บทที่ 636 ความสุขทวีคูณ
บทที่ 636 ความสุขทวีคูณ
“พี่หญิง…” มู่เจิ้งหานรุดเข้ามาจากด้านนอก
ลู่ฉาวอวี่เองก็เข้ามาถึงไม่ช้าไปกว่ากัน เพียงแต่เมื่อเทียบกับสีหน้ามีความสุขของมู่เจิ้งหานแล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขากลับเคร่งขรึมเสียจนมองสิ่งใดไม่ออก ราวกับเด็กที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ท่านพี่…” ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกับลู่จื่อชิงในอ้อมแขน “ท่านกลับมาแล้ว”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์…” มู่เจิ้งหานเรียกเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ “พี่หญิงของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“วางใจเถอะท่านน้า ท่านแม่ไม่เป็นไร” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกทั้งยังคลอดน้องชายน้อยออกมาคนหนึ่ง ท่านมีหลานเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
มู่เจิ้งหานมองเข้าไปข้างใน “ตอนนี้ข้าเข้าไปหานางได้หรือไม่?”
“พวกเขาบอกว่าบุรุษไม่อาจเข้าไปได้ ข้าว่าจริง ๆ แล้วหากท่านอยากเข้าไปก็เข้าไปเถิด ข้าจะเข้าไปดูท่านแม่ก่อน ถ้านางตื่นแล้วข้าจะเรียกท่าน”
มู่ซืออวี่ตื่นแล้วพอดี เมื่อนางรู้ว่ามู่เจิ้งหานและลู่ฉาวอวี่กลับมาก็พลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
ลู่ฉาวอวี่ค้อมคำนับมู่ซืออวี่ก่อนเป็นอันดับแรก มู่เจิ้งหานผู้ที่นั่งลงอย่างไม่มีพิธีรีตองจึงลุกขึ้นมาคำนับมู่ซืออวี่อีกครั้ง
สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะคิกคัก
ท่าทางเคร่งครัดของนายน้อยช่างน่าสนใจจริง ๆ เขาทำให้คนอยากหัวเราะออกมา
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
อารมณ์ของมู่ซืออวี่ในตอนนี้ราวกับพ่อแม่ที่กำลังส่งลูกของตนไปสอบมหาวิทยาลัย รอให้ลูกกล่าวว่า ‘จะต้องเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยชิงหวาได้แน่’ จากนั้นใจนางก็จะเบิกบานไปด้วยความยินดี
“พี่หญิง แทนที่จะถามเขา ไม่สู้ถามข้า เขาเป็นอย่างไรท่านยังต้องถามอีกหรือ? ทุกคนในเมืองหลวงล้วนเห็นความสามารถของเขาแล้ว” มู่เจิ้งหานเอ่ย “ท่านหันมาใส่ใจน้องชายท่านให้มากขึ้นจะดีกว่า”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าเป็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามมู่เจิ้งหานอีกครั้ง
“อย่างไรเสียข้าก็ตอบทุกหัวข้อแล้ว ส่วนผลสอบจะเป็นอย่างไรนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
มู่ซืออวี่อยากจะเคาะหัวมู่เจิ้งหานสักครั้ง ทว่าเมื่อฝ่ายหลังหลบหลีก นางจำต้องเอนตัวพิงพนักพร้อมเสียงโอดโอย
“พี่หญิง ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” มู่เจิ้งหานตื่นตระหนก
มู่ซืออวี่สั่นศีรษะเบา ๆ “ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เท่านั้น อีกทั้งยังมีบาดแผลอีก”
“ต้องโทษข้า…” มู่เจิ้งหานโน้มตัวเข้าไป “ท่านตีข้าเถิด จะตีอย่างไรล้วนได้ทั้งสิ้น”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “เหตุใดข้าต้องตีเจ้า? เจ้าสอบเสร็จก็ควรผ่อนคลาย ต่อจากนี้เพียงแค่รอผลออกมาเท่านั้น”
“ท่านแม่ ลำบากท่านแล้ว” ลู่ฉาวอวี่ช่วยพยุงให้นางนอนลง
“เจ้ายังไม่เห็นน้องชายของเจ้ากระมัง? เหตุใดไม่ไปดูเขาเล่า?” มู่ซืออวี่มองลู่ฉาวอวี่ด้วยความรักใคร่
หากจะกล่าวว่าผู้ใดที่ทำให้มู่ซืออวี่เป็นกังวลน้อยที่สุด ย่อมต้องเป็นลู่ฉาวอวี่ หากกล่าวว่าผู้ใดที่นางเอาใจใส่ที่สุดก็ย่อมเป็นลู่ฉาวอวี่เช่นกัน
ตอนนั้นเขาเป็นคนที่กางเกราะป้องกันตัวมากที่สุด นางใช้ความพยายามมากมายกว่าจะเปิดใจเขาและได้รับความเชื่อใจอีกครั้ง ทว่าเจ้าเด็กที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่คนนี้ก็ทำตัวเป็นแขนซ้ายแขนขวาของนางมาโดยตลอด
ลู่ฉาวอวี่ไม่รีบร้อนไปดูเสี่ยวซื่อที่เพิ่งคลอดออกมา แต่คอยอยู่ข้างกายมู่ซืออวี่ เขาเอ่ยว่า “ข้าไปดูเขาเมื่อใดก็ได้ ข้าจะอยู่พูดคุยกับท่านก่อน”
“เขาไม่ดู ข้าดูเอง” มู่เจิ้งหานเข้าไปไกล้ ๆ เปลเด็ก “เจ้าเด็กคนนี้น่าเกลียดน่าชังเกินไปหรือไม่? เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์และฉาวอวี่หน้าตาดีเพียงนั้น เสี่ยวชิงเอ๋อร์ก็เรียกได้ว่าน่ารักน่าชัง เหตุใดพอมาเป็นเสี่ยวซื่อแล้วถึงได้น่าเกลียดเพียงนี้? พี่หญิง ท้องครั้งนี้ของท่านไม่สู้ท้องแรก…”
“อุแว้…” ตามมาด้วยเสียงร้องไห้แผดจ้า น้ำสายหนึ่งพลันพุ่งออกมา
น้ำสายนั้นพุ่งไปบนศีรษะของมู่เจิ้งหาน ทั้งยังกระเซ็นเข้าใส่ปากเขาด้วย
มู่เจิ้งหาน “…”
มู่ซืออวี่ระเบิดหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆๆๆ”
มุมปากของลู่ฉาวอวี่หยักยกขึ้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
บ่าวรับใช้รีบร้อนกันจ้าละหวั่น อันดับแรกคือจัดการเสี่ยวซื่อสกุลลู่ที่แสดงอำนาจให้มู่เจิ้งหานได้รับชม
ขณะที่แม่นมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขา มู่เจิ้งหานจึงไปห้องข้าง ๆ ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเขากลับมา เขาก็ตะโกนเข้าไปข้างในก่อนจะเข้าไป “พี่หญิง! เขาจะต้องจงใจเป็นแน่ เขาได้ยินข้าว่าเขาน่าเกลียดถึงได้แก้แค้นข้า”
“เขาอายุเท่าใดกัน หากเขาได้ยินที่เจ้าพูด ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเทพเซียนปีศาจหรือ” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาละ เยี่ยวเด็กมีประโยชน์ เจ้านึกเสียว่าเป็นยาบำรุงก็แล้วกัน”
“ท่านน้า…” ลู่จื่อชิงเอื้อมมือไปหามู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานอุ้มเสี่ยวชิงเอ๋อร์ขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวชิงเอ๋อร์น่ารักที่สุดแล้ว”
“ท่านน้า เช่นนั้นข้าและท่านพี่ข้าเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ไม่พอใจ
“ท่านพี่ของเจ้าเป็นปีศาจ นอกจากข้าที่แก่กว่าเขาแล้ว เรื่องอื่นล้วนสู้ไม่ได้ ไม่กล้าเอ่ยถึงเขา เจ้าน่ะ แน่นอนว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ฉลาดหลักแหลมมีความสามารถ”
สามวันให้หลังเป็นวันประกาศผลสอบ ลู่จื่ออวิ๋นไม่ไปหอซือเป่า แต่รั้งอยู่ที่บ้านกับมู่ซืออวี่
“พี่ชายเจ้าเล่า?”
“ดูเหมือนจะอยู่ในห้องตำราเจ้าค่ะ”
“เขากลับค่อนข้างสงบทีเดียว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านน้าเจ้าออกไปเที่ยวเล่นอีกแล้วหรือ?”
“วันนี้ไม่ออกไปเจ้าค่ะ เพียงแค่เล่นกับสุนัขอยู่ในสวน”
“ตอนนี้รายชื่อคงปิดประกาศแล้วกระมัง” มู่ซืออวี่มองไปข้างนอกแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อเจ้าไม่กังวลแม้แต่น้อยจริง ๆ เวลาสำคัญเช่นนี้ยังออกไปข้างนอกอีก”
“ท่านแม่คลอดเสี่ยวซื่อแล้ว ท่านพ่ออยู่เป็นเพื่อนท่านหลายวัน งานราชการคงกองพะเนินเทินทึกเป็นภูเขา อย่างไรความสามารถของพี่ข้าก็ชัดเจน ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องกังวลแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย
“เจ้าอย่าได้มั่นใจถึงเพียงนี้ ท่านพี่เจ้ามีพรสวรรค์ อีกทั้งยังฉลาด สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาเพียรพยายามเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่แน่ว่าอาจยังมีคนเก่งกาจยิ่งกว่า”
ณ ศาลต้าหลี่ หลังจากฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ลู่อี้มองเซี่ยคุนและเจี่ยเฉิงผิง “ถามก็ถามแล้ว ดูเหมือนจะเป็นฝีมือคนของฮูหยินอินจริง ๆ คนผู้นั้นเป็นอย่างไร? สารภาพแล้วหรือยัง?”
“สารภาพแล้วขอรับ” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “เขาไม่อาจทนการทรมานของห้องขังเราได้จึงกัดลิ้นฆ่าตัวตาย พวกเราเพิ่งง้างกรามเขาและเห็นว่าเขาฆ่าตัวตายโดยการกัดลิ้นตนเอง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาเอาไว้แล้ว ปล่อยให้ผู้ใต้บัญชาจัดการเขาเสีย”
“เรื่องเกิดเพราะฮูหยินอินผู้นั้น ตอนนี้คนตายไปแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นเถ้าถ่าน ช่างไม่สาสม”
ลู่อี้หลุบตาลง “หลายปีที่สืบหา สุดท้ายเรื่องราวกลับผ่านไปเช่นนี้แล้ว ศัตรูตายสิ้น เช่นนั้นก็เปิดโปงเถอะ!”
“ท่านกล่าวได้ไม่ผิด” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “ท่านสามารถตรวจสอบสาเหตุการตายของบิดามารดาออกมาได้ ไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องตายอย่างสูญเปล่า นับว่าได้แสดงความกตัญญูแล้ว นอกจากนี้มือสังหารผู้นั้นเป็นลูกน้อง หากฆ่าลูกน้องผู้นั้นก็นับว่าได้แก้แค้นให้บิดามารดาแล้ว อย่างไรเสีย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในตอนนั้นต่างก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดี นับได้ว่าเป็นกงเกวียนกำเกวียน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
“วันนี้เป็นวันประกาศรายชื่อ นายท่านลู่อยากดูลำดับของคุณชายใหญ่ลู่หรือไม่?”
“ด้วยความสามารถของเขา อันดับหนึ่งย่อมได้มาครอง หากไม่ใช่ เช่นนั้นย่อมมีลับลมคมในแล้ว” ลู่อี้เอ่ยด้วยความมั่นใจ
“เย่อหยิ่งเสียจริง แต่ก็ต้องยกความเย่อหยิ่งนี้ให้ท่าน” เจี่ยเฉิงผิงถอนหายใจ “หากข้ามีลูกชายเช่นนั้น ข้าคงเย่อหยิ่งยิ่งกว่าท่านเสียอีก แต่ข้าเองไม่ใช่คนเก่งกาจอะไร แม้ข้าจะมีลูกชาย เขาก็คงไม่มีสติปัญญาล้ำเลิศปานนี้”
จือเชียนเข้ามาจากข้างนอก “ใต้เท้า รายชื่อประกาศออกมาแล้ว คุณชายใหญ่ลู่เป็นฮุ่ยหยวน*[1]”
“เป็นดังคาด” เซี่ยคุนเอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยทำให้คนผิดหวังจริง ๆ”
“เพียงแต่เกิดเรื่องแล้วขอรับ” จือเชียนกล่าว “ทันทีที่รายชื่อประกาศออกมา ข้างนอกก็เกิดเสียงอื้ออึงแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ยถาม
[1] ฮุ่ยหยวน หมายถึง ผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งในการสอบฮุ่ยซื่อหรือการสอบระดับประเทศ