บทที่ 428 แยกจากกันชั่วคราว
บทที่ 428 แยกจากกันชั่วคราว
สองวันต่อมา ลู่อี้กับพวกเซี่ยคุนก็แยกกับมู่ซืออวี่
อันอวี้ติดตามเซี่ยคุนไปด้วย
“พี่หญิง ท่านวางใจ ข้าจะจับตาดูใต้เท้าลู่ให้เอง” อันอวี้กระซิบข้างหูมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “เยี่ยมไปเลย หากมีเรื่องอะไรรีบเขียนมาหาข้าทันที”
“อื้ม” อันอวี้พยักหน้าอย่างจริงจัง
ลู่อี้ดึงมือนางมากุมแล้วกำชับมากมายหลายอย่าง
คนที่ปกติแล้วตรงไปตรงมาเช่นนั้น ถึงตอนนี้กลับพูดกำชับมากมายราวกับยายแก่คนหนึ่ง
“ฉาวอวี่ ดูแลแม่ของเจ้าให้ดี” ลู่อี้บอกกับลู่ฉาวอวี่
“วางใจเถอะขอรับ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ท่านทำงานของท่านให้ดีเถิด เลื่อนขั้นสั่งสมเกียรติและความมั่งคั่งให้เร็วที่สุด ท่านแม่จะได้เป็นเก้ามิ่ง*[1]”
มู่ซืออวี่ยกนิ้วโป้งให้ลู่ฉาวอวี่ “ไม่เสียแรงที่เป็นฉาวอวี่ แต่ละประโยคช่างตรงประเด็นยิ่งนัก แต่เทียบกับลาภยศสรรเสริญแล้ว ข้ายังหวังว่าสามีของข้าจะได้ทำตามความต้องการ ดูแลตัวเองให้ดี เห็นความปลอดภัยของตนเหนือสิ่งอื่นใด”
“ได้”
“อย่าไปยุ่งกับสตรี ถ้ากล้าหักหลังข้า ข้าจะหอบลูกของท่านหนีไปแต่งงานใหม่” มู่ซืออวี่ข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่กล้า” ลู่อี้สวมกอดนางเอาไว้แน่น
ท่านหมอจูทนดูไม่ไหวอีกต่อไปจึงเอ่ยขึ้น “เอาละ อย่าเอาแต่พิรี้พิไรอยู่อีกเลย หากยังร่ำรี้ร่ำไรอยู่อีกฟ้าจะมืดแล้ว”
ถงซื่อบิดเนื้อเอวของท่านหมอจูหนึ่งที
“โอ๊ย! ฮูหยิน ข้าผิดไปแล้ว” ท่านหมอจูร้องขอความเมตตา
ถงซื่อมองลู่อี้ “ข้าจะดูแลลูกอวี่ให้ดี วางใจเถอะ!”
ท้ายที่สุดรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว
มู่ซืออวี่มองตามเงาที่ค่อย ๆ เลือนลับไป หัวใจของนางพลันวูบโหวง
มือเล็ก ๆ ยื่นมาเกาะกุมมือนาง
จากนั้นก็มีมือเล็ก ๆ อีกมือหนึ่งยื่นมาจับมืออีกข้าง
มู่ซืออวี่ก้มหน้าลงไปมอง ลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋นกำลังกุมมือนาง เติมเต็มมือที่ว่างเปล่าของนาง ราวกับที่เติมเต็มชีวิตให้นางด้วย
“ไปเถอะ เที่ยงวันแม่จะทำของอร่อยให้พวกเจ้าทาน ส่วนพ่อเจ้าไม่ได้กิน ไม่มีบุญปาก” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นายอำเภอคนใหม่ของเมืองฮู่เป่ยคือเวินเหวินซง
ลู่อี้ไม่เพียงแต่นำเซี่ยคุนไปด้วยเท่านั้น แต่ยังนำนักการเกาไปด้วย ตอนนี้หัวหน้าคนใหม่จึงเป็นต้าหนิวและเอ้อร์หนิวสองพี่น้อง
ถึงแม้มู่ซืออวี่จะไม่ได้จากไปพร้อมกับลู่อี้ แต่เพราะต้องเลี้ยงดูลูกน้อย เจิ้งซูอวี้จึงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าคนใหม่เป็นการชั่วคราว มู่ซืออวี่เพียงแค่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาหากนางตัดสินใจไม่ได้
มู่ซืออวี่ได้ใช้ชีวิตอันสงบสุขอย่างที่นางฝันถึง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ท้องของมู่ซืออวี่โตขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนนางใกล้จะคลอดแล้ว
