บทที่ 438 ไม่ชอบเขาแล้ว
บทที่ 438 ไม่ชอบเขาแล้ว
มู่ซืออวี่หิวมากจริง ๆ เมื่อพูดคุยกับลู่อี้ได้สักพัก หลังจากความตื่นเต้นผ่านไปก็หันมาจดจ่ออยู่กับการเติมท้องให้เต็ม ในทางตรงกันข้าม ใต้เท้าลู่กลับเศร้าใจ ราวกับสามีที่ไม่พอใจเพราะถูกภรรยาทอดทิ้ง
“อันนี้อร่อย” มู่ซืออวี่กินหัวสิงโต*[1] “กลับไปข้าจะทำให้ท่านกิน ไม่สิ ท่านยังต้องไปบรรเทาทุกข์ คงอยู่ไม่นานถึงเพียงนั้น”
ลู่อี้วางตะเกียบในมือลง เขามองมู่ซืออวี่ที่กำลังยื้อยุดอยู่กับหัวสิงโต ในใจพลันเจ็บหน่วงยิ่งกว่าเดิม
พวกเขาไม่ได้เจอกันเกือบปี แต่สำหรับนาง การแยกจากกันนานถึงเพียงนี้กลับแลกได้เพียงความรู้สึกหวานล้ำเพียงชั่วครู่เท่านั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนยามปกติ นางไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“ฮูหยิน เจ้าเคยคิดถึงสามีหรือไม่?”
มู่ซืออวี่มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ “แน่นอน”
“เจ้าคิดถึงข้าอย่างนี้หรือ?” ลู่อี้ชี้ไปที่ถ้วยของนาง
มู่ซืออวี่ระเบิดหัวเราะออกมา
ลู่อี้จนปัญญา ได้แต่ยกมือบีบจมูกนางเบา ๆ “ข้าไม่อยู่ เจ้ากลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย”
จงอ๋องกล่าวได้ไม่ผิด เขาอยู่หรือไม่อยู่ นางล้วนใช้ชีวิตต่อไปเช่นเดิม บัดนี้ชื่อเสียงของนางโด่งดังมากกว่าเดิมแล้วด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านยังไม่ได้พบชิงเอ๋อร์กระมัง? เสี่ยวชิงเอ๋อเกือบครึ่งขวบแล้ว ยังไม่ได้พบพ่อของตน นี่ยอมรับได้หรือ?”
“เจ้ายังต้องทำงานอยู่ที่นี่อีกกี่วัน?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“ท่านไปบรรเทาทุกข์ก่อนเถอะ ข้าเสร็จงานแล้วจะไปหา” มู่ซืออวี่เอ่ย “คณะบรรเทาทุกข์ไปที่ไหนย่อมหาได้ไม่ยาก”
“ก่อนข้ามา ข้าเตรียมการไว้แล้ว ระยะนี้จงอ๋องจะไปที่เมืองซูโจวซึ่งไม่ไกลจากที่นี่นัก ข้าขอให้เหวินซงตระเตรียมคนจำนวนหนึ่งไปช่วยแล้ว เช่นนี้ข้าจะได้มีเวลาว่างมาหาเจ้า”
“เช่นนั้นท่านวางแผนจะ…”
“อยู่กับเจ้า” ลู่อี้ตอบ “หากข้าเดินทางมาที่นี่หลายวันเพียงเพื่อพูดคุยไม่กี่คำกับเจ้า เช่นนั้นข้าคงทำงานของตนเองให้ลุล่วงก่อนแล้วค่อยมาหาเจ้าทีหลัง”
เพียงเท่านั้นเอง มู่ซืออวี่จึงรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่บ่งบอกถึงความน้อยใจของสามี
สามีของนางที่ไม่ได้พบหน้าค่าตากันเกือบปีวางหน้าที่ในมือลงเพื่อมาหานาง แต่นางกลับแสดงท่าทีเฉยชา ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงโกรธ
“พรุ่งนี้ข้าต้องหารือรายละเอียดกับลูกค้า หากหารือเสร็จแล้ว ข้าจะส่งมอบงานให้ศิษย์ เช่นนี้จะได้อยู่กับท่านได้”
ยิ่งห่างไกลก็ยิ่งทำให้รักกัน
ทั้งสองคนไปเที่ยวดูตลาดกลางคืนของเมืองเตียนอวี้ หลังจากถึงห้อง ความรู้สึกเศร้าโศกก็หวนกลับมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะมู่ซืออวี่หงุดหงิดขึ้นมาก่อน เกรงว่าคงเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว
หลังออกมาจากเมืองเตียนอวี้ มู่ซืออวี่และลู่อี้จึงตรงไปยังเมืองซูโจวทันที
เขายังต้องไปดูแลการบรรเทาทุกข์ เขาไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาหลายวัน จงอ๋องไม่ตำหนิเขาก็นับว่าไว้หน้ามากพอแล้ว
ลู่อี้กลับไปยังคณะบรรเทาทุกข์
ซูเซิ่งเห็นสตรีข้างกายลู่อี้ จึงกวาดสายตาขึ้นลงด้วยความสงสัย
ในฐานะแม่ทัพ ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาอยู่ที่ชายแดนซึ่งห้อมล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์ สิ่งที่กลัวที่สุดคือสตรีอ้อนแอ้นบอบบาง ทว่าฮูหยินลู่ผู้นี้กลับทำให้เขารู้สึกดีมาก
สายตาของนางแน่วแน่ จิตวิญญาณเปล่งประกาย อีกทั้งยังมีพลังล้นเหลือ สิ่งสำคัญที่สุดคือดวงตาคู่นั้นกระจ่างสุกใสบริสุทธิ์ ไม่เหมือนคนประเภทที่ท้องเต็มไปด้วยแผนการมากมาย
ส่วนหน้าตาน่ะหรือ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากนัก ยังต้องกล่าวว่าฮูหยินผู้นี้หน้าตาแฉล้มแช่มช้อยเป็นอย่างมาก
มู่ซืออวี่ไม่ใช่สาวชาวบ้านที่ไม่มีสง่าราศีอีกต่อไปแล้ว
นางดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี ทั้งยังรู้จักใช้เครื่องประทินโฉมแต่งหน้าอย่างยุคสมัยใหม่ แม้กระทั่งเสื้อผ้าธรรมดาก็สวมใส่ได้อย่างมีเอกลักษณ์ กอปรกับนางไม่ชอบที่จะใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดมากเกินไป ทำให้นางดูทรงภูมิเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยผิวพรรณเนียนละเอียด แววตาสุกสว่าง ทรวดทรงองเอวพอเหมาะพอดี เรือนผมยาวสีดำประดุจแพรไหม ไม่ว่าจะมองอย่างไร นางก็เป็นหญิงงามที่พรั่งพร้อมด้วยความสามารถและความมั่งคั่ง
โม่อู๋เว่ยมองดูมู่ซืออวี่
โม่อู๋เว่ยหน้าตาไม่เลวจริง ๆ ทว่านางอยู่กับกลุ่มบุรุษมาเป็นเวลานาน จึงดูแลตัวเองเฉกเช่นบุรุษ นางละเลยการดูแลผิวพรรณไปเนิ่นนานแล้ว หลายปีมานี้ต้องแสงแดดลมฝน ความงามแปดส่วนจึงเหลือเพียงห้าส่วนเท่านั้น ไม่อาจเทียบเทียมมู่ซืออวี่ที่เก่งกาจในด้านการขับเน้นจุดเด่นซ่อนเร้นจุดด้อยของตน
“แม่ทัพซู นี่คือฮูหยินของข้า” ลู่อี้เอ่ยแนะนำภรรยากับซูเซิ่ง “ฮูหยิน ท่านนี้คือแม่ทัพซู คุณหนูซูที่เจ้าเคยพบในเมืองหลวงก่อนหน้านั้นคือบุตรสาวของเขา”
“ฮูหยินลู่เคยพบลูกสาวข้าหรือ?” ซูเซิ่งไม่เคยได้ยินใต้เท้าลู่เอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับหนิงจู หนิงจูจึงแนะนำคุณหนูซูให้ข้ารู้จักด้วย พวกเราคุยกันถูกคอทีเดียว”
“ใต้เท้าลู่มิเคยเอ่ยถึงเลย” ซูเซิ่งเอ่ยต่อ “แต่เจ้าเด็กบ้าในครอบครัวเรา แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคบหากับสตรีสูงศักดิ์ตระกูลอื่นมาก่อน ฮูหยินลู่เป็นวีรสตรี นางจะชอบท่านก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“ใต้เท้าลู่ ท่านจะไม่แนะนำพวกเราหน่อยหรือ?” โม่อู๋เว่ยเอ่ยขึ้น
มู่ซืออวี่หันกลับไปมองโม่อู๋เว่ย
สัญชาตญาณของสตรีมักจะแม่นยำเสมอ แม่นางผู้นี้ไม่ปิดบังความชอบของนางที่มีต่อลู่อี้แม้แต่น้อย มู่ซืออวี่รู้ทันทีว่ามีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว
นางมองลู่อี้แล้วเอ่ยว่า “ข้าก็อยากรู้จักแม่นางผู้นี้เช่นกัน สามี ท่านแนะนำพวกเราให้รู้จักกันหน่อยได้หรือไม่?”
