สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 415 ลู่อี้เข้าคุก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 415 ลู่อี้เข้าคุก

บทที่ 415 ลู่อี้เข้าคุก

มู่ซืออวี่รออยู่สองสามวัน แทนที่จะได้ข่าวว่าสามารถกลับไปที่เมืองฮู่เป่ย แต่กลับได้ข่าวร้ายเรื่องลู่อี้ถูกส่งตัวเข้าคุกแทน

ลู่เซวียนถามไปทั่ว แล้วนำเหตุผลที่ลู่อี้ถูกส่งเข้าคุกกลับมาแจ้ง

“ยังคงเป็นเพราะคดีลักพาตัวลูกชายของเจิ้นกั๋วกง” สีหน้าของลู่เซวียนดูวิตกกังวล “คดีนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และเกี่ยวข้องกับเสนาบดีขั้นสูงคนหนึ่ง พี่ชายของข้ากล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเช่นนี้ ไม่ต่างจากการรนหาที่เลยจริง ๆ”

“แม้จะต้องการหาแพะรับบาป แต่ก็ไม่ควรเลือกพี่ชายของเจ้าไม่ใช่หรือ?”

“ตำแหน่งทางการของพี่ชายข้าไม่สูงนัก หากเหตุการณ์นี้ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้เกิดความวุ่นวายในราชสำนักแน่นอน เดิมทีมีความสมดุลระหว่างขุนนางฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน แต่ล่าสุดความสมดุลนี้กำลังจะถูกทำลาย ฮ่องเต้จะมีความสุขได้อย่างไร”

ผู้มีอำนาจไม่สนว่าความจริงจะเป็นเช่นไร สิ่งที่สนคือเรื่องนั้นทำให้เกิดความวุ่นวายในราชสำนักหรือไม่

“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี” มู่ซืออวี่ถาม “เราไปหาจงอ๋อง ขอหนทางช่วยเหลือได้หรือไม่?”

อันอี้หางเดินเข้ามาจากด้านนอก “ข้าแนะนำว่าอย่าทำอะไรผลีผลาม”

“พี่อัน” ลู่เซวียนพูดขึ้น “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หายไปไหนมา?”

“ยังมีเวลาอีกสามปีก่อนจะสอบขุนนาง ข้าไม่อาจอยู่เฉย ๆ ได้ จึงต้องหางานทำก่อน” หลังจากอันอี้หางพูดจบ เขาก็พูดกับมู่ซืออวี่ว่า “จากสิ่งที่ข้ารู้เกี่ยวกับท่านใต้เท้าลู่ เขาไม่เคยทำสิ่งใดโดยปราศจากความแน่ใจ”

“แล้วท่านคิดว่าข้าควรรออยู่เฉย ๆ หรือ หากเดาผิด พวกเราจะเสียลู่อี้ไปนะ” มู่ซืออวี่กล่าว

“จงอ๋องย่อมไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ หากมีอันตรายจริง ๆ เขาจะช่วยแน่นอน หากเจ้ากังวล เจ้าแอบติดต่อตำหนักจงอ๋องก็ได้”

“ขอบคุณพี่อันที่เตือนสติ” ลู่เซวียนพูด “ก่อนหน้านี้ข้ากังวลมากเกินไป หลังจากได้ยินคำพูดของพี่อัน ข้าก็คิดว่าพี่ใหญ่อาจเตรียมการไว้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่คุก”

“ข้าไปด้วย” มู่ซืออวี่กล่าว

“พี่สะใภ้อย่าไปเลย” ลู่เซวียนเอ่ยห้าม “พี่ใหญ่เพิ่งถูกคุมขัง จะได้พบเขาไม่ใช่ง่าย ๆ ข้าต้องหาคนแอบส่งตัวข้าเข้าไป หากท่านไป บางทีอาจจะไม่ได้พบเขาก็ได้”

“เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูก่อน หากได้ข่าวอะไรก็มาบอกข้าด้วย”

วันต่อมา ลู่เซวียนไปที่คุก ส่วนมู่ซืออวี่รอข่าวอยู่ที่บ้าน

หลายชั่วยามต่อมา เมื่อเห็นร่างของลู่เซวียน มู่ซืออวี่ก็รีบไปถามเขา

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้าเห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ในคุกก็ไม่ได้เดือดร้อน พี่สะใภ้วางใจได้” ลู่เซวียนรับน้ำจากคนรับใช้มาดื่มดับกระหาย