“ฉาวอวี่ เหตุใดวันนี้เจ้าไม่ไปสำนักศึกษาเล่า?” มู่ซืออวี่เดินอุ้ยอ้ายออกมาพร้อมท้องโต ๆ นางเห็นลู่ฉาวอวี่นั่งอ่านตำราอยู่บนม้าหินอ่อนในสวน
“ระยะนี้เรื่องที่ท่านอาจารย์สอนอยู่นั้นข้ารู้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสำนักศึกษา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเบา ๆ “ท่านออกมาทำอะไร? เดี๋ยวเดียวก็ใกล้คลอดแล้ว อยู่ในห้องเฉย ๆ เถอะ”
“คุณชายฉาวอวี่ น้ำเสียงของเจ้าค่อย ๆ เหมือนพ่อเจ้ามากขึ้นแล้วนะ” มู่ซืออวี่เดินอุ้มท้องเข้าไปหาเขา “เป็นห่วงข้าก็บอกว่าเป็นห่วงข้าสิ ปากแข็งจริง ๆ”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าเล็ก ๆ
“ท่านแม่ ดูสิว่าข้าเอาอะไรมา”
มู่ซืออวี่เปิดห่อผ้านั้นออกดู ข้างในเต็มไปด้วยเสื้อผ้า หมวก และรองเท้าเล็ก ๆ ของทารก
“พวกนี้เจ้าทำเองหรือ?”
“ท่านอาจารย์และพวกศิษย์พี่หญิงก็ทำด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “พวกเราทุกคนในร้านทอผ้าพยายามทำมากเลยนะเจ้าคะ น้องหญิงเล็กยังไม่คลอดออกมา ทุกคนล้วนชอบนาง นางจะต้องกลายเป็นน้องหญิงเล็กที่มีความสุขที่สุดเป็นแน่”
มู่ซืออวี่เอื้อมมือออกไปหาลู่จื่ออวิ๋น “เข้ามาให้แม่ดูซิ”
ลู่จื่ออวิ๋นไม่กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของมู่ซืออวี่เหมือนเมื่อก่อน เพียงแค่ค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ เข้าไปหานางด้วยความระมัดระวัง
“ท่านแม่ ข้าจะเป็นพี่สาวที่ดี”
ดวงตาของนางเปล่งประกายระยิบระยับ
มู่ซืออวี่ลูบฝ่ามือของลู่จื่ออวิ๋น “แม่บอกเจ้าแล้ว มือของหญิงปักผ้าบอบบาง จำเป็นต้องแช่น้ำนมทุกวัน หมู่นี้เจ้าเกียจคร้านใช่หรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นสำนึกผิดทันที
ระยะนี้นางอยากทำเสื้อผ้าเด็กให้ได้มาก ๆ จึงไม่ค่อยได้แช่น้ำ อีกทั้งยังทำงานมากขึ้นกว่าเดิม
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “ตอนนี้ยังไม่คลอด เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นน้องหญิงเล็ก? ไม่แน่ว่าอาจเป็นน้องชายน้อย ดูเสื้อผ้าเหล่านี้ที่เจ้าทำสิ ส่วนมากล้วนแต่เป็นของเด็กหญิงใส่”
“เป็นน้องหญิงเล็กแน่ ๆ ข้าเคยฝันถึง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ถึงแม้จะเป็นน้องชายน้อยก็ไม่เป็นไร เขาเพิ่งเกิด ใส่อะไรก็เหมือนกัน”
ลู่ฉาวอวี่ยิ้มน้อย ๆ “เจ้าช่างมีเหตุผลมากมายเสียจริง”
มู่ซืออวี่กุมท้องนาง “ฉาวอวี่ อวิ๋นเอ๋อร์ รีบไปตามจื่อซูจื่อเยวี่ยนเร็วเข้า ข้ารู้สึกเหมือนจะคลอดแล้ว”
ลู่ฉาวอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตระหนก “ท่านอย่าขยับ ข้าจะไปเรียกคนเดี๋ยวนี้”
….
ณ เมืองหลวง
จู่ ๆ พู่กันในมือของลู่อี้ก็หัก
“ใต้เท้าลู่ ท่านทำงานหนักเกินไปแล้วกระมัง กระทั่งพู่กันท่านก็ทำหักแล้ว” สหายร่วมงานที่อยู่ข้าง ๆ หยอกเย้าเขา “คืนนี้ไปหอร้อยบุปผา ผ่อนคลายเป็นอย่างไร?”
“ที่บ้านมีภรรยาที่งดงามอยู่แล้ว ข้าไม่ไป” ลู่อี้เก็บพู่กัน จากนั้นใช้ผ้าเช็ดสิ่งสกปรกบนโต๊ะ
“ได้ยินว่าฮูหยินลู่ไม่ได้มาเมืองหลวงด้วย นางไม่ได้มาจับตาดูท่านอยู่ข้าง ๆ เหตุใดต้องทำตนราวกับภรรยาเคร่งครัดเช่นนี้ด้วยเล่า?” สหายร่วมงานคนนั้นส่ายศีรษะ “ไปเถอะ ๆ อย่าได้ยึดถือเกินไป”
“นับเวลาดูแล้ว ภรรยาข้าคงคลอดเร็ว ๆ นี้” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “นางกำลังคลอดลูกของข้า ข้ากลับประพฤติตนเหลวแหลกเมามายอยู่ข้างนอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชายชาตรีพึงกระทำ พี่เจี่ยอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
“ได้ ๆ เจ้าเด็กคนนี้ช่างไร้หัวคิดจริง ๆ น่าเสียดาย หากเจ้ายังไม่แต่งงาน ข้าอยากแนะนำน้องสาวของข้าให้เจ้าจริง ๆ” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ยแล้วเดินจากไป
หลินอี้เจี๋ยเป็นรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ และเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของลู่อี้
เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างเจี่ยเฉิงผิงและลูอี้ จึงพินิจพิจารณาลู่อี้ดี ๆ อีกครั้ง
“ใต้เท้าลู่ ระยะนี้มีคดีหนึ่งเกิดขึ้นในบริเวณรอบนอกเมือง เป็นคดีที่แปลกประหลาดมาก คดีนี้ถูกส่งต่อมายังศาลต้าหลี่ของเรา สนใจอยากไปที่นั่นสักเที่ยวหรือไม่?”
ปีนี้หลินอี้เจี๋ยอยู่ในวัยสี่สิบปี เสียภรรยาไปเมื่อหลายปีก่อน ได้ชื่อว่าเป็นขุนนางเย็นชาผู้หนึ่ง
“แน่นอน นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” ลู่อี้เอ่ย “ขอบคุณใต้เท้าที่ให้โอกาสนี้กับข้าน้อย”
“ไปกันเถอะ!”
ทั้งสองควบม้าไป ออกจากเมืองไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทางการนับสิบคน
“ตอนนี้เริ่มมืดค่ำแล้ว เกรงว่าต้องค้างแรมในป่า ท่านคงไม่กลัวกระมัง?” หลินอี้เจี๋ยเอ่ยถาม
“ตั้งแต่ยังเล็กข้าน้อยยากจน ขึ้นเขาค้างแรมหลายวันหลายคืนเพียงเพื่อจะล่าเหยื่อสักตัวอยู่เป็นประจำ อยู่ค้างแรมในป่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา”
“ยากนักที่จะหาคนปฏิบัติจริงเช่นนี้สักคน”
ลู่อี้นิ่งเงียบ
“เหตุใดไม่นำภรรยามาเมืองหลวงด้วยเล่า?” หลินอี้เจี๋ยเอ่ยถามอีกครั้ง
“ปีที่แล้วอากาศหนาวเป็นอย่างยิ่ง เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับราษฎรในเมืองฮู่เป่ย เพื่อราษฎรแล้ว ฮูหยินข้าจึงสร้างเตียงเตา ช่วยชาวบ้านให้รอดพ้นความหนาว แต่ภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง ชีวิตของราษฎรยากลำบากยิ่งกว่าเดิม นางจึงพยายามสร้างเรือนปลูกผัก ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับพืชผลของราษฎร”
“ตอนนั้นนางกำลังตั้งครรภ์ ทว่าพวกเราไม่รู้ ทำงานบ่อยครั้งเข้าร่างกายของนางจึงอ่อนแอลง เมื่อท่านหมอตรวจพบว่านางตั้งครรภ์ ร่างกายของนางก็ไม่สู้ดีแล้ว หากไม่ได้พักผ่อน เกรงว่าเด็กคนนี้จะไม่สามารถรักษาไว้ได้ พวกเราทำได้เพียงทนกับความปวดใจแยกจากกันชั่วคราว”
“ภรรยาผู้มีคุณธรรมคนนี้ของเจ้า… เป็นคนที่มีสติปัญญาและมีความสามารถจริง ๆ” หลินอี้เจี๋ยมองลู่อี้ แววตาพลันอบอุ่นขึ้นมา
[1] เก้ามิ่ง คือ ตำแหน่งของสตรีที่สามีเป็นขุนนางขั้นหนึ่งหรือสอง