สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 627 ท่านก็เป็นคนขี้เมาด้วยสินะ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 627 ท่านก็เป็นคนขี้เมาด้วยสินะ

บทที่ 627 ท่านก็เป็นคนขี้เมาด้วยสินะ

“เช่นนั้นก็ดียิ่ง” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “รถม้าเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะเป็นของจวนอู่อันโหว ไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่ข้างใน ถึงได้กระตือรือร้นช่วยท่านยิ่งนัก”

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “ข้าก็ไม่เห็นคนข้างในเช่นกัน”

“เช่นนั้น…” เจียงหว่านเฉินไร้เหตุผลที่จะรั้งลู่จื่ออวิ๋นไว้แล้ว “ข้าจะไปส่งเจ้ากลับ เจ้าจะไปที่ใด?”

“เมื่อครู่นี้ท่านขี่ม้ามา” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเตือนเขา “คงไปส่งข้าไม่ได้”

ท้ายที่สุดเจียงหว่านเฉินจึงไม่ได้ไปส่งลู่จื่ออวิ๋น อย่างไรเขาก็ไม่มีโอกาสนี้

ติงเซียงหารถม้ามาและส่งลู่จื่ออวิ๋นกลับไปที่หอซือเป่า ก่อนที่นางจะกลับไปยังหอซือเป่า ลู่จื่ออวิ๋นส่งสุราสองไหนั้นไปยังจวนอู่อันโหวและกำชับให้บ่าวรับใช้นำไปให้ซื่อจื่อ

อู่อันโหวกำลังหวีผมให้ฮูหยิน หลังจากหวีผมแล้วจึงวาดคิ้วให้นาง สองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันจนบ่าวรับใช้ล้วนไม่อาจทนมองดู

ถึงแม้บ่าวรับใช้เก่าแก่จะคุ้นเคยกับภาพนี้แล้ว ทว่าพวกเขายังคงอดรนทนไม่ได้ทุกครั้งที่เห็น แทบอยากจะซุกศีรษะลงไปในรอยแยกบนพื้นดิน เช่นนี้จะได้ไม่ถูกสามีภรรยารบกวนจิตใจ

“เจ้าว่าผู้ใดส่งมานะ?” ฮูหยินอู่อันโหวหันหน้ากลับมา “โอ๊ย…”

เมื่อหันกลับมา หนังศีรษะนางพลันเจ็บขึ้นมาทันที

อู่อันโหวเอ่ยอย่างเจ็บปวดใจ “ฮูหยินช้าลงหน่อยเถิด เหตุใดต้องรีบร้อนเพียงนี้? เจ็บแล้วกระมัง? พี่จะเป่าให้เจ้า”

หากเป็นยามปกติ ฮูหยินอู่อันโหวย่อมถือโอกาสออดอ้อนอู่อันโหวแล้ว จากนั้นทั้งสองคนก็จะอยู่ด้วยกันเป็นนานสองนาน ทว่าวันนี้ฮูหยินอู่อันโหวกลับผลักใบหน้าหล่อเหลาของสามีออก แล้วเอ่ยถามพ่อบ้านที่มารายงาน “เจ้าพูดอีกครั้งซิ”

“แม่นางสกุลลู่ส่งมาขอรับ บ่าวจำนางได้จะต้องมองไม่ผิดเป็นแน่ รูปโฉมงดงามของแม่นางสกุลลู่ได้พบเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีผู้ใดลืมเลือน” พ่อบ้านกล่าว

“นางกล่าวว่ามอบให้เจ้าเด็กเฉิงจิ่นผู้นั้นหรือ?”

“ให้ซื่อจื่อขอรับ”

“ยามนี้ซื่อจื่ออยู่ที่ใด?” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ยถาม

“วันนี้ซื่อจื่อออกไปแต่เช้าตรู่ ยังไม่กลับมาขอรับ”

ท้ายที่สุดอู่อันโหวจึงมีจังหวะกล่าวแทรก “เจ้าชอบแม่นางน้อยสกุลลู่ผู้นั้นเพียงนี้เชียว?”

“ข้าถูกชะตาแม่นางน้อยผู้นั้น!” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ย “ท่านยังไม่รู้จักข้าคนนี้อีกหรือ? ขอเพียงถูกชะตา ข้าก็ชอบทั้งสิ้น”

“ไม่ใช่เพราะรูปโฉมนางงดงามรึ?”

“ชอบคนรูปโฉมงดงามแล้วอย่างไร? หากข้าหน้าตาอัปลักษณ์ ท่านจะแต่งงานกับข้าหรือ?” ฮูหยินอู่อันโหวหยิกเอวอ่อนนุ่มของสามี

“โอ๊ย… ฮูหยินถูกที่สุดแล้ว”

“เหตุใดจู่ ๆ แม่นางน้อยสกุลลู่จึงส่งสุรามาให้เจ้าเด็กคนนั้น? เจ้าเด็กคนนั้นทำเรื่องอะไรอีกใช่หรือไม่? ตอนนี้ดูเหมือนพวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องเขาแล้ว ท่านเคยเห็นเขาใส่ใจแม่นางคนใดเพียงนี้เสียเมื่อใดกัน? เพียงแต่แม่นางน้อยผู้นั้นยังเล็ก ยังต้องรอไปอีกสองสามปี แต่ไม่รีบร้อน อย่างไรเสียลูกเราก็ยังติดเที่ยวเล่น ยังไม่สงบจิตสงบใจ รออีกสักสองสามปีก็ดีเช่นกัน”

“เจ้าดีอกดีใจอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าสกุลลู่จะชอบเจ้าเด็กคนนั้นหรือเปล่า?”

“ถึงแม้เจ้าเด็กคนนั้นจะไร้กฎเกณฑ์ไปบ้าง แต่อย่างไรในหมู่เด็กหนุ่มรุ่นเยาว์ในเมืองหลวงก็จัดว่าอยู่ในลำดับต้น ๆ กระมัง? หากกล่าวว่าสกุลลู่ไม่ชอบเขา ข้าไม่เชื่อ”

เมื่อเซี่ยเฉิงจิ่นกลับมาก็เห็นสุราสองไหอยู่ในห้อง มือที่กำลังถอดเสื้อผ้าพลันหยุดชะงัก

เขาเปิดผนึกแล้วดมกลิ่น

เป็นกลิ่นนั้นนั่นเอง

“บ่าว…”

“ขอรับท่านซื่อจื่อ”

“สิ่งนี้ผู้ใดส่งมา?”

“เรียนท่านซื่อจื่อ พ่อบ้านให้คนส่งมาให้ กล่าวว่าวันนี้มีแม่นางท่านหนึ่งนำสุรามา กำชับให้มอบให้ท่าน”

“เอาละ ถอยออกไปเถอะ!”

เซี่ยเฉิงจิ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากนั้น ภายในห้องครัวเล็ก ๆ ที่ไฟเพิ่งดับลงก็ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เหตุผลคือจู่ ๆ ท่านซื่อจื่อก็อยากดื่มสุรา จึงสั่งให้เตรียมกับแกล้มเพิ่มสองสามจาน

ลู่จื่ออวิ๋นได้ขนจิ้งจอกแดงมาแล้วก็รีบเร่งทำมันข้ามคืน

ดึกมากแล้ว ติงเซียงรบเร้านางหลายครั้งหลายครา ลู่จื่ออวิ๋นฝืนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงล้างหน้าล้างตาเตรียมเข้านอน กลับเห็นเงาร่างหนึ่งบริเวณหน้าต่าง

นางกำลังจะร้องเรียกคน แต่คนผู้นั้นกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “แม่นางลู่ไม่ต้องกลัว ผู้น้อยมาจากจวนอู่อันโหว”

ลู่จื่ออวิ๋น “…”

จวนอู่อันโหวคิดจะทำอะไร?

การบุกเข้ามาในห้องของสตรีกลางดึกถือเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นเช่นนี้” คนผู้นั้นเอ่ยอย่างจนปัญญา “ท่านซื่อจื่อของพวกข้าดื่มสุราที่แม่นางส่งไปให้ คิดว่าสุรานั้นไม่เลวจริง ๆ แม่นางยังมีอยู่อีกหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นนวดขมับแล้วเอ่ยผ่านทางหน้าต่าง “ในบ้านข้าเหลือเพียงสุราสองไหนั้น ไม่มีแล้ว”

“เช่นนั้นก็น่าเสียดายยิ่ง” บ่าวรับใช้ผู้นั้นกล่าวต่อ “ท่านซื่อจื่อกล่าวไว้แล้วว่า หากตอนนี้ไม่มีก็ไม่เป็นไร เขาจะสั่งสองไหไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่าไม่ได้ร้องขอเปล่า ๆ นี่คือค่าตอบแทน…”

ของห่อหนึ่งถูกโยนผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง

“ล่วงเกินแม่นางแล้ว ผู้น้อยขอตัว”

ลู่จื่ออวิ๋นรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยอีกแล้ว ถึงได้หยิบห่อบนพื้นขึ้นมา

เมื่อเปิดออกดู ข้างในล้วนแต่เป็นขนสัตว์

“สวยยิ่งนัก” ลู่จื่ออวิ๋นลูบลงไปบนขนสัตว์นุ่มละเอียดนั้น

แม้จะไม่มีขนจิ้งจอกแดง ทว่าขนสัตว์ประเภทอื่นกลับสวยงามยิ่งกว่าขนจิ้งจอกแดงเสียอีก

“คนผู้นี้เป็นคนขี้เมาด้วยสินะ!”

เพื่อสุราแล้ว แม้กระทั่งของดี ๆ เช่นนี้ยังยอมมอบให้ หากเป็นนาง ย่อมไม่อาจตัดใจได้อย่างแน่นอน ของเหล่านี้มีค่ามากกว่าสุราเพียงสองไห ไม่ว่าสุรานั้นจะเยี่ยมยอดเพียงใดก็ไม่คุ้มที่จะแลก

ลู่จื่ออวิ๋นนำสิ่งของเหล่านั้นไปเก็บ

อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้รับมาเปล่า ๆ หากแต่ใช้สุราสองไหแลก ดังนั้นไม่มีอะไรรับไว้ไม่ได้

หลังจากบ่าวรับใช้ปีนออกจากหลังคาไปไม่นาน เรื่องนี้ก็ไปถึงหูของลู่อี้

ลู่อี้กำลังอ่านบันทึกคดีอยู่ในห้องตำรา เมื่อได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาจึงเอ่ยว่า “จวนอู่อันโหวหรือ?”

“จากจวนอู่อันโหวจริง ๆ ขอรับ” ผู้คุ้มกันลับเอ่ย “ข้าน้อยเฝ้าดูแล้ว คนผู้นั้นไม่ได้เข้าไปในห้อง เพียงยืนอยู่ด้านนอกพูดคุยเพียงไม่กี่คำ จากนั้นจึงมอบห่อผ้าห่อหนึ่งให้คุณหนู ข้าน้อยละลาบละล้วง มองผ่านรอยแง้มของประตู ยืนยันแล้วว่าเป็นเพียงขนสัตว์สองสามชิ้นจึงไม่ได้ทำให้คุณหนูตกใจ”

“ทำได้ไม่เลว” ลู่อี้เอ่ย “ไม่ว่าผู้ใดมาพบคุณหนู ต้องเฝ้าระวังให้ดี”

“ขอรับ”

“ช่วงนี้คุณหนูต้องการขนสัตว์หรือ?”

“วันนี้คุณหนูออกไปตามหาขนจิ้งจอกแดง หลังจากหาไปพักหนึ่ง ยังได้พบกับคุณชายสกุลเจียง คุณชายสกุลเจียงเป็นคนพาไปที่สกุลเฟิง ขนจิ้งจอกแดงนั่นเป็นของสกุลเฟิง ทว่าใต้เท้าเฟิงไม่ได้มอบให้คุณหนู หากแต่เป็นเซี่ยซื่อจื่อที่นำของออกมาแล้วมอบให้ขอรับ”

ผู้คุ้มกันลับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ลู่อี้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

นับตั้งแต่เขารู้ว่ามีหลายสกุลสนใจลูกสาวของเขา ฉากหน้าลู่อี้พยายามปลอบใจมู่ซืออวี่ ทว่าฉากหลังกลับจับตาดูบุตรสาวอย่างใกล้ชิด

ไม่ว่าสกุลเหล่านั้นมีเจตนาใด สำหรับเขาแล้ว ลูกสาวแก้วตาดวงใจจะต้องได้แต่งงานกับคนที่นางพึงใจเท่านั้น หากสกุลเหล่านี้มีอะไรแอบแฝง เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิที่เขาไม่เกรงใจ

ตอนนี้ลู่จื่ออวิ๋นยังคงให้ความสำคัญกับการเย็บปักถักร้อย นางอายุยังน้อยจึงไม่เคยมีความคิดอื่นใด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาวางใจ

หลังจากลู่อี้เขียนคำสุดท้ายลงไปก็เรียกจือเชียนเข้ามา และสั่งให้เขานำบันทึกคดีในมือไปส่งต่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการ

บัดนี้ลู่อี้ได้สร้างหน่วยข่าวกรองขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ทว่ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เขายังต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมหาศาลปรับปรุงหน่วยข่าวกรองนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท