บทที่ 667 ไม่ต้องกังวล
บทที่ 667 ไม่ต้องกังวล
เซี่ยเฉิงจิ่นส่งน้ำหนึ่งถ้วยให้ลู่อี้
ลู่อี้เหลือบมองเซี่ยเฉิงจิ่นแล้วรับน้ำถ้วยนั้นไป
เขาเงยหน้าดื่มน้ำ
“ใต้เท้าลู่ไม่กลัวว่าน้ำจะมียาพิษหรือ?”
“หากท่านต้องการฆ่าข้า ย่อมไม่ทำเรื่องไร้ความจำเป็นเช่นนี้ นอกจากนี้แล้ว ข้าคิดไม่ออกว่าเหตุใดท่านต้องลงมือฆ่าข้า”
“ท่านและข้าล้วนมีนายของตนเอง บรรยากาศระหว่างอาณาจักรทั้งสามในยามนี้ตึงเครียดมาก หากฆ่าใต้เท้าลู่เสีย ย่อมทำให้อาณาจักรท่านสูญเสียขุนนางคนสำคัญ มีเพียงจะเป็นประโยชน์ไม่มีโทษต่ออาณาจักรเฟิ่งหลิน ยิ่งไปกว่านั้น หากฆ่าใต้เท้าลู่แล้วโยนความผิดให้ราชวงศ์หรือโทษอาณาจักรเหลียง ด้วยทรัพยากรทางการเงินของฮูหยินลู่ ทั่วทั้งใต้หล้าย่อมหลีกเลี่ยงความวุ่นวายโกลาหลที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ผู้ใดกล่าวว่าไม่มีเหตุจูงใจให้ข้าฆ่าใต้เท้าลู่กัน? ไม่ว่าคิดอย่างไร หากใต้เท้าลู่ตายก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อข้ามากอยู่ดี”
“ท่านมาหาข้าโดยเฉพาะเพื่อเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้หรือ?” ลู่อี้เอนตัวลงด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรกันแน่?”
“ข้าต้องการร่วมมือกับใต้เท้าลู่ ข้าเป็นซื่อจื่ออู่อันโหวหลายปีมานี้ ข้าพอมีความเข้าใจเรื่องในราชสำนักของท่านอยู่บ้าง ข้ารู้ว่ามีกลุ่มคนในเงามืดที่พยายามสะสมเงินทุน ชุบเลี้ยงกองกำลังส่วนตน เลี้ยงม้า แม้กระทั่งเพื่อให้ได้อาวุธที่ดีที่สุดมา หลายปีที่ผ่านมาพวกมันยังเข่นฆ่าล้างสกุลใหญ่ ๆ ไปมากมาย กลุ่มคนเหล่านั้นพวกท่านตรวจสอบมานานแล้ว ทว่ามันมักจะเลือนหายไปเสมอ แต่ข้ากลับรู้ข้อมูลบางอย่างมา”
“ท่านคิดจะร่วมมืออย่างไร?”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ยังคงรบกวนใต้เท้าลู่เขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงฮูหยินลู่ว่าท่านปลอดภัยเสียก่อน มิฉะนั้น เกรงว่าบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอาจสร้างความวุ่นวายโกลาหลทั่วทั้งอาณาจักรเหลียง ครอบครัวของท่านคงรู้ข่าวการหายตัวไปของท่านแล้ว หากยังไม่ติดต่อพวกเขาอีก เกรงว่าจะเป็นห่วงท่าน”
“จิ่นอ๋องไม่ได้ส่งของให้ลูกสาวของข้าอยู่หรือ? คนของข้าเกรงว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว เช่นนั้นใช้ช่องทางท่านส่งจดหมายถึงครอบครัวข้าเถอะ!”
เซี่ยเฉิงจิ่น “…”
ที่แท้เขาก็รู้ทุกสิ่ง
ลู่อี้เห็นสีหน้าของเซี่ยเฉิงจิ่นแล้วก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“รอบกายลูกสาวข้ามีผู้ใดเข้าหา ข้าที่เป็นพ่อผู้นี้ย่อมรู้ทุกอย่าง แม้ตัวข้าจะอยู่ในอาณาจักรเหลียง ข่าวพวกเขาแม่ลูกก็ยังคงรายงานมายังข้าตลอดเวลา”
เมื่อมู่ซืออวี่ได้รับจดหมาย โครงการการกุศลทั้งหมดภายใต้ชื่อการกุศลสงบสุขก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ แม้ว่านางจะให้คนของนางจัดการเรื่องเหล่านี้ ทว่านางก็ยังคงยุ่งเสียจนเท้าแทบไม่ได้แตะพื้น
ในยามนี้ จดหมายจากคนที่นางไม่รู้จักทำให้นางรู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งร่าง
“ผู้ใดส่งมา?”
ฉานอีเอ่ย “บ่าวจะถามผู้อื่นดูประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
หลังจากฉานอีไปสอบถามได้ความก็กลับมารายงาน “ไม่มีผู้ใดเห็นเจ้าค่ะ”
“ไม่มีผู้ใดเห็น แต่จดหมายฉบับนี้กลับปรากฏอยู่ในห้องของข้า เช่นนั้นหมายความว่าแม้ในบ้านมีผู้คุ้มกันมากมายเพียงนี้ก็ยังไม่ปลอดภัยอย่างนั้นหรือ?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว
“ในจดหมายเขียนว่าอย่างไรเจ้าคะ?” ซางจือเอ่ยถาม
“นายท่านปลอดภัย เขากำลังพักฟื้นอยู่ในที่แห่งหนึ่ง” มู่ซืออวี่เอ่ย “เรียกเซี่ยคุนมา บอกว่าข้ามีบางอย่างจะสอบถาม”
เซี่ยคุนอ่านดูจดหมาย เขาจดจำลายมือของลู่อี้ได้ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ข้ารู้ว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ทว่าเขาไม่ได้บอกว่าเหตุใดเขาจึงหายไปนานเพียงนี้ อีกทั้งยังไม่ได้เขียนว่าเขาพักฟื้นอยู่ที่ใดด้วย”
“ในเมื่อเราอยู่ไกลเพียงนี้ยังได้รับจดหมายมาแล้ว เช่นนั้นจือเชียนคงไปสมทบกับใต้เท้าลู่แล้ว”
มู่ซืออวี่ได้รู้ว่าลู่อี้ปลอดภัยจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป นางทุ่มเททั้งกายและใจอุทิศตนให้กับกิจการของตนเอง
เมื่อ ‘โครงการการกุศลสงบสุข’ เริ่มดำเนินการในเมืองฮู่เป่ยและเมืองหลวง เหล่าราษฎรล้วนตกตะลึง สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
คำโบราณว่าไว้ ไม่คดโกงไม่เป็นพ่อค้า ทว่าสิ่งที่มู่ซืออวี่ทำในตอนนี้ พวกเขาเห็นเพียงการกุศลและความเสียสละ ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ทำการค้า แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ยังไม่อาจเสียสละได้เพียงนี้เลย
ยามนี้หากมีคนกล่าวถึง ‘เรือนกรุ่นฝัน’ และมู่ซืออวี่เสีย ๆ หาย ๆ แม้เพียงครึ่งคำ คนกว่าครึ่งในเมืองหลวงย่อมลุกขึ้นมาประท้วงเป็นแน่ กล่าวได้ว่ามู่ซืออวี่มีคนมากมายชมชอบ แม้กระทั่งเซวียนอ๋องก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ท่านอ๋อง ฮูหยินลู่ท่านนั้นชนะใจคนมากเกินไปแล้ว พวกเราไม่อาจแตะต้องนางได้แม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นคงได้กลายเป็นศัตรูของราษฎรทั้งโลกนี้”
“ตอนนี้มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น” เซวียนอ๋องเอ่ย “คือไม่อาจปล่อยให้ลู่อี้และจงอ๋องมีชีวิตรอดกลับมายังเมืองหลวงได้!”
อาณาจักรเหลียงและอาณาจักรเฟิ่งหลินไม่รุกรานเข้ามาชั่วขณะ จงอ๋องรั้งอยู่ชายแดนไปก็ไร้ประโยชน์ เขาคงกลับมายังราชสำนักพร้อมกับกองทัพในไม่ช้านี้ ถึงตอนนั้นจงอ๋องมีผลงานทางการทหาร หากคิดจะโต้แย้งอะไรเขา นั่นคงยากยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“ท่านอ๋องกล่าวได้ถูกต้อง”
อย่างไรก็ตาม จงอ๋องฝีมือไม่ย่ำแย่ อีกทั้งรอบกายเขายังมียอดฝีมือมากมาย นอกจากนี้แล้วข้างกายเขามักรายล้อมไปด้วยพยัคฆ์และสัตว์ดุร้ายอื่น ๆ การเป็นศัตรูกับคนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ
สาวใช้ลอบเดินผ่านเฉลียงทางเดิน กลับไปยังเรือนหลักของจวนเซวียนอ๋อง
หยางอีเหรินกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นนางกลับมาก็เอ่ยขึ้น “ได้ยินอะไรมาหรือไม่?”
“ท่านอ๋องและที่ปรึกษากำลังหารือว่าจะกำจัดจงอ๋องและใต้เท้าลู่อี้อย่างไรเจ้าค่ะ”
“โอ้? เพียงแค่กำจัดพวกเขาอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นคนที่บ้านคนสกุลลู่ผู้นั้นเล่า? ล่าสุด ระยะนี้ท่านอ๋องกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะสกุลลู่ต่อต้านเขาหรือ? ลู่อี้ไม่อยู่ เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะกำจัดสตรีกับเด็กเหล่านั้น หากไม่ลงมือยามนี้ เช่นนั้นต้องรอให้ถึงเมื่อใดจึงจะลงมือ?”
“ท่านอ๋องกล่าวว่าไม่อาจลงมือบุ่มบ่ามกับสตรีสกุลลู่เจ้าค่ะ”
“เขาอดทนไม่ไหวแล้วกระมัง?” หยางอีเหรินหัวเราะเยาะออกมา “งานปักปิ่นของลู่จื่ออวิ๋นผู้นั้น หากไม่ใช่หวางเฟยผู้นี้ขวางเขาเอาไว้ ท่านอ๋องผู้ลุ่มหลงในความรักผู้นั้นคงรีบแจ้นไปที่เมืองซานหลินแสดงความยินดีในพิธีปักปิ่นของนางแล้ว เขายังซื้อเครื่องประดับผมเตรียมส่งไปให้นางด้วย เฮอะ หวางเฟยผู้นี้แต่งงานกับเขามานานนม ยังไม่เคยได้รับของขวัญเช่นนี้ ปีศาจจิ้งจอกน้อยถือสิทธิ์อะไรได้ใจท่านอ๋อง เตรียมรถม้า! ข้าจะกลับบ้าน!”
ลู่จื่ออวิ๋นรับผิดชอบการสร้างที่พักบนเกาะ นางเขียนแบบออกมาปึกหนึ่ง โดยอ้างอิงจากภาพแบบที่มู่ซืออวี่ร่างขึ้นมา จากนั้นจึงนำเหล่าช่างฝีมือไปที่เกาะเพื่อปรับปรุงเกาะธรรมชาติเหล่านั้น โดยรักษาทิวทัศน์ดั้งเดิมและสวยงามที่สุดเอาไว้ ผสมผสานกับการเพิ่มบริเวณที่พักอาศัยบางส่วน บริเวณขายอาหาร บริเวณเที่ยวเล่น บริเวณสำหรับการผจญภัย รอทุกอย่างสร้างเสร็จแล้วก็จะสามารถรองรับแขกที่แทบจะอดใจรอเข้าชมไม่ไหวได้ทันที
“คุณหนู ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าวันนี้พื้นผิวน้ำทะเลดูแปลกไปเล็กน้อย?” ติงเซียงเอ่ยทัก “แม้กระทั่งบนท้องฟ้ายังไม่มีนกทะเลแม้เพียงตัวเดียว โดยปกติแล้วมักจะมีนกทะเลจำนวนมากบินไปมารอบ ๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าภาพนั้นงดงามเพียงใด”
“นายช่างหยางบอกว่าวันนี้น้ำไม่ขึ้น”
“ทะเลสงบเพียงนี้ แน่นอนว่าน้ำไม่ขึ้น” ติงเซียงเอ่ย “เพียงแต่บ่าวยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
“อีกประเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว” คนเรือร่างผอมผู้หนึ่งเอ่ย “พี่หญิงติงเซียง ท่านกำลังทำให้ตนเองกลัวกระมัง? วันนี้อากาศดีมาก ขอเพียงท่านเทพท้องทะเลไม่พิโรธ พวกเราจะต้องถึงฝั่งอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“คำพูดของติงเซียงท่านไม่อาจเมินเฉยได้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “บางครั้งท่านต้องเชื่อสัมผัสที่หกของสตรี เชื่อนาง บางคราวอาจทำให้ตนรอดพ้นจากปัญหาได้มากมาย”
ลู่เยี่ยเดินเข้ามาบอกนาง “คุณหนู ข้าจะพาคนไปสำรวจเกาะก่อน”
“ได้”
“ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนั้นกระมัง?” คนเรือร่างผอมผู้นั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พวกเรามาที่นี่บ่อย ๆ ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เกาะเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว ไม่มีสัตว์ป่าที่เป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่กล้าเริ่มการก่อสร้างเป็นแน่”