แตะต้องนางแม้เพียงปลายผม

ทว่า ตอนนี้จำต้องอดทนไปก่อน

อันที่จริงตอนที่เด็ก ๆ อยู่ในวัดร้างแห่งนี้เมื่อคืน ลู่อี้และคนอื่น ๆ ตามมาทันแล้ว เพียงแต่พวกเขาพบว่าขบวนการลักพาตัวเด็กนี้ใหญ่มากจึงอยากตามไปถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมดสิ้น

ในตอนนั้นชายร่างใหญ่สองคนนี้จึงถูกตีจนสลบไสล ลู่จื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ หลับไปแล้ว มีเพียงฟ่านเหยี่ยนเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้รู้เกี่ยวกับแผนการนี้ พวกเขากลัวว่านางจะหลุดปากเอ่ยอะไรออกมา

รถม้ายังคงเคลื่อนต่อไป

เพื่อที่จะไม่เป็นจุดสนใจ กลุ่มม้าด้านหลังใช้เวลาหุ้มเกือกม้าอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน เนื่องจากพวกเขาต้องการลดเสียงเกือกม้าลง

“ตามข้อมูลที่ไปตรวจสอบมา ขบวนการลักพาตัวเด็กนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก พวกมันทำชั่วมาหลายเมือง แต่ละเมืองล้วนดำเนินการเพียงครั้งเดียวแล้วเปลี่ยนสถานที่ จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดจับได้” เซี่ยคุนเอ่ย

“ไม่มีผู้ใดจับได้ ไม่ใช่เพราะทางการไร้ความสามารถ หากแต่เป็นเพราะความโง่เง่าละโมบมากของทางการต่างหาก” ลู่อี้เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาก่อเหตุอย่างโจ่งแจ้งไปทั่วเช่นนี้แล้วจะไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ ตราบใดที่มีร่องรอยเหลืออยู่ เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีหลักฐาน หากไม่มีผู้ใดจับพวกเขาได้จนกระทั่งบัดนี้ คงกล่าวได้เพียงว่ามีคนสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาจำนวนมาก”

“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง” นักการเกาเอ่ย

“ทว่าครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาเมืองฮู่เป่ย” เซี่ยคุนกล่าว “ทำได้เพียงโทษพวกเขาแล้วที่โชคไม่ดี จับผู้ใดไม่จับ มาจับลูกสาวของนายอำเภอเมืองฮู่เป่ย แค่เริ่มต้นก็แหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว”

ณ หมู่บ้านสกุลลู่ หลังจากได้ยินคำพูดของฉานอีแล้ว ในที่สุดมู่ซืออวี่จึงรู้สึกโล่งใจ

ฉานอีบอกว่าลู่อี้และคนอื่น ๆ ตามไปทันแล้ว เพียงแต่เพื่อจับปลาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงยังไม่กลับมา

มู่ซืออวี่เชื่อในความสามารถของเซี่ยคุนและคนอื่น ๆ ในเมื่อตามไปทัน และหาลู่จื่ออวิ๋พบแล้ว พวกเขาจะต้องพาคนกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน

“ฉาวอวี่ กลับไปพักผ่อนที่ห้องเถิด!” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น

ลู่ฉาวอวี่อ้าปากหาวออกมา “อืม เช่นนั้นข้าจะกลับห้องไปพักผ่อนสักครู่ ท่านแม่ ท่านก็พักผ่อนสักพักเถิด เมื่อคืนท่านไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว”

เมื่อมู่ซืออวี่ได้ทราบข่าวคราวของลู่จื่ออวิ๋น นางก็รีบไปบอกถงซื่อและคนอื่น ๆ ทันที เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเป็นกังวล

ถงซื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดก็แคล้วคลาดปลอดภัยแล้ว แต่ว่าเมื่อเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมา พวกเราต้องอาบอ้ายเฉ่า*[1] ให้นางเพื่อชะล้างเคราะห์ร้ายออกจากร่างกายนะ”

ท่านหมอจูขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา เมื่อกลับมาจึงได้ทราบว่าอวิ๋นเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร เขาจึงสะพายล่วมยาไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเยี่ยมคนไข้

คนในหมู่บ้านข้าง ๆ ล้วนแต่เป็นคนที่รู้จักมักจี่กันมาเนิ่นนาน ยากนักที่เขาจะได้กลับไปสักครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไปเปล่า ๆ แต่ไปตรวจสุขภาพให้กับสหายเก่าและนำสมุนไพรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปมอบให้

หูโม่ลี่เดินมาพร้อมกับตะกร้าเห็ดป่าใบหนึ่ง

“ข้าเพิ่งขึ้นเขามาเมื่อครู่นี้” หูโม่ลี่เอ่ย “ดูสิ ยังสดใหม่อยู่เลย หากให้ข้าทำคงเสียเปล่าแล้ว ข้าเลยนำมาส่งให้แม่ฉาวอวี่”

ถึงแม้ลู่จื่ออวิ๋นจะยังไม่กลับมา ทว่าเนื่องจากได้รับข่าวคราวแล้ว เหล่าสตรีจึงไม่หนักอกหนักใจเท่าใดนัก

มู่ซืออวี่กำลังจะออกไปเดินในหมู่บ้าน แต่พอนางก้าวขาพ้นจากประตู นางก็เห็นสตรีหลายคนยืนอยู่ที่นั่น พวกนางล้วนสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ดูแล้วเหมือนหญิงออกเรือนจากครอบครัวยากจน

“พวกท่าน…”

“ท่านคือฮูหยินลู่ใช่หรือไม่?” หนึ่งในสตรีเหล่านั้นเอ่ยขึ้น พลางทำท่าจะคุกเข่าลง “ข้าได้ยินว่าลูกสาวท่านหายตัวไปใช่หรือไม่?”

