บทที่ 733 เหนือศีรษะท่านมีพระพุทธองค์อยู่
บทที่ 733 เหนือศีรษะท่านมีพระพุทธองค์อยู่
“องค์หญิงผู้นี้และราชบุตรเขยรักใคร่ลึกซึ้ง เขาจากไปหนึ่งวัน ในใจข้าย่อมกังวลมากขึ้น วันนี้ฝนตกราวกับน้ำตก ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อคิดว่าราชบุตรเขยจะต้องลำบากจากลมหนาวเพียงใด ยิ่งคิดยิ่งกังวล ถึงได้พาข้ารับใช้มาสวดมนต์ขอพรให้สามีที่วัดหรงอัน ด้วยหวังว่าเขาที่อยู่หลินอันจะปลอดภัย องค์หญิงผู้นี้ยินดีมอบชีวิตสิบปีเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เขาได้กลับมาอย่างปลอดภัย”
เมื่อเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ ซ่างกวนหมิงเสียก็ประสานมือเข้าด้วยกัน เงยหน้าขึ้นมองพระพุทธรูปตรงหน้า ดวงตาของนางแดงก่ำ
“องค์หญิงมีรักลึกซึ้งเพียงนี้ แม้กระทั่งข้ายังรู้สึกสั่นคลอน ทว่าวัดหรงอันแห่งนี้เป็นที่ซ่องสุมของกบฏทรยศ ข้าได้รับคำสั่งให้มาตรวจค้นที่นี่ องค์หญิง ท่านอย่าได้เดินไปมามั่วซั่ว ประเดี๋ยวข้าจะเผลอทำร้ายท่านเอาได้”
“กบฏ?” ซ่างกวนหมิงเสียลุกขึ้นยืน “แม่ทัพอู่ องค์หญิงผู้นี้อยู่ที่นี่มาตลอด ไม่เคยพบเห็นกบฏที่ท่านกล่าว ตอนนี้พระพุทธองค์อยู่เหนือศีรษะท่าน ท่านต้องระวังสิ่งที่กล่าว ไม่เช่นนั้นจะเป็นบาปกรรมเอาได้”
“ข้าเป็นแม่ทัพผู้หนึ่ง หากเชื่อในเรื่องบาปกรรมคงต้องโยนดาบในมือทิ้งเปลี่ยนมานับถือพุทธแล้ว” แม่ทัพอู่เย้ยหยัน “วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อค้นหากบฏ ไม่ว่าผู้ใดจะเข้ามาแทรกแซงก็ไร้ประโยชน์”
“องค์หญิงผู้นี้ไม่อนุญาตให้เจ้าแตะต้นไม้ใบหญ้าที่นี่แม้เพียงต้นเดียว!”
“องค์หญิง ท่านไม่อาจตัดสินใจได้” แม่ทัพอู่ส่งสัญญาณมือ
ทหารด้านหลังเขาเตรียมจู่โจมพระภิกษุที่นี่
“ท่านแม่ทัพ” เจ้าอาวาสเอ่ย “วัดหรงอันของเราได้รับการปกป้องด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน แม้ว่าท่านจะมาที่นี่พร้อมกับพระราชโองการจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเพื่อมาตรวจสอบก็ไม่มีผล นอกเสียจากพวกท่านจะไม่เคารพฮ่องเต้พระองค์ก่อนแล้ว”
“เจ้าลาหัวล้าน เจ้าเอาแต่พร่ำเพ้อถึงฮ่องเต้พระองค์ก่อน คิดจะใช้พระราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนขวางข้า ทว่าเบื้องหลังกลับลอบคิดกบฏ วันนี้หากพวกเจ้ากล้าขวางก็แปลว่าร้อนตัวแล้ว เช่นนั้นข้ายิ่งไม่อาจปล่อยพวกเจ้าไปได้” แม่ทัพอู่แสยะยิ้ม “ค้นให้ทั่ว! ค้นหาทุกตารางนิ้ว แม้จะต้องพลิกที่แห่งนี้ขึ้นมา ก็อย่าได้พลาดไปแม้แต่จุดเดียว!”
ซ่างกวนหมิงเสียและเจ้าอาวาสมองหน้ากัน
สายตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล
แม้ว่าทางเข้าห้องลับจะมีกลไก ผู้ที่ไม่รู้วิธีเปิดย่อมไม่อาจหาห้องลับพบ ทว่าตราบใดที่เพชฌฆาตเหล่านี้ยังไม่กลับไป พวกเขายังคงไม่กล้าวางใจ
แม่ทัพอู่คว้าตัวเณรน้อยผู้หนึ่งไว้ พาดกระบี่ในมือลงบนคอสามเณร
“ที่นี่มีห้องลับกระมัง? บอกมาว่าทางเข้าอยู่ที่ใด?!”
เณรน้อยกล่าวโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า “ท่านแม่ทัพ วัดหรงอันเรามีทั้งหมดเท่านี้ ไม่มีห้องลับอะไรแล้ว”
“ภิกษุวัดหรงอันช่างไม่เกรงกลัวความตายจริง ๆ ปากแข็งยิ่งนัก!” ขณะที่เอ่ย แม่ทัพอู่ก็ง้างกระบี่ในมือขึ้น
เจ้าอาวาสที่ยืนอยู่ตรงหน้าเณรน้อยเอ่ย “หากแม่ทัพจะฆ่าจะแกง ไม่สู้ฆ่าอาตมาเถิด อาตมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ควรเป็นผู้เสียสละ”
“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ตายสมปรารถนา…”
“แม่ทัพอู่” ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เจ้าบังอาจเกินไปแล้วกระมัง! หากวันนี้เจ้ากล้าทำร้ายพระอาจารย์ที่นี่ องค์หญิงผู้นี้จะทำให้เจ้าได้ชดใช้อย่างแน่นอน องค์หญิงผู้นี้รู้ว่าเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ที่ดีของเซี่ยโหวเลี่ย ทว่าวัดหรงอันไม่ใช่เพียงวัดธรรมดา ที่นี่เป็นวัดของราชวงศ์อาณาจักรเฟิ่งหลินเรา กิริยาหยาบช้าที่เจ้าปฏิบัติต่อพระอาจารย์ที่นี่ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความไม่พอใจของราษฎรในใต้หล้า เจ้าคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้น ตาเฒ่าเลอะเลือนเซี่ยโหวเลี่ยผู้นั้นจะช่วยเจ้าได้หรือ?”
“องค์หญิงใหญ่กำลังข่มขู่แม่ทัพผู้นี้หรือ?”
“เจ้าเป็นเพียงแม่ทัพเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง แม้องค์หญิงผู้นี้ข่มขู่ เจ้าจะกล้าฆ่าองค์หญิงผู้นี้หรือ? เซี่ยโหวเลี่ยยังไม่กล้าดูหมิ่นข้า ทว่าเจ้ากล้าลงมือต่อองค์หญิงผู้นี้อย่างนั้นรึ?”
“ท่านแม่ทัพ…”
ทหารที่ออกค้นหาแต่ละคนล้วนกลับมามือเปล่า
แม่ทัพอู่ไม่เต็มใจยอมแพ้ เขามักจะสัมผัสได้เสมอว่าวัดหรงอันมีบางอย่างผิดปกติ
ทว่าเขาไม่กล้าฆ่าพระอาจารย์ที่นี่จริง ๆ
อย่างที่ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ย วัดหรงอันเป็นวัดของราชวงศ์ มีผู้มาจุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ขุนนางหลายคนในราชสำนักก็มาจุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ หากฆ่าภิกษุในวัดจริง ๆ เช่นนั้นย่อมสร้างความโกรธแค้นให้ผู้คนได้อย่างง่ายดาย
เขาแกว่งกระบี่ไปทั่ว ผลที่ได้คือภิกษุแต่ละคนล้วนสงบนิ่ง ไม่แสดงทีท่าตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เป็นดังคาด วัดหรงอันยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ได้ย่อมสมเหตุสมผลแล้ว
“ท่านแม่ทัพ ทำอย่างไรดีขอรับ?”
แม่ทัพอู่เหลือบมองซ่างกวนหมิงเสียแล้วเอ่ยว่า “องค์หญิง ในเมื่อท่านต้องการสวดมนต์ขอพรให้ราชบุตรเขยที่นี่ เช่นนั้น ข้าจะส่งคนมาคุ้มครององค์หญิงสักสองสามคน”
“องค์หญิงผู้นี้เกลียดสุนัขที่เอาแต่เห่าที่สุด ไปให้พ้น!”
สิ้นคำ ซ่างกวนหมิงเสียก็หันไปเอ่ยกับท่านเจ้าอาวาส “ท่านเจ้าอาวาส พวกเราสวดมนต์ต่อเถิด!”
ภิกษุหลายคนที่อยู่แถวนั้นผายมือแสดงท่าที ‘เชิญทางนี้’ ไปทางแม่ทัพอู่ เห็นได้ชัดว่าต้องการขับไล่พวกเขาออกไป
“ท่านแม่ทัพ หากท่านมีอะไรสงสัยก็สามารถรั้งรออยู่ข้างนอกได้” พระอาวุโสเอ่ย “วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจไร้มารยาท ท่านแม่ทัพเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่โหดเหี้ยม ท่านสามารถท่องพระสูตรชำระล้างกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันได้”
แม่ทัพอู่มองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าอึมครึมแล้วเอ่ยกับคนของเขา “พวกเราจะรออยู่ที่นี่ หากข้าพบว่ามีกบฏหลบซ่อนอยู่ พวกเจ้าล้วนหนีไม่พ้น”
“หากท่านแม่ทัพต้องการเฝ้าระวัง พวกเราย่อมไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่พวกเรายังต้องทำวัตรเช้า ท่านแม่ทัพได้โปรดอย่ารบกวนจะดีกว่า เอาเช่นนี้เถอะ ท่านแม่ทัพออกไปรอข้างนอก แล้วจะคอยเฝ้านานเพียงใดก็ทำได้ตามต้องการ”
ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านเจ้าอาวาส หากสุนัขเหล่านั้นไม่ไปให้พ้นก็ให้ภิกษุที่มีวิทยายุทธ์ส่งพวกเขาออกไป หากเกิดอะไรขึ้น องค์หญิงผู้นี้จะริบผิดชอบอย่างเต็มที่ ไม่มีทางดึงพระอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้อง”
“ท่านแม่ทัพ ภิกษุที่ฝึกวิทยายุทธ์ในวัดหรงอันแต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งนะขอรับ” รองแม่ทัพเอ่ยกับแม่ทัพอู่
“พวกเราไปรอข้างนอก!”
ท้ายที่สุดทหารทั้งกลุ่มก็ออกไปแล้ว
เจ้าอาวาสกล่าว ‘อมิตตาพุทธ’ ต่อพระพุทธเจ้า
“องค์หญิงไม่ต้องกังวล ในห้องลับมีอาหารและน้ำดื่ม แม้พวกเราจะไม่ได้ติดต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พระจิ้งอันมีฝีมือด้านการรักษาที่ล้ำเลิศ มีเขาคอยรักษาท่านอ๋องอยู่ข้างใน ท่านอ๋องจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
ภิกษุไม่อาจพูดปด หากเอ่ย ‘วาจาเท็จ’ เช่นนั้นออกมา เขาย่อมลำบากแล้ว
ทว่าในเวลาเช่นนี้ ซ่างกวนหมิงเสียย่อมต้องการคำปลอบใจ
นางมองพระพุทธรูปเบื้องบนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พระพุทธองค์ที่อยู่เบื้องบน ข้าไม่ขอสิ่งอื่นใด เพียงแค่อยากให้สามีและลูกปลอดภัย และขอให้ครอบครัวของพวกเราไม่ต้องแยกจากกันเท่านั้น เรื่องอื่นใดข้าล้วนไม่กล้าฝืนลิขิต”
ภายในห้องลับ พระอาจารย์จิ้งอันและเณรน้อยสามคนคอยดูแลเซี่ยเฉิงจิ่นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เซี่ยเฉิงจิ่นตื่นขึ้นมาก็รับรู้ว่าข้างบนนั้นอันตรายเพียงใด
“พระอาจารย์ ท่านออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกได้หรือไม่?”
“ท่านอ๋อง ท่านต้องเชื่อใจองค์หญิง” พระอาจารย์จิ้งอันเอ่ย “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องรักษาตนเองให้ดีขึ้นโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอันตรายเช่นวันนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
“ข้าทราบ…” เซี่ยเฉิงจิ่นในยามนี้ตกอยู่ในสภาพที่อนาถที่สุดเท่าที่จะอนาถได้
ตั้งแต่เล็กเขาเกิดมาในสกุลขุนนาง มีสถานะที่ทำให้ผู้คนอิจฉา แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ยังไม่กล้าต่อกรกับเขา อย่างไรเสียสถานะของเขาก็พิเศษยิ่ง ทว่าผ่านมาหลายปี เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายนับไม่ถ้วน ยามนี้เขาเปรียบเสมือนเนื้อแกะย่างบนตะแกรง หากไม่หาวิธีออกจากสภาพจนตรอกในตอนนี้ ไม่ช้าไม่นานย่อมถูกผู้อื่นเฉือนกิน
ฉึก! พระอาจารย์จิ้งอันตัดเนื้อเน่าออกจากร่างกายชายหนุ่ม
หน้าผากเซี่งเฉิงจิ่นมีเม็ดเหงื่อผุดพราย
เขากำสร้อยข้อมือที่สวมอยู่เอาไว้แน่น
เซี่ยเฉิงจิ่นต้องการมีชีวิตอยู่ เขาต้องกลับไปหาเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ พวกเขายังต้องแต่งงานและมีลูกด้วยกันหลาย ๆ คน