บทที่ 510 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
บทที่ 510 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“ได้…” มู่ซืออวี่กำลังจะรับปาก เมื่อนางเห็นท้องฟ้าจึงเอ่ยขึ้นว่า “หากออกจากเมืองไปในเวลานี้ วันนี้คงกลับมาไม่ทันกระมัง?”
“เรือนพักร้อนล้วนมีทุกอย่าง ข้าให้คนไปจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว คืนนี้พักที่นั่น ร่างกายจะได้อบอุ่น” ลู่อี้กุมมือมู่ซืออวี่
“แค่เราสองคนหรือ? แล้วลูก ๆ เล่า?”
“พวกเขาโตเพียงนี้แล้ว ที่บ้านมีบ่าวรับใช้มากมายคอยดูแล จากพวกเขาไปเพียงคืนเดียวคงไม่เป็นไร”
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ก็โตแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เหลือบมองสามี ทว่ายังคงขึ้นไปบนรถม้า “จื่อเยวี่ยน เจ้าอยู่ดูแลเสี่ยวชิงเอ๋อร์”
เรือนพักร้อนมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่นอกเมือง ใช้เวลานั่งรถม้าเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ปกติแล้วหากอากาศดีคงใช้เวลาไม่นาน แต่ตอนนี้มีหิมะทับถมบนเส้นทาง รถม้าจึงเคลื่อนที่ช้าลง
เมื่อพวกเขามาถึง ยังคงเป็นเวลาไม่เย็นมากนักจึงเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ใกล้เรือนพักร้อนได้
“ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน” มู่ซืออวี่กล่าว “ดินไม่เหมาะกับการปลูกพืช”
“ไม่ผิด” ลู่อี้เอ่ย “ดังนั้นข้าจึงซื้อมาโดยไม่ได้ใช้เงินมากนัก”
“ซื้อมา หมายความว่า…”
“ข้าซื้อที่ดินของทั้งหมู่บ้านไว้แล้ว” ลู่อี้กล่าว “รอหิมะหยุดตกแล้วอากาศอุ่นกว่านี้หน่อย เจ้าค่อยทำทุกอย่างกับเรือนพักร้อนนี้ได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม”
มู่ซืออวี่มองลู่อี้ด้วยความประหลาดใจ
นางคิดว่าเขาซื้อเรือนพักร้อนที่มีน้ำพุร้อนเพียงแค่หลังเดียว แต่เขาซื้อหมู่บ้านเลยหรือ?
หากเป็นเพียงเรือนพักร้อนที่มีน้ำพุร้อน คงไม่มีพื้นที่ให้ใช้สอยมากนัก ทว่าหากเป็นทั้งหมู่บ้านก็คงมีที่ดินมากมายที่ใช้ประโยชน์ได้
ลู่อี้กระชับเสื้อคลุมให้มู่ซืออวี่ “หิมะเริ่มตกอีกแล้ว วันนี้อย่าเพิ่งไปดูเลย พวกเราไปบ่อน้ำพุร้อนกันเถอะ”
“อืม…”
เช้าตรู่วันถัดมา รถม้าพาสองสามีภรรยากลับไปยังเมืองหลวง คนหนึ่งไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อไปทำงาน ส่วนอีกคนกลับไปที่จวนลู่
วันนี้เป็นวันวางขายแผ่นแปะทำความร้อนอย่างเป็นทางการ
นอกจากแผ่นแปะทำความร้อนแล้ว ยังมีถุงอุ่นมืออีกด้วย
ฮูหยินของสกุลผู้มั่งมีก็มีเตาอุ่นมือเช่นกัน ทว่าถุงอุ่นมือของเรือนกรุ่นฝันแตกต่างออกไป ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้วาดลวดลายการ์ตูนต่าง ๆ ลงบนถุงอุ่นมือเหล่านั้นด้วย แม้ว่าการออกแบบจะแปลกใหม่ แต่กลับไม่เคยขาดแคลนลูกค้า
“อาจารย์ เพิ่งวางขายได้ไม่นานก็หมดเกลี้ยงแล้วขอรับ” เฟิงเจิงเดินเข้าไปในห้องตำราแล้วแจ้งกับมู่ซืออวี่ที่กำลังออกแบบตู้เสื้อผ้าใหม่ “พวกเรายังมีสินค้าอยู่อีกหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่มีแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “วันนี้ขายเพียงเท่านี้ ที่เหลือพรุ่งค่อยว่ากัน”