มู่ซืออวี่พยุงอีกฝ่ายขึ้นมา “ท่านเป็น…”

“ข้าชื่อชุนฮวา ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคนยากจนที่ลูกหลานหายตัวไป พวกเราตามหาพวกเขาไปทุกที่นับแต่สูญเสียลูก ได้ยินว่าลูกสาวของท่านก็หายไปเช่นกัน ดังนั้นพวกข้าจึงเดินทางมาดูโดยเฉพาะ ลูกบ้านท่านเป็นลูกใต้เท้านายอำเภอ ลูกของนายอำเภอหายไป ครั้งนี้คงไม่นิ่งเฉยแล้วกระมัง?”

มู่ซืออวี่เห็นพวกนางตื่นเต้นยินดี อีกทั้งสตรีเหล่านี้ก็ล้วนดูเป็นคนซื่อตรง พูดจาพาทีไม่เก่ง นางจึงเอ่ยขึ้น “เอาเช่นนี้เถิด ข้าไม่อาจบอกกล่าวได้แค่เพียงสองสามคำ พวกเราเข้าไปนั่งพูดคุยกันข้างในเถอะ”

“แต่พวกเราล้วนเป็นคนต่ำต้อย”

สตรีหลายคนชั่งใจเล็กน้อย

“ไม่อยากคุยเรื่องลูกแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่จี้จุดอ่อนของพวกนางทันที

หลังจากคนหลายคนนั่งลงแล้ว เมื่อเห็นบ่าวรับใช้นำชาและของว่างมาให้ พวกนางพลันทำตัวไม่ถูกและสำรวมตนเองมากกว่าเดิม

มู่ซืออวี่พูดคุยกับพวกนางสองสามคำ ก่อนที่จะนำเข้าเรื่องเด็ก ๆ อย่างรวดเร็ว

ที่แท้สตรีเหล่านี้ล้วนมีลูกที่สูญหายไป มีสตรีสองคนที่ลูกเพิ่งหายไป ส่วนคนอื่น ๆ นั้นลูกหายไปได้หลายปีแล้ว

“ลูกของพี่สาวสองคนนี้เพิ่งหายไป ครั้งนี้สามีของข้าได้นำคนออกไปค้นหาด้วยตนเองแล้ว หากพบเด็กเหล่านั้น บางทีอาจจะพาพวกเขากลับมาได้ เพียงแต่พี่สาวคนอื่น ๆ…”

มู่ซืออวี่ไม่เข้าใจ

เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าใจของทุกคน มู่ซืออวี่ไม่สนใจว่าคำถามจะทิ่มแทงบาดแผลพวกนางหรือไม่ และเอ่ยต่อไปทันที “เนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดเพิ่งมาแจ้ง?”

“เดิมทีพวกเราไปแจ้งแล้ว ทว่านายอำเภอในเวลานั้นไม่ได้สนใจ หลังจากลูกของพวกเราหายไป เหล่าบุรุษกลับทำตัวกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไม่ต้องการพวกเราอีก พวกเราเหล่าสตรีจำต้องหาทางเอาเอง แม้กระทั่งชีวิตของตัวยังเอาแทบไม่รอด แล้วพวกเราจะกล้าไปแจ้งทางการอีกครั้งได้อย่างไร?”

“ต่อมาเราได้ยินว่าใต้เท้าลู่เป็นขุนนางที่ใสสะอาด แต่พวกเราคิดว่าเวลาล่วงเลยไปหลายปีแล้ว แม้ว่าลูกจะมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในเมืองนี้ แจ้งนายอำเภอไปจะมีประโยชน์อะไรเล่า”

สตรีอีกนางกล่าวต่อ “กระทั่งวันนี้พี่ชุนฮวาได้ยินว่าลูกของนายอำเภอหายตัวไป พวกเราหลายคนมีความทุกข์ร้อนเช่นเดียวกันและติดต่อกันมาตลอด ทั้งยังอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กันอีก หลังจากได้ยินข่าวนี้จึงอยากมาหาฮูหยิน พวกเราล้วนเป็นแม่ ท่านควรเข้าใจดีว่าพวกเรารู้สึกอย่างไร”

“ข้าเข้าใจ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ทว่าเรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำได้เพียงรอให้สามีข้ากลับมาแล้วตัดสินใจ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้”

“เราเข้าใจดี” สตรีเหล่านี้เพียงมาลองเชิง เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่พูดคุยด้วยง่าย พวกนางก็กระวนกระวายใจอยากได้ลูกคืนมากกว่าเดิม

[1] อ้ายเฉ่า คือ สมุนไพรที่นิยมใช้ในทางการแพทย์แผนจีน มีฤทธิ์อุ่น ช่วยกำจัดความเย็นและความชื้นออกจากเส้นลมปราณ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท