สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 440 คนก่อปัญหา

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 440 คนก่อปัญหา

บทที่ 440 คนก่อปัญหา

เรือนเซียวเหยาไม่ใช่สถานที่ที่ราษฎรในเมืองซูโจวไม่คุ้นเคย พวกเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำนี้ ความกล้าเมื่อครู่นี้หดหายไปสิ้น กลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ

พอราษฎรแยกย้ายกันไปแล้ว ฟ่านหยวนซีก็แทบจะระเบิดออกมา

“ตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”

การตรวจสอบคดีเป็นเรื่องของทางการ มู่ซืออวี่ในฐานะที่ได้รับความเชื่อใจจากราษฎร ฟ่านหยวนซีจึงส่งนางไปปลอบประโลมชาวบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนลุกฮือขึ้นมาสร้างปัญหาอีก

เดิมทีฮูหยินลู่มาที่นี่เพราะสามี แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางก็หลงลืมความเห็นแก่ตัวเล็ก ๆ นั้นไปชั่วคราว และหันมาทุ่มเทให้กับการช่วยเหลือชาวบ้าน

ท่านหมอที่เก่งที่สุดในซูโจวคือท่านหมอลี่จากโรงหมอหมิงอัน มู่ซืออวี่ขอให้เขาปรุงยาให้ เหล่าผู้เคราะห์ร้ายจึงหยุดส่งเสียงโอดครวญ

“โชคยังดีที่กินไปไม่มาก อาหารจึงไม่ได้อยู่ในร่างกายเยอะนัก มิเช่นนั้นลำไส้และกระเพาะคงเสียหายอย่างหนัก หากเป็นเช่นนั้น จะให้ไม่ตายเพราะความเจ็บปวดได้อย่างไร?” ท่านหมอลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ผู้ใดกันโหดร้ายถึงเพียงนี้? คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเกลียดทางการเพียงใดก็ไม่ควรใช้ร่างกายของชาวบ้านเป็นเครื่องมือ”

“ข้าเชื่อว่าในไม่ช้าความจริงก็จะเปิดเผยออกมา” มู่ซืออวี่เอ่ย “ปีศาจร้ายในโลกไม่อาจซ่อนเร้นจากสายตาสามีข้าได้หรอก”

“เจ้ามั่นใจในตัวเขายิ่งนัก” สีหน้าของท่านหมอลี่อ่อนลงเล็กน้อย “แต่ว่าใต้เท้าลู่ก็มีความสามารถจริง ๆ นั่นแหละ สายตาของตาเฒ่าคนนี้ค่อนข้างแม่นยำทีเดียว ผ่านมาหลายปี ข้าย่อมรู้จักนิสัยใจคอเขา”

ลู่อี้ก็เหมือนคมดาบที่อยู่นอกฝัก ผู้ใดจับผู้นั้นบาดเจ็บ บางครั้งแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องบาดเจ็บไปด้วย ทว่าเมื่อมีมู่ซืออวี่เป็นฝักแล้ว คมดาบของเขาก็หันหาผู้อื่นเท่านั้น ไม่ทำให้ตนเองบาดเจ็บอีก

“ตรวจสอบได้แล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูเดินเข้ามาจากข้างนอก “ฮูหยิน บ่าวตรวจสอบจนรู้ว่าผู้ใดเป็นคนทำแล้วเจ้าค่ะ”

“ผู้ใด?” มู่ซืออวี่และท่านหมอลี่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“หัวหน้าสามของค่ายซวงเฟิงเจ้าค่ะ” จื่อซูกล่าว “ฮูหยินยังจำสตรีที่ติดตามนายท่านมาได้หรือไม่เจ้าคะ? นางเป็นหัวหน้าใหญ่ของค่ายซวงเฟิง หัวหน้าสามเป็นลูกน้องของนาง พวกเขาล้วนเป็นโจรภูเขา ต่อมาก็ได้สวามิภักดิ์กับทางการ ถึงแม้หัวหน้าใหญ่จะอยากสวามิภักดิ์ แต่ไม่ใช่ลูกน้องทุกคนที่อยากจะติดตาม หัวหน้าสามผู้นั้นโดนซื้อตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”

“หากตกไปอยู่ในมือจงอ๋อง ไม่ช้า เขาจะเสียใจกับการกระทำอันโง่เขลาของตนเอง” มู่ซืออวี่กล่าวต่อ “แต่โจรภูเขาเล็ก ๆ คนหนึ่งไม่น่าจะกล้าทำเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ หาคนที่ซื้อตัวเขาพบหรือยัง?”

“บ่าวยังไม่ได้ยินข่าวเจ้าค่ะ” จื่อซูตอบ “แต่หัวหน้าสามตกอยู่ในกำมือของนายท่านและจงอ๋องแล้ว อีกเดี๋ยว เขาคงคายความลับออกมากระมังเจ้าคะ?”

“กล่าวได้ไม่ผิด” ผู้เป็นนายเห็นด้วย “ตอนนี้ท่านหมอลี่ช่วยรักษาชาวบ้านที่ถูกพิษ ขั้นถัดไปคือดำเนินการบรรเทาทุกข์ต่อ ทว่าราษฎรต้องการคำอธิบาย ไม่รู้ว่าหากพวกเขาปิดป้ายประกาศจะทำให้ราษฎรเชื่อมั่นได้อีกหรือไม่”

หน้าประตูเมืองมีศพเพิ่มขึ้นมาสองศพ โดยศพทั้งสองถูกแขวนไว้ ราษฎรที่ผ่านไปมาล้วนมองเห็น

‘ป้ายประกาศ’ ที่มู่ซืออวี่คิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น

จงอ๋องเป็นคนปกติทั่วไปหรือ? ความคิดเขาจะเหมือนกับคนทั่วไปได้อย่างไร?

เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณสองร่างถูกแขวนไว้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผู้คนก็พากันหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม ทว่าในความหวาดหวั่นก็ยังมีความสงสับซ่อนอยู่ คนที่ผ่านไปผ่านมาจึงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ใดกล้าทำเรื่องไม่หวาดกลัวความตายเช่นนี้ ดูเหมือน ‘การประกาศ’ ด้วยวิธีนี้จะได้ผลดียิ่งกว่าการปิดป้ายเสียอีก ไม่นาน ทั่วทั้งเมืองก็รู้ว่าศพดังกล่าวทำกระทำความผิดอะไร

ศพสองศพนั้นคือหัวหน้าสามและผู้ร่วมลงมือ

สีหน้าของโม่อู๋เว่ยไม่น่าดูชม ไม่ว่าอย่างไรหัวหน้าสามก็เป็นคนของนาง เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พวกเขาที่อยู่กับจงอ๋องย่อมกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้น พี่น้องของโม่อู๋เว่ยจึงต่อสู้กับคนของจงอ๋อง

คนหลายคนถูกนำตัวมาเบื้องหน้าจงอ๋อง

ฟ่านหยวนซีเพิ่งกลับมาซูโจว แต่ต้องเผชิญกับปัญหามากมายหลายประเภท เขาไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่นเหมือนตอนไปบรรเทาทุกข์ที่อื่น ในทางกลับกัน เขาจัดการกับอุปสรรคเหล่านั้นด้วยตนเอง ตอนนี้เจ้าตัวจึงอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ ใบหน้าที่ดูชั่วร้ายอยู่แล้วยิ่งชั่วร้ายขึ้นไปอีก จงอ๋องในตอนนี้ประหนึ่งผีสางที่เพิ่งคลานออกมาจากนรกก็ไม่ปาน

“พวกเจ้าชอบต่อสู้งั้นหรือ? ข้าเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ก็เหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายแล้วเช่นกัน เช่นนั้นเรามาเล่นอะไรสนุก ๆ กันเถอะ!” ฟ่านหยวนซีสะบัดมือให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยว่า “โยนพวกเขาเข้าไปในกรง”

“ท่านอ๋อง…” ทุกคนที่กำลังสู้กันอยู่มองฟ่านหยวนซีอย่างหวาดกลัว

บ่าวรับใช้ผลักพวกเขาเข้าไปในกรงขัง

“ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไร?” โม่อู๋เว่ยเอ่ยขึ้น

“ข้ากำลังช่วยพวกเขาให้สนุกมากกว่าเดิม” ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “แต่ก่อนข้าอาศัยอยู่ที่นี่ สิ่งที่โปรดปรานที่สุดคือตอนมองสัตว์เลี้ยงกินอาหาร สัตว์เลี้ยงของข้าหยาบกระด้างไปหน่อย พวกมันมักจะเล่นกับอาหารจนกระทั่งพวกเขาหมดแรง จากนั้นค่อยกินทีละคำ กินแขนก่อน… ไม่สิ บางครั้งก็ชอบกินขาก่อน หรือบางครั้งก็กินคอ…”

“ท่านอ๋องไว้ชีวิตข้าด้วย…”

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตพวกข้า…”

กลุ่มคนที่เพิ่งก่อปัญหาเมื่อครู่คุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะอยู่ตรงนั้น

ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้าคิดว่าพวกเจ้าล้วนเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ พอรู้ว่าข้ากำลังเบื่อจึงอยากทำให้ข้าสนุกมากขึ้น ฉะนั้นข้าไม่อาจปล่อยให้น้ำใจของพวกเจ้าต้องสูญเปล่า ลงมือ!”

“ท่านอ๋อง…”

ไม่ว่าทุกคนจะขอร้อง กรีดร้อง หรือร้องห่มร้องไห้อย่างน่าอดสูเพียงใด พวกเขาก็ยังคงถูกคนของฟ่านหยวนซีโยนเข้าไปในกรง จากนั้นก็ปล่อยเสือดาวเข้าไป

หลังจากเสือดาวเข้าไปแล้ว มันก็ตรงดิ่งเข้าหาคนที่กำลังร้องไห้โหยหวนเหล่านั้นทันที

สีหน้าของโม่อู๋เว่ยไม่สู้ดีนัก

“ท่านอ๋อง หากท่านทำเช่นนี้ ทุกคนจะอยากติดตามท่านได้อย่างไร?”

ฟ่านหยวนซีมองโม่อู๋เว่ย สายตาคู่นั้นไร้ซึ่งความอบอุ่น “หัวหน้าโม่ก็อยากลองสัมผัสดูเช่นกันหรือ?”

โม่อู๋เว่ยพลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วสรรพางค์กาย

ดูเหมือนว่านางจะยังไม่รู้จักจงอ๋องผู้นี้ดีพอ

ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?

เมื่อนางหันหน้ากลับไปก็พบว่าเสือดาวกำลังฉีกกระชากเสื้อผ้าลูกน้องคนหนึ่ง เผยให้เห็นก้นของเขาเด่นชัด หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ลูกน้องของนางคงรักษาลูกท้อคู่นั้นไว้ไม่ได้แน่

“ท่านอ๋องโปรดใจเย็นก่อน ข้าน้อยจะสั่งสอนกฎระเบียบพวกเขาอย่างเคร่งครัด ไม่ปล่อยให้ก่อความวุ่นวายใด ๆ อีก” โม่อู๋เว่ยคุกเข่าลง

นับตั้งแต่สวามิภักดิ์มาจนถึงบัดนี้ นางมักจะถือดีว่าตนเป็น ‘หัวหน้า’ มาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคุกเข่าให้ฟ่านหยวนซี ตอนนี้นางรู้แล้วว่าตนต้องยอมแพ้ มิเช่นนั้นคนมากมายคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้

“ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตพวกเขาเถิด!” ลู่อี้เดินเข้ามาจากด้านนอก “เพิ่งมีข่าวมาว่าสัตว์ป่าบนเขาจงหมิงก่อความวุ่นวาย พวกมันรุดลงมาจากภูเขาราวกับกำลังคลุ้มคลั่ง ตอนนี้ราษฎรหลายคนได้รับบาดเจ็บ”

“สัตว์ร้ายหรือ?” ดวงตาของฟ่านหยวนซีเปล่งประกาย

เมื่อได้ยินคำว่าสัตว์ร้าย ยอมรับเลยว่าสองคำนี้ทำให้เขาตื่นเต้น แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ชอบสิ่ง ‘ดุร้าย’ มากเพียงใด

“ขอรับ ได้ยินว่ามีจำนวนมาก” ลู่อี้เอ่ย “พวกเราต้องไปตรวจดูสถานการณ์ จึงต้องการคนจำนวนมากขอรับ”

“พวกเจ้าโชคดีไม่น้อย” ฟ่านหยวนซีสะบัดมือ “ปล่อยพวกเขาออกมา”

ลูกน้องที่เฝ้ากรงขังเปิดกรงออก และทำให้เสือดาวสงบลงด้วยเนื้อชิ้นใหญ่ จากนั้นจึงล่อมันออกมา

พวกคนที่ถูกผลักเข้าไปนั่งลงกับพื้นด้วยความหวาดผวา

ในเวลาเพียงชั่วครู่ พวกเขาไปเที่ยวชมประตูผีมาแล้วหนึ่งรอบ หากถามว่าสิ่งที่จำแม่นที่สุดในตอนนี้คืออะไร พวกเขาตอบได้ทันทีว่าการทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์และไม่สร้างปัญหาอีก

มู่ซืออวี่ไปหาลู่อี้ที่เรือนย่อยของจงอ๋อง แต่องครักษ์ที่เฝ้าประตูกลับบอกว่าพวกเขาไปยังเขาจงหมิงแล้ว

“เขาจงหมิง? เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท