สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 581 คนรนหาที่ตาย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 581 คนรนหาที่ตาย

บทที่ 581 คนรนหาที่ตาย

เมื่อมู่ซืออวี่เดินเข้ามา หรงซื่อก็เดินผ่านนางไปพอดี

ตอนนี้มู่ซืออวี่อยู่ในชุดคลุมหรูหรา สวมเครื่องหัวงดงามวิจิตร ใบหน้าแต่งแต้มประทินโฉมอย่างงดงาม ท่าทีอากัปกิริยาสง่างามเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้ฮูหยินลู่แตกต่างจากสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นคือ แววตาของนางเป็นประกายเจิดจ้า ไร้ซึ่งความอ่อนแออย่างสตรีทั่วไป

“เมื่อครู่ข้าไปตรวจดูสถานการณ์ในครัว ขออภัย ละเลยทุกท่านแล้ว”

“เป็นเช่นนั้นที่ใดกัน? บ่าวรับใช้ของท่านเอาใจใส่ดีทีเดียว”

หรงซื่อหันกลับไปมองมู่ซืออวี่ แววตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น

เพราะเหตุใด?

เห็นได้ชัดว่ามู่ซืออวี่เป็นคนชั่วช้าผู้หนึ่ง

คนโดนจ้องราวกับสัมผัสบางอย่างได้จึงมองไปทางหรงซื่อ

เมื่อเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นแก่ชราของอีกฝ่าย นางจึงยิ้มบาง ๆ พูดคุยสรวลเสเฮฮากับคนอื่น ๆ ต่อไป

บัดนี้หรงซื่อไม่ได้อยู่ในสายตาของมู่ซืออวี่อีกต่อไปแล้ว แม้ดวงตาคู่นั้นของหรงซื่อจะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา นางก็ไม่มีทางเสียประโยชน์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องอีกฝ่ายเป็นจริงเป็นจัง

“ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงมาถึงแล้ว!”

“ฮูหยินอู่อันโหวมาถึงแล้ว!”

“ฮูหยินฉู่กั๋วกงมาถึงแล้ว!”

“องค์หญิงใหญ่มาถึงแล้ว!”

เสียงประกาศดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าเมื่อเหล่าฮูหยินมาถึง เมื่อฮูหยินเหล่านั้นมาถึงแล้ว พวกเขาจึงค้อมคำนับองค์หญิงใหญ่

“คารวะองค์หญิงใหญ่เพคะ”

“ไม่ต้องมากพิธี” องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มบาง ๆ “นี่เป็นครั้งแรกที่เรามาที่จวนสกุลลู่ ฮูหยินลู่ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ วันนี้นับว่าเราได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”

“องค์หญิงทรงชมเกินไปแล้วเพคะ” มู่ซืออวี่คำนับ “เชิญทางนี้เพคะ”

ถัดจากนี้เป็นช่วงเวลาของการต่อรองเจรจาทางการค้า

มู่ซืออวี่เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่ปกติแล้ว นางมักจะเกียจคร้านและไม่ต้องการเข้าสังคม

แค่นางกล่าวยกยอลูกค้าในร้านก็สามารถทำหนังสือสัญญาซื้อขายได้สองสามรายการแล้ว การสรรเสริญเยินยอสตรีผู้สูงศักดิ์ในงานเลี้ยง นอกจากได้เห็นรูจมูกที่บานออกของคู่สนทนาก็ไม่มีประโยชน์อื่นใด จะต้องลำบากไปไย?

ทว่าวันนี้นางเป็นเจ้าบ้าน ฉะนั้นต้องแสดงความสามารถออกมา ไม่อาจให้คนดูแคลนเอาได้

“ท่านนั้นเป็นผู้ใดกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามฮูหยินเจี่ย

ฮูหยินเจี่ยมองตามทิศทางที่นางชี้แล้วเอ่ยเบา ๆ “ท่านนั้นคือฮูหยินอิน ลูกสะใภ้ขององค์หญิงใหญ่”

“ข้าเห็นว่านางมีอาการไอ แต่คนข้าง ๆ กลับดูไม่แปลกใจเลย” มู่ซืออวี่เอ่ย “นางมีโรคเดิมใช่หรือไม่?”

“นางอ่อนแอ ทุกคนล้วนรู้ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอันใด” ฮูหยินเจี่ยกล่าว “ปกติแล้วนางจะไม่มาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ ครั้งนี้นางกลับมาร่วมงาน คิดว่าอาจเป็นคำสั่งขององค์หญิงใหญ่ ใต้เท้าลู่ช่างเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ ไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องไว้หน้าเขา”

ฮูหยินอินกล่าวกับองค์หญิงใหญ่สองสามคำ

องค์หญิงใหญ่สะบัดมืออย่างหมดความอดทน

มู่ซืออวี่ให้บ่าวรับใช้เข้าไปถามไถ่

ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็กลับมารายงานว่า “ฮูหยินอินแจ้งว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ที่นี่ฉุนเกินไป นางรู้สึกอึดอัดจึงอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ

นางตรวจสอบแขกทุกคนจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดแพ้ละอองเกสรดอกไม้ จึงเตรียมรับรองแขกที่นี่

อย่างไรก็ตาม ฮูหยินอินร่างกายอ่อนแอ อาจไม่ชอบกลิ่นหอมจัดเช่นนี้

“จัดเตรียมคนเพิ่มอีกสักสองสามคนให้คอยติดตามนางอยู่ห่าง ๆ ต้องดูแลแขกให้ดี”

“เจ้าค่ะ!”

อีกด้านหนึ่ง ลู่จื่ออวิ๋นพาบรรดาบุตรสาวผู้มั่งมีจากสกุลต่าง ๆ มาเดินเล่น

สกุลลู่ไม่เคยขาดสิ่งที่สร้างความสนุกทุกประเภท อย่างไรเสีย สวนสนุกของมู่ซืออวี่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นวงกว้าง มีผู้คนมาหานางเพราะมันไม่น้อย อีกทั้งฮูหยินลู่ยังสร้างสวนสนุกขนาดเล็กไว้ในบ้านของตนด้วย

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงเครื่องเล่นง่าย ๆ ส่วนเครื่องเล่นที่ต้องใช้กำลังคนในการบำรุงรักษา อย่าได้คาดหวัง

“ชิงเหอจวิ้นจู่มาแล้ว” เจี่ยหลิงหลงดึงแขนเสื้อของลู่จื่ออวิ๋นเบา ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นมองดูหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา อีกฝ่ายเป็นสตรีเยาว์วัยผู้หนึ่งที่แต่งกายอย่างหญิงสาวออกเรือนแล้ว

“เจ้าคือลู่จื่ออวิ๋นใช่หรือไม่?” ชิงเหอจวิ้นจู่มองนางด้วยท่าทีหยิ่งยโส “ก็แค่นี้เอง!”

ปากเอ่ยว่า ‘แค่นี้’ ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

อายุยังน้อยยังมีรูปโฉมเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดนางจึงดึงดูดความสนใจของเซี่ยซื่อจื่อได้

“ท่านนี้คือเซวียนหวางเฟย” ชิงเหอจวิ้นจู่เหลือบมองหยางอีเหรินที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าคุ้นเคยกันดีกับเซวียนอ๋องไม่ใช่หรือ? ไม่เคยพบเซวียนหวางเฟยหรือไร?”

“จวิ้นจู่กล่าวผิดแล้ว ผู้ที่คุ้นเคยกับเซวียนอ๋องเป็นพี่ชายของข้า ข้าและเซวียนอ๋องเคยพบกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น” สิ้นคำ ลู่จื่ออวิ๋นจึงค้อมคำนับหยางอีเหริน “คารวะเซวียนหวางเฟย”

เมื่อหยางอีเหรินเห็นลู่จื่ออวิ๋นก็นึกสงสัยขึ้นมา

มีคนรูปโฉมเช่นนี้มาปรากฏต่อหน้าเซวียนอ๋องอยู่บ่อยครั้ง หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลว่าเหตุใดตลอดเวลาที่ผ่านมาเซวียนอ๋องจึงมักจะเมินเฉยต่อนาง?

นับตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันมา เซวียนอ๋องมักจะหาข้ออ้างที่จะไม่หลับนอนกับนางเสมอ แม้ว่านางจะเชิญชวนเขาอย่างกระตือรือร้น แต่เขากลับมีเหตุผลมากมายที่จะปลีกตัวไปนอนในห้องรับรองแขก นางสงสัยมาโดยตลอดว่าจ้าวอวิ๋นซวงสาวใช้ต่ำต้อยผู้นั้นยั่วยวนเซวียนอ๋อง ดังนั้นจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจัดการกับอีกฝ่าย โชคไม่ดีที่เซวียนอ๋องเพิกเฉยกับความผิดที่นางจัดฉากขึ้น

ทว่าเมื่อได้พบกับลู่จื่ออวิ๋นที่งดงามกว่าปกติในวันนี้ หยางอีเหรินก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว

แม้ว่าจ้าวอวิ๋นซวงจะหน้าตาพริ้มเพราอยู่บ้าง ทว่าสตรีหน้าตาเช่นนางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอ สาวใช้ข้างกายหลายคนที่ติดตามมาจากสกุลเดิมของนางก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่

ทว่าพอได้พิจารณาดี ๆ รูปโฉมอย่างลู่จื่ออวิ๋นนั้นหาได้ยากยิ่ง จะกล่าวว่างามจนชวนตะลึงก็ไม่เกินกว่าความเป็นจริงนัก

“กรี๊ดดด…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น” คนข้าง ๆ เอ่ยถาม

ลู่จื่ออวิ๋นรีบรุดไปทางนั้นทันที

ข้าง ๆ สระน้ำ เซี่ยเฉิงจิ่นและเซี่ยชิงโจวยืนอยู่ตรงนั้น มีสตรีนางหนึ่งตกลงไปในน้ำ

เมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋น ความเยือกเย็นในแววตาของเซี่ยเฉิงจิ่นพลันหายไป แววตาของเขาปรากฏความรู้สึกผิดขึ้นมาแทน

“เกิดอะไรขึ้น?” มีคนเอ่ยถาม

ลู่จื่ออวิ๋นมองคนที่อยู่ในสระน้ำ แล้วจึงกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ “ช่วยคนขึ้นมาก่อน!”

เซี่ยชิงโจวลดเสียงลง กระซิบเบา ๆ “แย่แล้ว พวกเราลืมไปว่าที่นี่คือสกุลลู่ ปกติจัดการเช่นไร วันนี้จึงเผลอจัดการเช่นนั้น”

เซี่ยเฉิงจิ่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “กล่าวตอนนี้ไม่สายเกินไปหน่อยหรือ?”

ไม่นานมานี้นางเพิ่งเห็นเขาทำให้คนคนหนึ่งกระโดดลงมาจากหอ บัดนี้ยังมาเห็นเขาโยนสตรีผู้หนึ่งลงน้ำอีก เกรงว่าในสายตาของคุณหนูสกุลลู่ เซี่ยเฉิงจิ่นจะกลายเป็นคนชั่วช้าไปเสียแล้ว

“นั่นเจี่ยงจือไม่ใช่หรือ?”

บุตรสาวขุนนางทั้งหลายล้วนปิดปากด้วยความประหลาดใจ

คนที่ถูกโยนลงไปในน้ำคือเจี่ยงจือ

“เซี่ยซื่อจื่ออยู่ตรงนี้แต่เจี่ยงจือกลับอยู่ในน้ำ หรือว่าเจี่ยงจือคิดจะยั่วยวนเซี่ยซื่อจื่อจึงถูกเขาโยนลงน้ำ?” มีคนคาดเดา

ลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองเจี่ยงจือ “ใครพานางมาที่นี่”

“ดูเหมือนจะเป็นคนจากจวนฉู่”

“เซี่ยซื่อจื่อ คุณชายเซี่ย พวกท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

“เหตุผลน่ะหรือ เมื่อครู่นี้คุณหนูท่านนั้นคาดเดาเกือบถูกทั้งหมดแล้ว” เซี่ยชิงโจวกล่าว “สหายเซี่ยชอบสระน้ำแห่งนี้ เขาจึงยืนอยู่ที่นี่พักหนึ่ง จู่ ๆ สาวใช้ผู้นั้นก็โผเข้ามาหา สหายเซี่ยตกใจเป็นอย่างมากจึงผละหลบนาง นางถึงได้ตกลงไปในน้ำเช่นนี้”

“ไร้ยางอายเสียจริง!”

“เซี่ยซื่อจื่อใช่ผู้ที่นางคิดจะปีนป่ายขึ้นไปหาได้หรือ?”

“นางเคยเป็นคุณหนูสกุลเจี่ยง ถึงกระนั้นนางก็ไม่คู่ควรกับเซี่ยซื่อจื่อ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตอนนี้นางเป็นสาวใช้แล้ว”

“เรื่องนี้ต้องรบกวนให้เซี่ยซื่อจื่ออธิบายให้ฮูหยินจวนฉู่ได้ทราบด้วยตนเองสักครั้ง” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “แม้นางจะเป็นสาวใช้ ทว่าหากนางตกลงไปในสระน้ำจวนลู่ของข้าโดยไร้เหตุผล นั่นจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าข้าปล่อยปละละเลยได้ ในเมื่อเป็นความขัดแย้งส่วนตัวของพวกท่าน เช่นนั้นเซี่ยซื่อจื่อได้โปรดออกหน้าอธิบายด้วย”

“ได้” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าว “ข้าย่อมไม่ทำลายชื่อเสียงของสกุลลู่”

“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่บุตรสาวสกุลผู้มั่งมีได้ชื่นชมความงดงามของเซี่ยซื่อจื่อในระยะประชิด

เมื่อเห็นเซี่ยเฉิงจิ่น แต่ละคนล้วนข่มใบหน้าที่เริ่มแดงเรื่อขึ้นมาไว้และมองเขาด้วยดวงตาหลงใหล

หากเซี่ยเฉิงจิ่นไม่ได้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ธรณีประตูของเขาคงถูกแม่สื่อเหยียบย่ำจนพังทลายเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของเขาก็งดงามจริง ๆ มองจากไกล ๆ ยังรู้สึกเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างยิ่ง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท