บทที่ 556 อันอวี้คลอดลูกแล้ว
บทที่ 556 อันอวี้คลอดลูกแล้ว
กลางดึก มู่ซืออวี่นอนซบอยู่ในอ้อมแขนของลู่อี้และหลับใหลอย่างสงบ ทันใดนั้นเสียงเอะอะวุ่นวายจากด้านนอกพลันแหวกผ่านความเงียบสงบยามราตรีเข้ามา
ลู่อี้ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก ขณะที่เขากำลังจะออกไปดูนั้นเอง มู่ซืออวี่พลันตื่นขึ้นมาตามสามี
เขาขมวดคิ้ว ตะโกนออกไปข้างนอกอย่างหมดความอดทน “ข้างนอกเอะอะวุ่นวายอะไรกัน?”
บ่าวรับใช้ร้องตอบจากข้างนอก “นายท่านขอรับ มีข่าวจากทางนายท่านเซี่ยว่าฮูหยินเซี่ยคลอดลูกยาก สถานการณ์ค่อนข้างอันตรายขอรับ”
“อันอวี้คลอดยากงั้นหรือ?” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่ง “ครรภ์ของนางกว่าจะมีได้ก็ยากเย็นแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาการรักษาครรภ์ของนางเอาไว้ได้ไม่ง่ายเลย ข้าจะไปดูหน่อย”
“ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ลู่อี้จับไหล่นางไว้ “อยู่ที่นี่อย่าเพิ่งขยับ ข้าจะจุดเทียนก่อน”
ลู่อี้และมู่ซืออวี่รุดไปที่จวนเซี่ย
เซี่ยคุนเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากหมอตำแยและท่านหมอที่ดีที่สุดแล้ว เขายังได้เตรียมโสมอายุร้อยปีไว้ด้วย
เขาคำนวณทุกสถานการณ์ไว้แล้ว
เซี่ยคุนอาจดูเหมือนหยาบกระด้าง ทว่าเพื่อคนที่เขาห่วงใย เขาถี่ถ้วนมากกว่าบุรุษหลายคนมาก
เมื่อลู่อี้และมู่ซืออวี่มาถึง เซี่ยคุนอยู่กับอันอวี้ในห้อง โดยมีอันอี้หางยืนอยู่ข้างนอก
เมื่ออันอี้หางเห็นลู่อี้และมู่ซืออวี่ปรากฏตัวขึ้น จึงยกมือขึ้นคารวะ
ลู่อี้คารวะกลับคืนแล้วถามว่า “ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตำแหน่งของเด็กไม่ถูกต้อง หมอตำแยมีประสบการณ์มากจึงทำให้เด็กอยู่ในตำแหน่งที่ควรแล้ว ตอนนี้พวกเราแค่รอฟังข่าว” อันอี้หางกล่าว
“โอ๊ยยยยย…” เสียงอันอวี้กรีดร้องอย่างน่าสงสาร
เซี่ยคุนปลอบนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
บ่าวรับใช้นำเก้าอี้มาให้ แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
ลู่อี้โอบแขนรอบไหล่มู่ซืออวี่ แล้วปลอบนางอยู่เงียบ ๆ
ครั้งนี้พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้ เพียงแค่หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
อันอี้หางมองสามีภรรยาคู่นั้น
นับแต่จากเมืองฮู่เป่ยมายังเมืองหลวง จากความยากจนมาสู่ตำแหน่งขุนนางในตอนนี้ สายสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ไม่สิ ยังคงมีความเปลี่ยนแปลง พวกเขาเข้าใจกันมากขึ้นและรักกันลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่ซืออวี่ไม่ใช่สตรีที่งามล้ำที่สุดในใต้หล้า ทว่านางมีบรรยากาศรอบกายที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสตรีอื่นนั้นไม่มี
อันอี้หางจำต้องยอมรับว่า เมื่อได้มองนางอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี ภายในใจของเขายังอดเศร้าโศกไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็โดดเด่น ทว่าเมื่อหันกลับมามองตัวเขา นับวันกลับยิ่งโทรมลงเรื่อย ๆ
เขายินดีโทรมลงเช่นนี้หรือ?
แน่นอนว่าไม่
“อุแว้… อุแว้…” เสียงเด็กร้องไห้ดังออกมาจากข้างใน
“คลอดแล้ว! คลอดแล้ว!” หมอตำแยร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นยินดี
“ท่านหมอ ตรวจอาการให้ฮูหยินของข้าเถิด” เสียงของเซี่ยคุนดังขึ้นมา
มู่ซืออวี่และลู่อี้ได้ยินเสียงจากข้างใน รับรู้ได้ราง ๆ ว่าเกิดอันใดขึ้น
โชคยังดีที่ไม่มีอันตรายอันใด อันอวี้เพียงแค่อ่อนแรงเล็กน้อย ไม่นานก็ไม่เป็นอะไรแล้ว นางคลอดบุตรชายตัวอ้วนน้ำหนักเจ็ดจินสองเหลี่ยง*[1] ให้เซี่ยคุน ถึงแม้จะคลอดยาก ทว่าเขาก็ยังร้องได้เสียงดัง
มู่ซืออวี่ถามคนข้างใน เมื่อเจ้าบ้านอนุญาตแล้วจึงเข้าไปพบกับอันอวี้
เมื่อเซี่ยคุนตรวจดูจนแน่ใจว่าอันอวี้ปลอดภัยแล้วจึงออกมาต้อนรับลู่อี้และพี่ภรรยาที่รออยู่ครึ่งค่อนคืน
“ลำบากเจ้าแล้ว อันอวี้” มู่ซืออวี่คว้ามืออันอวี้มากุมไว้
สีหน้าของอันอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่นับเป็นอันใด ได้คลอดลูกให้ท่านพี่ ข้ารู้สึกมีความสุขยิ่งนัก หลายปีมานี้ ข้าเฝ้ารอให้เวลานี้มาถึงมาโดยตลอด”
“ไหนข้าดูเด็กน้อยหน่อยซิ” มู่ซืออวี่รับเสี่ยวอันมาจากอ้อมแขนของแม่นม
นับแต่รู้ว่าอันอวี้ตั้งครรภ์ เซี่ยคุนก็ตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยในท้องของนางแล้ว เด็กคนนี้ชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวอัน
“เจ้าดูหน้าเล็ก ๆ นี่สิ…” มู่ซืออวี่ยกเด็กให้อันอวี้ดู “หน้าตาเหมือนกับเจ้านัก เล็กกระจิริด โชคดีที่เหมือนเจ้า หากเหมือนพี่ใหญ่เซี่ย จุ๊ ๆ…”
“ท่านพี่ก็หน้าตาดีเช่นกัน” อันอวี้ประท้วงขึ้นมา
“ได้ ๆ หน้าตาสามีเจ้าดี” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “ปกป้องเขาจริง ๆ เลย”
อันอวี้มองแสงของรุ่งอรุณข้างนอกแล้วเอ่ยว่า “ท่านดูสิ รุ่งเช้าแล้ว เด็กคนนี้เกิดมาพบพระอาทิตย์ขึ้น ดียิ่งนัก”
อันอวี้ต้องอยู่เดือน มู่ซืออวี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นนานนัก นางกลับไปที่บ้านแล้วนอนต่อ
ระหว่างพิธีอาบน้ำครบสามวัน เซี่ยคุนเชิญแค่เพียงครอบครัวพวกเขาเท่านั้น
ในวันพิธีอาบน้ำครบสามวัน ตรงกับวันประกาศผลสอบของลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานพอดี
“ฮูหยิน…” บ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาจากข้างนอก “นายน้อยของพวกเราได้ที่หนึ่งขอรับ ท่านน้าก็สอบผ่านแล้วเช่นกัน”
“ขอแสดงความยินดี” อันอวี้เอนกายอยู่บนเตียง “ส่งคนไปถามพวกเขาว่าวันนี้จะกลับมาทานอาหารกลางวันหรือไม่ หากมา เช่นนั้นก็มาทานที่นี่เถอะ”
“เจ้านายทั้งสองอยู่ระหว่างทางกลับมาแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้เอ่ยตอบ
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นเพียงซิ่วไฉ ทว่านี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดีสำหรับทั้งคู่
ลู่ฉาวอวี่ได้เป็นซิ่วไฉด้วยอายุเพียงสิบสองปี นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับบัณฑิต บางคนอายุสี่สิบห้าสิบปีด้วยซ้ำถึงจะสอบขุนนางและเป็นซิ่วไฉได้
ยามบ่าย ลู่อี้ผู้ที่มักไม่ได้กลับมาทานอาหารกลางวันก็มาแล้วเช่นกัน ทั้งยังพาลู่เซวียนมาด้วย
นอกจากพวกเขาแล้วยังพาคนสวมเสื้อคลุมแต่งกายแปลก ๆ ผู้หนึ่งมาด้วย
คนผู้นั้นถอดเสื้อคลุมออก เผยใบหน้าเย่อหยิ่งทะนงตนออกมา
“ข้าต้องทำตัวแปลกเช่นนี้ด้วยหรือ?” ฟ่านหยวนซีเบ้ปาก
“ไม่แปลกเลยเจ้าค่ะ จงอ๋อง” มู่ซืออวี่คารวะ
คนอื่น ๆ หลายคนล้วนคาระวะเช่นกัน
อันอวี้กำลังอยู่เดือน ไม่อาจพบแขกได้ งานเลี้ยงพิธีอาบน้ำครบสามวันในวันนี้ไม่ได้เชิญผู้อื่น เซี่ยคุนจึงต้อนรับพวกเขาเอง
อันอี้หางไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างสกุลลู่และจงอ๋องใกล้ชิดถึงเพียงนี้ งานเลี้ยงพิธีอาบน้ำครบสามวันของน้องสาวเขายังเชิญอีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงได้
“ลู่อี้ สมองของคนในครอบครัวพวกเจ้าไม่เหมือนผู้อื่นหรือ?” ฟ่านหยวนซีมองลู่ฉาวอวี่ “ลูกชายคนนี้ของเจ้าเพียงแค่สนามรบเดียวก็โด่งดังแล้ว”
ถึงแม้จะเป็นเพียงซิ่วไฉ ทว่าเขาก็เป็นซิ่วไฉอายุสิบสองปี อีกทั้งยังเป็นซิ่วไฉที่ได้อันดับหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมมีคนมากมายถามถึงที่มาของเขา
ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ท่านอ๋องไม่ต้องยกย่องชมเชยเขาแล้ว เขาอายุยังน้อย จะเก็บไปคิดเป็นจริงจังเอาได้”
“ท่านอ๋อง พี่ชายข้าขยันหมั่นเพียรยิ่งเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขึ้น “เขาฉลาดมาก ทว่าสมองอันชาญฉลาดของเขาเป็นบิดามารดาที่มอบให้ ส่วนความขยันนั้นเป็นความสามารถของเขา”
“ตอนนี้เจ้าก็โด่งดังเช่นกัน” ฟ่านหยวนซีมองนาง “วันนั้นข้าเข้าวังหลวง ได้ยินฉู่กุ้ยเฟยกำลังเอ่ยถึงเจ้ากับฮองเฮา”
มู่ซืออวี่และลู่อี้มองหน้ากัน
ฉู่กุ้ยเฟยคิดจะทำอันใด?
“ฮองเฮาตั้งใจจะขยับขยายวังหลังให้องค์รัชทายาท” ฟ่านหยวนซีกล่าว “ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยถึงเจ้าหน้าพระพักตร์ฮองเฮา เกรงว่าคงต้องการเผยแพร่ ‘ชื่อเสียงอันดีงาม’ ของเจ้าออกไป”
“ขอบคุณท่านอ๋องที่เตือน” มู่ซืออวี่เข้าใจความหมายของฟ่านหยวนซี
ฉู่กุ้ยเฟยไม่ได้ต้องการให้ฟ่านเหยี่ยนจิตใจวอกแวกเพราะลู่จื่ออวิ๋น ดังนั้นนางจึงคิดจะซัด ‘ภัยพิบัติ’ นี้ไปยังตำหนักบูรพา ทว่าฮองเฮาเป็นพวกกินพืชงั้นหรือ? พระนางย่อมไม่ถูกล่อลวงด้วยลูกไม้ตื้น ๆ นี้เป็นแน่
เพียงแต่การกระทำของฉู่กุ้ยเฟย ช่างทำให้คนนึกรังเกียจยิ่งนัก
หลายคนที่อยู่ที่นี่ ยกเว้นสตรีไม่กี่คนที่ไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก ย่อมต้องเข้าใจความนัยในคำพูดของฟ่านหยวนซี
ดูเหมือนพวกเราควรให้เซวียนอ๋องเลือกพระชายาโดยเร็วที่สุด อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับลู่จื่ออวิ๋น
“ฉาวอวี่ ตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่อาจไปเรียนกับเซวียนอ๋องได้แล้ว” ลู่อี้เอ่ย “หากมีสำนักบัณฑิตที่เจ้าต้องการไปร่ำเรียน เพียงแค่บอกข้า ข้าจะจัดเตรียมให้”
“ท่านพ่อ อาจารย์จะกลับมายังเมืองหลวงแล้ว” ลู่ฉาวอวี่กล่าวขึ้น “ไม่ว่าเขาจะไปสอนที่ใด ข้าจะไปเรียนที่นั่น”
“ท่านอาจารย์เหวินน่ะหรือ?” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “เขาเป็นคนขององค์รัชทายาท หากเจ้าใกล้ชิดกับเขาเกินไป เจ้าจะถูกนับว่าเป็นคนขององค์รัชทายาทไปโดยปริยาย”
“ไม่เป็นไร ฉาวอวี่ยังเล็ก ยังต้องสอบขุนนางอีกหลายขั้น หลังจากช่วงวุ่นวายโกลาหลนี้จบลง ย่อมไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับเขาอีก อย่างไรเสียก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีเขาจึงจะเติบใหญ่” ลู่อี้กล่าว
[1] เจ็ดจินสองเหลี่ยง ประมาณ 3,600 กรัม (1 จิน = 500 กรัม / 1 เหลี่ยง = 50 กรัม)