“หากเขายังไม่ได้ออกมา ข้าจะมั่นใจได้อย่างไร” มู่ซืออวี่กล่าว

“พี่ใหญ่บอกว่าเขามีเหตุผล เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเดือดร้อนแน่นอน พี่สะใภ้รอฟังข่าวอย่างสบายใจเถิด อย่าไปเชื่อข่าวลือเลย”

“แล้วพี่ใหญ่เซี่ยอยู่ที่ใด?” มู่ซืออวี่ถาม “ข้าไม่ได้เจอเขามาสองวันแล้ว”

“น่าจะฟังแผนการของพี่ใหญ่ แล้วออกไปทำบางอย่างข้างนอก”

ในตอนกลางคืน มู่ซืออวี่วาดภาพร่างทีละภาพ

นางต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ป้องกันไม่ให้ความคิดฟุ้งซ่าน แต่ในคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ ประสาทสัมผัสทั้งหมดย่อมไวขึ้น อารมณ์ฟุ้งซ่านของนางยิ่งเตลิดไปไกล ยิ่งต้องการปล่อยวาง ความคิดฟุ้งซ่านก็ยิ่งผุดขึ้นมา

นางขยำกระดาษในมือจนเป็นก้อนอีกครั้ง จากนั้นโยนลงถังขยะที่อยู่ตรงข้าม เมื่อนางหยิบพู่กันขึ้นมา นางก็ไม่ได้วาดภาพร่างอีกต่อไป แต่เขียนลำดับชีวิตของลู่อี้ตามนิยายต้นฉบับ

“ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ ทุกอย่างไม่เหมือนกันแล้ว เส้นทางที่จะไปก็แตกต่างกันด้วย”

ตามต้นฉบับเดิม เวลานี้เขายังไร้ชื่อเสียง เพิ่งเดินทางไปที่ค่ายทหาร

ทว่าตอนนี้ลู่อี้ได้เริ่มต้นในเส้นทางที่แตกต่างออกไป ทั้งยังมีภรรยาและลูก ๆ อยู่เคียงข้าง อีกอย่าง ในโลกนี้เขาไม่ได้ชั่วร้ายหรือมีแนวโน้มจะเดินเข้าสู่ด้านมืดเลย

ในนิยายต้นฉบับ อีกนานมากกว่าลู่อี้จะมีอำนาจในราชสำนัก นับตามอายุแล้ว บัดนี้ก็เหมือนขันทีในวังที่มีตำแหน่งไม่สูงนัก

ศัตรูในอนาคตของเขากำลังหาทางเพิ่มอำนาจ ยังไม่เผชิญหน้ากับเขาในเวลานี้

ปัญหาที่เขาพบตอนนี้เป็นปัญหาใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะมีวิธีจัดการกับมันหรือไม่

“ฮูหยิน” เซี่ยคุนเรียกนางจากข้างนอก

มู่ซืออวี่วางพู่กันในมือแล้วเดินออกไป

นางยังไม่ได้พักผ่อน เสื้อผ้าของนางยังคงเรียบร้อย แต่ปล่อยผมหลุดลุ่ยจนใบหน้าของนางดูเล็กกว่าเดิม

“ท่านหายไปที่ใดมาหลายวันแล้ว?” มู่ซืออวี่ถาม “มืดค่ำเกินไปแล้ว ข้าจะไม่เชิญท่านเข้ามา ท่านมาหาข้าเพื่อจะบอกอะไร?”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงใต้เท้า ข้าจึงมาที่นี่เพื่อบอกว่าตอนนี้ใต้เท้าปลอดภัยแล้ว ทุกย่างก้าวเป็นไปตามแผนของเรา ไม่ต้องกังวล พักผ่อนอยู่ที่บ้านให้สบายใจเถิด”

ลู่เซวียนก็พูดแบบเดียวกัน เมื่อเห็นท่าทีสงบของเซี่ยคุน มู่ซืออวี่ก็เชื่อคำพูดของพวกเขา

“อีกนานเพียงใดพวกเราถึงจะได้กลับไปเมืองฮู่เป่ย?”

“จากสถานการณ์ปัจจุบัน เกรงว่าจะใช้เวลาสักระยะ”

“ตกลง ข้าจะรอข่าวจากพวกท่าน” มู่ซืออวี่พูด “ตราบใดที่รู้ว่าเขาสบายดี ข้าก็สบายใจได้”

จะมีอะไรเกิดขึ้นกับลู่อี้หรือไม่?

ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ได้รับการปล่อยตัวจากคุก หลังจากนั้นคดีลักพาตัวลูกชายของเจิ้นกั๋วกงก็ถูกปิดเช่นกัน

คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือครอบครัวฝ่ายแม่ของฮูหยินกั๋วกง ฮูหยินกั๋วกงเป็นแม่เลี้ยง นางเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เมื่อเห็นว่าสถานะของนางไม่ดีอย่างที่คิด และทุกคนให้คุณค่ากับลูกที่เกิดกับคู่สมรสเดิมมากกว่า นางจึงคิดแผนการร้ายนี้ขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดโปง ไม่เพียงแต่ต้องหย่าร้างเท่านั้น แต่ครอบครัวของนางที่มีส่วนพัวพันก็ถูกจำคุก

ลู่อี้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ต้องเรียกว่าการติดคุกเป็นอุบายล่องูออกจากถ้ำ

หลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน ลู่อี้ก็ปิดคดี และได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย

“ผู้ช่วยของศาลต้าหลี่นี่เป็นขุนนางขั้นไหน?” มู่ซืออวี่ถามหลังจากได้ยินข่าว

“ขั้นหก” ลู่อี้ตอบ

“นายอำเภอเป็นขั้นเจ็ด เลื่อนจากขั้นเจ็ดเป็นขั้นหก ท่านได้เลื่อนขั้นสองครั้งแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ดูเหมือนว่าการเดินทางมาเมืองหลวงครั้งนี้จะมีประโยชน์นะ”

“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับการเลื่อนขั้น” เซี่ยคุนกล่าว “ที่น่าประหลาดใจจริง ๆ ก็คือได้รับผิดชอบดูแลศาลต้าหลี่ ศาลต้าหลี่มีอำนาจมากมาย ไม่ใช่ตำแหน่งที่จะว่างได้ง่าย ๆ”

ลู่เซวียนมองเซี่ยคุนด้วยความเศร้าใจ “พี่ใหญ่เซี่ย ท่านอย่าแทงใจดำข้าสิ”

“นายท่านรองแตกต่างจากท่านใต้เท้า” เซี่ยคุนกล่าว “ดูจากนิสัยของนายท่านรอง ได้สังกัดสำนักราชบัณฑิตจะดีกว่า”

“ข้าไม่มีความทะเยอทะยานใด ๆ และข้าพอใจกับสถานะปัจจุบันของข้า พี่ชายของข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจะได้รับการคุ้มครองจากคนอื่นเอง” ลู่เซวียนกล่าว

การเป็นข้าหลวงชั้นผู้น้อยไม่ได้มีอะไรไม่ดี ไม่ต้องเข้าเฝ้าในราชสำนักตอนเช้าทุกวัน เพียงปรากฏตัวต่อหน้าที่ประชุมใหญ่ในราชสำนักเดือนละครั้งเท่านั้น ทั้งยังไม่ต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จึงทำได้เพียงเบียดเสียดกับฝูงชนรออยู่ข้างนอก

บัดนี้ตำแหน่งทางการได้ถูกตัดสินแล้ว พวกเขาต้องเตรียมกลับไปยังเมืองฮู่เป่ยเพื่อส่งมอบตำแหน่ง เพราะคำสั่งแต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่ของเมืองฮู่เป่ย ก็ได้รับการเตรียมการแล้วเช่นกัน

“ผู้ใดคือนายอำเภอคนใหม่?” มู่ซืออวี่ถาม “หากนายอำเภอคนใหม่ถูกใจลานหรรษาของเรา มันก็ไม่ต่างจากตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น*[1] คิดแล้วจะไม่รู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร”

“เมื่อถึงเวลา เจ้าก็จะรู้เอง” ลู่อี้พูดอย่างมีลับลมคมใน “สองสามวันนี้ข้าไม่มีอะไรทำ ข้าพาเจ้าไปเที่ยวบ้างดีหรือไม่?”

[1] ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น หมายถึง อุตส่าห์ลำบากกับสิ่งที่ทำ แต่ผลประโยชน์กลับตกอยู่ที่คนอื่น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท