บทที่ 641 งานเลี้ยงหมดสนุก
บทที่ 641 งานเลี้ยงหมดสนุก
“ได้ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ!”
เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว เจียงเหยียนหรงกลับไม่มีความตั้งใจที่จะแยกจากลู่จื่ออวิ๋น นางยังคงเดินตามคุณหนูลู่ต่อไป
“จริงสิ น้องหญิงจื่ออวิ๋น ได้ยินมาว่าบ้านพวกเจ้ามีลานฝึกยุทธ์ที่ร้ายกาจทีเดียว ข้าไปดูได้หรือไม่?”
“ได้”
ที่นั่นไม่ใช่พื้นที่ต้องห้ามอะไร แขกที่มาล้วนไปที่นั่นได้หากต้องการ
ลู่จื่ออวิ๋นพาเจียงเหยียนหรงไปยังลานฝึกยุทธ์ นางคิดที่จะสลัดอีกฝ่ายให้พ้นเมื่อไปถึงลานฝึกยุทธ์แล้ว เช่นนี้นางอยากทำสิ่งใดจะได้ทำเสียที
อย่างไรก็ตาม ภายในลานฝึกยุทธ์มีชายผู้หนึ่งกำลังฝึกกระบี่อยู่
ชายผู้นั้นเหวี่ยงกระบี่ในมือ กระบี่นั้นสะท้อนประกายกระบี่ออกมา ร่างอันยืดหยุ่นของเขาประหนึ่งมังกรทะยานพยัคฆ์กระโจน ดูปราดเปรียวเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้โห เก่งกาจจริง ๆ วิชากระบี่ของพี่เจ็ดช่างงดงามยิ่งนัก” เจียงเหยียนหรงร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น หลังจากตะโกนออกไป นางจึงเพิ่งเห็นลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวว่า “น้องหญิงจื่ออวิ๋น เจ้ายังไม่เคยเห็นพี่เจ็ดของข้ากระมัง? นั่นเป็นพี่เจ็ดของข้า ในสกุลเราเขารอบรู้มากที่สุด ฝีมือล้ำเลิศที่สุด และหน้าตาหล่อเหลาที่สุดด้วย”
ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “ข้าไม่สะดวกพบกับชายอื่น เช่นนั้นข้าต้องขอตัวแล้ว คุณหนูเจียงสามารถเล่นกับคุณชายเจียงอยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องเกรงใจ”
“นี่…” เจียงเหยียนหรงมองลู่จื่ออวิ๋นเดินจากไป “พี่เจ็ด ท่านไม่ต้องซ้อมกระบี่แล้ว ผู้อื่นเขาไปแล้ว”
คุณชายเจ็ดสกุลเจียงเดินเข้ามา “คุณหนูลู่ผู้นี้น่าสนใจทีเดียว”
“ท่านลืมคำพูดของท่านปู่ไปแล้วหรือ?” เจียงเหยียนหรงเอ่ย “ตอนนี้สกุลลู่นับวันยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ หากท่านสามารถแต่งงานกับคุณหนูสกุลลู่ได้ เช่นนั้นสกุลลู่ก็จะเกี่ยวพันกับสกุลเจียงของพวกเราอย่างแน่นแฟ้น ไม่อาจหลุดพ้นไปได้อีก ท่านต้องพยายามให้มากขึ้น ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะเอาใจแม่นางน้อยคนหนึ่งไม่ได้”
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นมองไม่เห็นเงาสองพี่น้องสกุลเจียง นางถึงได้ผ่อนฝีเท้าลง
“พี่ชายข้าเป็นจ้วงหยวน ข้าไม่ใช่จ้วงหยวนเสียหน่อย คนเหล่านี้คิดจะทำอะไรกับข้า?” ลู่จื่ออวิ๋นพึมพำ
“จื่ออวิ๋น…” ฉินเหลียนวิ่งตรงมา “เจ้ารีบไปดูทางโน้นเร็วเข้า ทางโน้นมีคนตกน้ำ!”
“บ่าวรับใช้กำลังช่วยคนอยู่หรือ?”