“อาจารย์ สินค้าจำนวนเท่านี้ยังไม่เพียงพอนะขอรับ!” เฟิงเจิงกล่าว “หากท่านมีกำลังคนไม่เพียงพอ พวกเราจัดหากำลังคนเพิ่มได้ ในเมื่อสิ่งนี้ขายง่ายมาก เหตุใดไม่ทำให้มากหน่อยเล่าขอรับ”
“เจ้าลืมเรื่องกิจการหลักของเราไปหมดแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เหลือบมอง “แผ่นแปะทำความร้อนเป็นเพียงลูกเล่นในการขยายชื่อเสียงของเรา อันที่จริงแล้ววิธีการทำของสิ่งนี้ไม่ได้ยาก ขอแค่เพียงลองแกะวิธีทำออกมา อีกไม่กี่วัน สินค้าปลอมก็จะถูกวางขาย สินค้าแต่ละชิ้นของเรามีสัญลักษณ์เรือนกรุ่นฝันอยู่ เราก็แค่ต้องการให้ชื่อของเราเป็นที่รู้จัก”
“แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่แพง ทำกำไรน้อยแต่ก็ขายได้ในจำนวนมาก!” เฟิงเจิงพึมพำ
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำ!” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้อากาศหนาว สิ่งนี้ช่วยให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นได้ อีกทั้งยังใช้หาเงินได้ เหตุใดจะไม่ขายต่อเล่า? ”
การปรากฏตัวของแผ่นแปะทำความร้อนกลายเป็นกระแสใหม่ในเมืองหลวง ผู้คนที่รู้สึกหนาวจนต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ จู่ ๆ ก็ถอดเสื้อผ้าหนา ๆ ออก เผยเรือนร่างงดงามได้แม้ในฤดูหนาว
นอกจากแผ่นแปะทำความร้อนแล้วยังมีที่อุ่นเท้า หรือแม้แต่ที่อุ่นเข่าที่ได้รับการออกแบบเพื่อเหล่าผู้เฒ่าโดยเฉพาะอีกด้วย
ชื่อเรือนกรุ่นฝันเป็นที่เอ่ยถึงอีกครั้ง
หลังจากที่มู่ซืออวี่ทำแผ่นแปะทำความร้อนออกมา เรื่องที่เหลือก็ปล่อยให้ลูกน้องจัดการ ส่วนนางนั้นเริ่มพุ่งความสนใจไปที่เรือนพักร้อนบ่อน้ำพุร้อนแห่งใหม่
ณ ศาลต้าหลี่ หลินอี้เจี๋ยเรียกลู่อี้ไว้ “มากับข้า”
ลู่อี้ตามหลินอี้เจี๋ยเข้าไปในห้องตำรา
หลินอี้เจี๋ยมองอีกฝ่าย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในราชสำนักช่วงเช้า?”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”
“ฮ่องเต้รับสั่งให้ปล่อยใต้เท้าเฝิง” แววตาของหลินอี้เจี๋ยปรากฏความยินดี “แม้ว่าเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนาง แต่อย่างน้อยชีวิตของเขาก็ไม่ตกอยู่ในอันตราย เจ้าบอกอะไรกับฉีเซียว เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงยอมปล่อยใต้เท้าเฟิงไป?”
“ข้าน้อยไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่บอกใต้เท้าฉีว่าแทนที่จะกัดขุนนางดี ๆ ที่ยากจน มิสู้ให้ฮ่องเต้เห็นความสามารถในเรื่องอื่นของเขาจะดีกว่า” อย่างเช่นการตรวจสอบเก๋อเหล่าสักสองสามคน
ของที่ได้จากเหมืองในเมืองฮู่เป่ยถูกขายให้กับเมืองหลี และตกไปอยู่ในมือซื่อจื่อของท่านอ๋องหลี ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีมากน้อยเพียงใดยังคงเป็นปริศนา
หากสามารถใช้ความช่วยเหลือของหน่วยลับค้นหาเบาะแสได้ เช่นนั้นจะไม่ช่วยแก้ปัญหาได้มากหรือ? นอกจากนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าเจียงเก๋อเหล่าไร้เดียงสา แล้วเขามีบทบาทใดในเรื่องนี้เล่า?
ลู่อี้มีความคิดเป็นของเขาเอง ทว่าฉีเซียวฉลาดมากเสียจนปล่อยใต้เท้าเฝิงไปตามที่เขาบอก อีกทั้งยังหันไปกล่าวโทษผู้อื่นแทน เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายนัก
ใต้เท้าฉีผู้นี้ ไม่รู้ว่าเขาวางแผนอันใดไว้
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ใต้เท้าเฟิงก็ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งยังสามารถดื่มด่ำกับวัยชราได้อย่างสงบ” หลินอี้เจี๋ยกล่าว “ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริง ๆ”
ณ เรือนกรุ่นฝัน
แถวของคนที่มาต่อซื้อแผ่นแปะทำความร้อนยาวเหยียด ดูคร่าว ๆ แล้วมีอย่างน้อยสามสิบคน
ชายคนหนึ่งเบียดฝูงชนเข้ามา ผลักหญิงชราที่อยู่ข้างหน้าออกไป เขาวางมีดในมือลงบนโต๊ะ เอ่ยกับคนงานขายแผ่นแปะทำความร้อนว่า “ข้าอยากได้สิบชิ้น!”
“ขออภัย ได้โปรดเข้าแถวด้วยขอรับ” คนงานคนนั้นพูด
“รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร พวกข้ามาจากจวนอี๋ผิงโหว ยังต้องต่อแถวเพื่อซื้อของไร้สาระนี่ของเจ้าด้วยหรือ?” ชายคนนั้นกล่าวเยาะเย้ยอย่างลำพองใจ
คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว คิดจะอยู่ให้ห่างจากชายคนนั้น
“ขออภัย สินค้าขายหมดแล้ว” เฟิงเจิงเดินเข้ามา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกค้าทุกท่าน รบกวนพวกท่านมาเข้าแถวตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เถิด”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? เมื่อครู่นี้ก็อยู่ตรงนั้น พอข้ามามันก็หายไปแล้วหรือไร?” ชายคนนั้นดึงมีดในมือออกมา
“ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงคนโง่ หากยังไม่ถอยออกไปอีก จะกลายเป็นคนตายในไม่ช้า” เสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ผู้ใด…” ชายคนนั้นหันกลับมาก็ถูกร่างหนึ่งเตะออกไปโดยไม่ทันเห็นแม้แต่เงา
เบื้องหน้ามีเด็กหนุ่มสี่คน เห็นได้ชัดว่าสองคนเป็นเจ้านาย และอีกสองคนเป็นผู้ติดตาม
หนึ่งในเด็กหนุ่มของบุตรหลานผู้มั่งมีนั้นดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย รูปร่างหน้าตา หรือบุคลิก แม้กระทั่งบรรยากาศรอบกายที่เขาแผ่ออกมายังดูเย่อหยิ่งเล็กน้อยแต่กลับดูไม่ติดขัด มิหนำซ้ำยังค่อนข้างโดดเด่นราวกับควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
“จวนอี๋ผิงโหวใช้ไม่ได้เลย ไยสุนัขที่เลี้ยงมาไม่เชื่องถึงเพียงนี้” เซี่ยชิงโจวเอ่ยพลางหัวเราะ “นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาแสดงเขี้ยวเล็บต่อหน้าซื่อจื่อน้อยจวนอู๋อันโหว เหนื่อยกับการใช้ชีวิตแล้วหรือไร?”
ชายที่ถูกเตะออกไปรู้เพียงแค่ว่าคนตรงหน้าเขายุ่งด้วยไม่ได้ง่าย ๆ ทว่าเขาไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อเซี่ยชิงโจวเอ่ยชื่อของซื่อจื่อน้อยแห่งจวนอู๋อันโหวออกมา เขาก็ตระหนักว่าตนชนกำแพงเหล็กเข้าแล้ว
“ผู้น้อยมันเดรัจฉาน นายท่านซื่อจื่อได้โปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วยเถอะ ผู้น้อยจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”