“ท่านนี้คือหัวหน้าโม่ ตอนนี้ติดตามทำงานให้กับจงอ๋อง” ลู่อี้เอ่ย “นี่ฮูหยินของข้า คงไม่จำเป็นต้องแนะนำกับหัวหน้าโม่อีกแล้วกระมัง”
“ฮูหยินลู่” ผู้ติดตามข้างกายฟ่านหยวนซีเดินเข้ามา “จงอ๋องเชิญท่าน”
มู่ซืออวี่มองลู่อี้ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ท่านทำงานของท่านไปเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะมาหา”
“ได้”
โม่อู๋เว่ยมองมู่ซืออวี่เดินจากไป แล้วเอ่ยกับลู่อี้ว่า “ดูเหมือนฮูหยินลู่กับจงอ๋องจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่จงอ๋องกลับไม่ได้ให้ความสำคัญต่อใต้เท้าลู่เป็นพิเศษ กลับกัน ดูเหมือนเขาจะสร้างความลำบากใจให้ท่านไปทุกที่ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ หรือจงอ๋องชมชอบเพียงฮูหยินลู่ ไม่ได้ชมชอบท่าน เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“หัวหน้าโม่ ท่านคงไม่ได้คิดว่าข้าทำอะไรท่านไม่ได้จริง ๆ กระมัง?” ลู่อี้มองโม่อู๋เว่ยอย่างเฉยชา “ลูกน้องหลายสิบคนของท่านใช้การได้จริง แต่ไม่ใช่ว่าข้าจะแตะต้องพวกเจ้าไม่ได้ หากยังเอ่ยถึงภรรยาข้าเช่นนี้อีก ข้าไม่ถือสาหากต้องบีบบังคับพวกเขาให้ขึ้นฐานที่มั่นไปอีกครั้ง”
ซูเซิ่ง “…”
เย่อหยิ่งจองหอง!
อย่างไรก็ตามแต่ เขานับถือความหยิ่งยโสของเด็กคนนี้จริง ๆ
“แม่ทัพซู การแจกจ่ายเสบียงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“ข้าจะพาไปดูเอง”
โม่อู๋เว่ยมองลู่อี้เดินจากไปด้วยสายตาเศร้าโศก
“ท่านหัวหน้า พวกเราถอนตัวเถอะ” รองหัวหน้าโจรเห็นนางไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงพาลไม่พอใจขึ้นมา “ขุนนางเหล่านี้ไม่มีอะไรดีจริง ๆ”
“เอาเถอะ อันที่จริงแล้วข้า… คงเสียสติไปชั่วขณะ” โม่อู๋เว่ยไม่ยินยอม “ท่านอา ท่านบอกว่าข้าตกหลุมรักบุรุษสักคนได้ยาก แต่บุรุษผู้นั้นมีสตรีของตนแล้ว อีกทั้งเขายังปฏิบัติเช่นนี้กับข้า แล้วข้าจะยอมรักเขาต่อไปได้หรือ? เห็นได้ชัดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่ลู่อี้จะหันมาชอบข้า แล้วไปเถิด ข้าจะไม่คอยรับใช้เขาแล้ว”
“เช่นนั้นท่านจะ…” อีกฝ่ายเอ่ยถาม “พวกเราจะกลับไปที่ค่ายหรือ?”
“จะกลับไปทำอะไร? กลับไปให้ราชสำนักฆ่าฟันหรือ? เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว พวกเราก็อยู่ที่นี่ให้ดีเถอะ ติดตามจงอ๋องก็มีอนาคตที่สดใสได้เช่นกัน” โม่อู๋เว่ยกล่าวต่อ “ก็แค่บุรุษเพียงคนเดียว ใต้หล้านี้มีบุรุษอยู่อีกมากมาย ไม่ได้มีแค่ใต้เท้าลู่เสียหน่อย ข้าไม่ชอบเขาแล้ว”
“เช่นนี้ถูกต้องแล้ว” รองหัวหน้าถอนหายใจอย่างโล่งอก “วันหน้าอาจะหาคนที่ดีกว่านี้ให้เจ้า ข้าว่าจงอ๋องก็หน้าตาไม่เลว ไม่สู้ลองดูเล่า ดูซิว่าเจ้าจะเป็นหวางเฟยได้หรือไม่?”
“ถึงแม้เสือดาวตัวนั้นจะมีชีวิตสุขสบาย แต่ข้าก็คงไม่มีทางได้เป็นหวางเฟย” โม่อู๋เว่ยรู้สึกรังเกียจ “นอกจากนี้ ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี”
[1] หัวสิงโต เป็นชื่ออาหารที่ทำมาจากหมูสับหมักเครื่องเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนจะนำไปทอด แล้วนำไปตุ๋นกับผักกาดขาว