“ตอนที่ข้ามาถึงก็มีคนกระโดดลงไปช่วยแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นเร่งฝีเท้าไปที่สระน้ำทันที
ที่นั่นมีคนมาร่วมชมความครื้นเครงกันมากมายแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดตกลงไปในน้ำ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“ผู้หนึ่งเป็นคุณหนูเจ็ดสกุลหยาง อีกผู้หนึ่งเป็นคุณหนูห้าสกุลสิง” คนที่อยู่ข้างๆ เขาเอ่ยขึ้น “คุณหนูเจ็ดสกุลหยางผู้นั้นกับคุณหนูสามสกุลสิงไม่ลงรอยกัน เมื่อครู่นี้นางพ่ายแพ้ให้กับคุณหนูสามสกุลสิง ขณะที่นางออกมาสูดอากาศก็พบกับคุณหนูห้าสกุลสิงเข้า ในใจพลันโกรธยิ่งกว่าเดิม นางจึงผลักคุณหนูห้าไปหนึ่งที”
“คุณหนูห้าสกุลสิงดึงคุณหนูเจ็ดสกุลหยางไว้ ทั้งสองคนจึงตกลงไปในน้ำด้วยกันเช่นนี้”
“เหตุใดในน้ำถึงมีเลือด ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ?” มีคนถามขึ้นมา
คุณหนูห้าสกุลสิงถูกอุ้มขึ้นฝั่งมาแล้ว
“ท่านพี่…” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นลู่ฉาวอวี่อุ้มสิงเจียซือขึ้นฝั่งมา ปากนางอ้าค้างด้วยความตกใจ
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยกับคนข้าง ๆ “เชิญท่านหมอ”
คุณหนูเจ็ดสกุลหยางก็ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาแล้วเช่นกัน ผู้ที่ช่วยเหลือนางเป็นข้ารับใช้หนุ่มคนหนึ่ง
“เสื้อผ้านี้….” คนที่อยู่ด้านข้างยกมือขึ้นปิดปาก
เสื้อผ้าของคุณหนูเจ็ดสกุลหยางหลุดลุ่ยไม่น้อย เผยให้เห็นไหล่ของนาง สิ่งสำคัญที่สุดคือขณะที่ข้ารับใช้ผู้นั้นเข้าไปช่วยเหลือ เขากอดเอวนางแล้วลากขึ้นมา
เมื่อหันไปมองลู่ฉาวอวี่ที่อุ้มสิงเจียซือ พบว่าเขาช้อนตัวนางขึ้นมาในท่านอน ดูไปแล้วชิดใกล้กัน ทว่าส่วนที่ควรหลีกเลี่ยงล้วนหลีกเลี่ยงแล้ว ไม่ได้แตะต้องนางเลยแม้แต่น้อย
สกุลสิงและสกุลหยางต่างก็รีบรุดมา
ทว่าเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสองสกุลก็เริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
มู่ซืออวี่ในฐานะเจ้าบ้าน แน่นอนว่าย่อมต้องออกหน้าจัดการสถานการณ์นี้ งานเลี้ยงดี ๆ งานหนึ่ง กลับถูกเรื่องที่วุ่นวายนี้ทำให้อารมณ์ในการกิน ดื่ม สนุกสนานของทุกคนหมดลงเสียแล้ว
“เจียซือ เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือ เหตุใดถึงมี…” ฮูหยินสิงกำลังจะร้องไห้ออกมา สาวใช้ของสิงเจียซือจึงโน้มตัวไปกระซิบบางอย่างข้างหูของนาง นางร้องไห้ไม่ออกอีกต่อไป ทำได้เพียงเงียบปากลง
โชคดีที่ยังไม่ได้ร้องไห้ออกมา ไม่เช่นนั้นหากผู้อื่นพบว่าเลือดของลูกสาวนางไม่ได้เกิดจากอาการบาดเจ็บ หากแต่เป็นเพราะระดู เช่นนั้นลูกสาวของนางที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้คงไม่อาจเงยหน้าลืมตาเป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป นางไม่อาจทนแบกรับความอับอายนี้ได้
อย่างไรก็ตาม คนมีระดูไม่อาจสัมผัสน้ำเย็น แต่สิงเจียซือกลับถูกผลักตกน้ำ เช่นนั้นร่างกายของนางจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงหรือ?
“สกุลหยางพวกท่านจะรังแกคนเกินไปแล้ว” ฮูหยินสิงต่อว่าฮูหยินหยาง “ลูกสาวของข้ายังเล็กเท่านี้ อีกทั้งยังป่วยอยู่ ลูกสาวของท่านกลับผลักนางลงไปในน้ำ”
“เด็ก ๆ ก็ทะเลาะกันตลอดไม่ใช่หรือ ฮูหยินสิงไม่ต้องกังวลใจเพียงนี้กระมัง?” ฮูหยินหยางเอ่ย “นอกจากนี้ ที่ตกน้ำก็ไม่ใช่เพียงลูกสาวของท่าน ลูกสาวของข้าก็ตกน้ำด้วยเช่นกัน”
“ลูกสาวของท่านตกน้ำนั่นเป็นความผิดนาง หากนางไม่ได้รังแกลูกสาวของข้า ทั้งสองคนก็คงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ข้าขอบอกท่านไว้เลยว่า วันนี้ท่านต้องให้คำอธิบายดี ๆ แก่พวกเรา!”
“เด็ก ๆ ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ” องค์หญิงใหญ่เอ่ยกับฝูงชน “เหตุใดต้องรบกวนความสนุกของทุกคนด้วยเล่า ดูสิ พวกเจ้าเอะอะวุ่นวายอะไรกัน แม้กระทั่งจ้วงหยวนหลางก็ได้รับผลกระทบไปด้วยแล้ว”
ทุกคนหันไปมองลู่ฉาวอวี่ที่เปียกโชกไปทั้งตัว
“กล่าวไปแล้วยังคงเป็นจ้วงหยวนหลางที่ช่วยคุณหนูห้าสกุลสิงเอาไว้” มีคนเอ่ยขึ้นมา “เมื่อครู่นี้ยังแนบชิดกันเป็นอย่างมาก หากไม่รับผิดชอบแม่นางผู้นี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ดูเหมือนความปรารถนาของคนบางคนจะถูกมองออกเสียแล้ว”
“ทุกท่านอย่าได้พูดจาส่งเดช” ฮูหยินสิงเอ่ย “พวกเรารู้สึกขอบคุณคุณชายลู่เป็นอย่างมากที่ช่วยลูกสาวของข้าไว้ เพียงแต่คุณชายลู่ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ลูกสาวสกุลสิงของเราจะกล้าปีนป่ายขึ้นไปได้อย่างไร? คุณชายลู่ช่วยลูกสาวของข้าเอาไว้ เท่ากับเขาคือผู้มีพระคุณของนาง รอกลับไปถึงสกุลสิงแล้ว ฮูหยินผู้นี้จะส่งของขวัญมาให้เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง”
“ถูกต้อง หากช่วยคนแล้วต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นคุณชายลู่คงน่าสงสารแล้วจริง ๆ” ฮูหยินหยางยิ้มหยัน
“ฮูหยินหยางไม่ยินดียอมรับข้อเสนอนี้เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรเสียเมื่อครู่ทุกคนล้วนเห็นว่าลูกสาวสกุลพวกท่านถูกข้ารับใช้ผู้นั้นช่วยขึ้นมา หากต้องรับผิดชอบเพราะกอดลูกสาวของท่าน เช่นนั้นเรื่องมงคลของลูกสาวท่านคงใกล้เข้ามาแล้วกระมัง?” ฮูหยินสิงยิ้มเยาะ
ฮูหยินหยางเอ่ยด้วยใบหน้าเยือกเย็น “ท่านหมอมาแล้วหรือยัง?”
ท่านหมอรีบรุดมาทันที
ท่านหมอสัมผัสชีพจรของเด็กหญิงทั้งสองที่ตกน้ำแล้วกล่าวว่า “โชคยังดีที่ช่วยพวกนางไว้ได้ทัน ไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ดื่มน้ำขิงสักถ้วยก็ดีขึ้นแล้ว”
“ขอบคุณท่านหมอ”
ฮูหยินสิงหันกลับไปมองลู่ฉาวอวี่แล้วเอ่ยว่า “วันนี้รบกวนจวนท่านแล้ว”
“ไม่ได้รบกวนอะไร” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “พาไปที่ห้องรับรองแขกก่อนเถิด รอคุณหนูสิงฟื้นแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบคุณ” ฮูหยินสิงไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของจวนลู่ “คุณชายเองก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกออกเถิด ระวังจะเป็นหวัดเอาได้”
ส่วนฮูหยินหยาง นางก็รอให้ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอะไรสักอย่างเช่นกัน ทว่าลู่ฉาวอวี่กลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงให้คนรับใช้จัดแจงที่ทางให้พวกนางเท่านั้น
มู่ซืออวี่ปวดหัวตุบ ๆ ขึ้นมา
ถึงแม้นางจะคลอดแล้ว ทว่าความบอบช้ำของร่างกายนางไม่อาจฟื้นฟูได้เพียงชั่วข้ามคืน งานเลี้ยงครั้งนี้นางต้องสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจเป็นอย่างมากในการดูแลแขกเหรื่อ กลับยังมีคนมาก่อปัญหาอยู่ที่นี่อีก นั่นไม่ใช่ทำให้คนขุ่นมัวมากยิ่งกว่าเดิมหรือ!
“ทุกคนแยกย้ายกันไปเถิด ในงานยังมีอาหารอันโอชะอีกมากมาย อย่าได้ปล่อยให้อาหารรสเลิศเหล่านั้นต้องสูญเปล่าเลย” มู่ซืออวี่กล่าว