สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 740 ฝ่าบาทเสวยขนมเถิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 740 ฝ่าบาทเสวยขนมเถิด

บทที่ 740 ฝ่าบาทเสวยขนมเถิด

ฟ่านหยวนซีเอนกายลงบนบัลลังก์มังกรราวกับตนเองไม่มีกระดูก

บัลลังก์มังกรใหญ่มาก เขาเหยียดกายลงอย่างเกียจคร้าน ประหนึ่งราชสีห์ผู้ที่ทั้งสูงศักดิ์และอันตราย

ฮ่องเต้ไม่ได้สวมใส่อาภรณ์มังกร เพียงใส่อาภรณ์ปักดิ้นสีดำ ชายเสื้อปักด้วยลายพยัคฆ์เท่านั้น

ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ทว่าดวงตากลับดุร้าย เมื่อรวมกับพยัคฆ์บนอาภรณ์ที่สวมใส่แล้ว ดูไม่น่าแตะต้องเป็นอย่างยิ่ง

ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกว่าคอของตนเริ่มเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

ฟ่านหยวนซีเฝ้ามองฮองเฮาน้อยที่เพิ่งร่วมหอก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ราวกับเบื้องหน้านางมีสิ่งกีดขวางมากมาย เขาเหลือบมองดูที่พื้นพบว่า มันทั้งราบเรียบแลไม่ได้มีสิ่งกีดขวาง นางคิดจะเดินแบบนั้นมาถึงเมื่อไหร่กัน?

เขาเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ ตามจังหวะย่างก้าวของนาง

ในที่สุดซ่างกวนจิ่นซิ่วก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าฟ่านหยวนซี

นางวางขนมลงตรงหน้าเขาแล้วเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว “ฝ่าบาท นี่เป็นขนมที่หม่อมฉันทำมาเพื่อฝ่าบาทเป็นพิเศษเพคะ ฝ่าบาทลองชิมดูเถิด”

ฟ่านหยวนซีเหลือบมองจานแวบหนึ่ง “นี่คืออะไร?”

“ขนมดอกหอมหมื่นลี้เพคะ”

“ขนมดอกหอมหมื่นลี้ เจ้าทำมาเพื่อข้าเป็นพิเศษหรือ?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ

ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกว่าท่าทีของฮ่องเต้แปลกไปเล็กน้อย

นางกล่าวตามที่หลีเซียงกำชับแล้วนี่นา มีปัญหาอะไรหรือ?

ฮองเฮาน้อยค่อย ๆ ทบทวนอย่างถี่ถ้วน จนแน่ใจว่าไม่มีตกหล่นและไม่ได้เกินไปแม้แต่คำเดียว อีกทั้งยังไม่ได้พูดผิดไปแม้เพียงนิด นางเอ่ยเหมือนกับที่หลีเซียงสอนทุกกระเบียดนิ้ว

หลีเซียงกล่าวว่า หากพูดเช่นนี้จะทำให้ฝ่าบาทมีความสุข

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขากลับแปลกพิกล ดูไม่เหมือนคนมีความสุขเลยสักนิด

“ฝ่าบาท ลองชิมดูสักคำเถิดเพคะ!” ซ่างกวนจิ่นซิ่วกล่าว

“หากเจ้าไม่ส่งมา ข้าจะทานได้อย่างไร?” ฟ่านหยวนซีกล่าวนิ่ง ๆ

ซ่างกวนจิ่นซิ่วหยิบขนมขึ้นชิ้นหนึ่งส่งให้เขา ทว่าแทนที่จะยื่นมือออกมารับ เขากลับก้มหน้าลงกินขนมในมือที่นางส่งให้

ใบหน้าของซ่างกวนจิ่นซิ่วแดงเรื่อขึ้นมา

“ยกขึ้นมาสูง ๆ” ฟ่านหยวนซีกล่าว

ซ่างกวนจิ่นซิ่วยกแขนขึ้นเล็กน้อย แล้วส่งขนมไปทางฮ่องเต้

ขนมดอกหอมหมื่นลี้ชิ้นไม่ใหญ่นัก ทานสองคำก็หมดแล้ว เมื่อกัดคำที่สอง ฟ่านหยวนซีจึงละเลียดนิ้วของฮองเฮาน้อยเข้าไปในปากด้วย เขาไล้เล็มนิ้วเล็กเบา ๆ

ซ่างกวนจิ่นซิ่วตื่นตระหนกรีบถอนนิ้วออกมา แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ด

“ฝ่าบาท หากไม่มีอะไรจะรับสั่งแล้ว หม่อมฉัน…”

“ฝ่าบาท…” ฟางกงกงเปิดประตูเดินเข้ามา “นายวิเสท*[1] หยางจากห้องเครื่องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

ฟ่านหยวนซีเห็นซ่างกวนจิ่นซิ่วคิดจะออกไปจึงคว้าแขนของนางเอาไว้แล้วดึงให้นั่งลงข้าง ๆ

ซ่างกวนจิ่นซิ่วนั่งลงบนที่ว่างครึ่งหนึ่งของบัลลังก์มังกร พลันรู้สึกหวาดผวาขึ้นมา

หัวของนางอยากจะเปลี่ยนที่อยู่แล้วใช่หรือไม่?

“ให้เขาเข้ามา” ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างเยือกเย็น

ไม่นานนัก ‘คนตัวกลม’ อวบอ้วนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในประตูพระตำหนัก

‘คนตัวกลม’ หยุดฝีเท้า คุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะคำนับฟ่านหยวนซีพลางร้องขอความเมตตา “ฝ่าบาททรงอภัยด้วยเถิด ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตข้า เป็นความหละหลวมของบ่าวทำให้ผู้อยู่เบื้องล่างกระทำความผิดพลาดใหญ่หลวงแล้ว”

“ว่ามา เจ้าทำอะไรผิดพลาด?” ฟ่านหยวนซีเกลี่ยนิ้วซ่างกวนจิ่นซิ่วเล่น

ฮองเฮาน้อยรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ปะทุมาจากบุรุษข้างกาย ส่วนที่เขาแตะต้องพลันร้อนผ่าวดั่งไฟเผา

“เมื่อครู่นี้บ่าวไปกรมวังเพื่อเอาของบางอย่าง ไม่ได้อยู่ในห้องเครื่อง เมื่อกลับมาก็พบว่าขนมดอกหอมหมื่นลี้ที่แต่เดิมเตรียมไว้ให้สัตว์เลี้ยงของฝ่าบาทหายไป บ่าวคิดว่าข้ารับใช้จากตำหนักเซียวเหยานำขนมดอกหอมหมื่นลี้ไปแล้ว ทว่าภายหลังจึงได้รู้ว่าบ่าวที่มาใหม่มอบขนมให้พระนางฮองเฮา อีกทั้งพระนางฮองเฮาก็นำมาที่พระตำหนักหย่างซิน…”

ซ่างกวนจิ่นซิ่ว “…”

นี่หมายความว่าอย่างไร?

ช้าก่อน นางต้องทำใจให้สงบเข้าไว้!

ขนมดอกหอมหมื่นลี้นี้ไม่ได้มีไว้ให้คนทาน หากแต่มีไว้ให้ ‘สัตว์เลี้ยง’ ตำหนักเซียวเหยากินอย่างนั้นหรือ?

เมื่อครู่นี้ท่าทางของฝ่าบาทดูแปลกพิกล หรือเขารู้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว?

“ฝ่าบาท…” ซ่างกวนจิ่นซิ่วดึงชายเสื้อของฟ่านหยวนซี “ท่านจำได้นานแล้วใช่หรือไม่?”

ฟ่านหยวนซีเหลือบมองหญิงสาว “ขนมดอกหอมหมื่นลี้มีลายสัตว์อยู่ข้างบน”

หมายความว่ามีไว้ให้สัตว์กิน

ส่วนของที่คนกินและสัตว์กินแตกต่างกันหรือไม่นั้น…

แน่นอนว่าย่อมแตกต่าง

“เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่เตือนข้าเล่า?” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเริ่มตระหนกขึ้นมาแล้ว “เสวยแล้วจะท้องร่วงหรือไม่?!จะเป็นพิษหรือไม่?! จะส่งผลเสียต่อร่างกายหรือไม่?!”

เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของฮองเฮาน้อย ฟ่านหยวนซีพลันรู้สึกว่า ‘คนตัวกลม’ ที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นน่ารำคาญอยู่บ้าง

“นายวิเสทหยาง…”

“บ่าวอยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ทั้งห้องเครื่องถูกหักเบี้ยหวัดครึ่งเดือน เจ้าถูกหักเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน และลดขั้นเหลือเพียงรองวิเสท”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ขอเพียงแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก็ดีแล้ว

นายวิเสทหยางรู้สึกราวกับตนมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งทันที

ครานี้โชคดียิ่งนัก

“เหตุใดยังไม่ไปให้พ้นอีก?”

“ไป บ่าวไปประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

นายวิเสทหยาง ‘ออกไปให้พ้น’ แล้ว

เดิมทีซ่างกวนจิ่นซิ่วกังวลเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเห็นการจัดการอย่างรวดเร็วฉับไวของฮ่องเต้ นางพลันอ้าปากกว้าง ราวกับตะลึงงันไปแล้ว

แววตาของฟ่านหยวนซีปรากฏรอยยิ้มแวบขึ้นมา

ฮ่องเต้ผู้โหดเหี้ยมจับท้ายทอยของฮองเฮาน้อยให้ค้อมหัวลงมารับขนมนุ่มหยุ่นเข้าปาก จากนั้นก็กลืนกินอย่างตะกรุมตะกราม

“อื้อ…”

ซ่างกวนจิ่นซิ่วกำเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

หัวใจของนางเต้นระรัว

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

ครู่ถัดถัดไปใจดวงนี้จะกระเด้งกระดอนออกมาหรือไม่?

นางแทบหายใจไม่ออกแล้ว

ฟ่านหยวนซีมองสตรีที่หมดสติไปในอ้อมแขนของเขา

เขาอยากแสดงให้ขุนนางที่เคยขอให้เขารับสนมเข้ามาเพิ่มเห็น แค่ฮองเฮาเพียงผู้เดียวก็ทำให้เขาวุ่นวายแทบตายแล้ว หากมีสตรีเพิ่มเข้ามาอีกหลายคน ชีวิตเขาจะไม่สั้นลงหรือ?

“ขันที…”

“ฝ่าบาท” ฟางกงกงเดินเข้ามา

“เจ้าให้คนของฮองเฮากลับไปที่ตำหนักจิ่นซิ่วก่อน วันนี้ฮองเฮาจะรั้งอยู่ที่นี่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฟ่านหยวนซีอุ้มซ่างกวนจินซิ่วเข้าไปในห้องข้างใน

ซ่างกวนจิ่นซิ่วเพียงแค่หมดสติเพราะไม่รู้วิธีควบคุมลมหายใจ ไม่นานนัก นางก็ฟื้นขึ้นมา อีกทั้งยังพบว่าตนนอนอยู่บนเตียงแสนอบอุ่น

หญิงสาวคิดว่ากลับมาที่ตำหนักตนเองแล้ว จึงเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความดีใจ

นางชนเข้ากับ ‘ไม้กระดาน’ เข้าอย่างจัง

ซ่างกวนจิ่นซิ่วลูบหน้าผากตนเอง ขมวดคิ้วให้ ‘ไม้กระดาน’ ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงพบกับความจริงที่เลวร้าย

เพราะ ‘ไม้กระดาน’ แท้จริงแล้วคือฝ่าบาท!

เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้?

“ฝ่าบาท” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเด้งตัวลุกขึ้นนั่งราวกับทำอะไรผิด “หม่อมฉันรู้ความผิดแล้ว หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ”

“เจ้าหมายถึงเรื่องที่ให้ข้ากินอาหารสัตว์ หรือเรื่องที่เกือบทำให้ข้าช้ำในเล่า?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยนิ่ง ๆ

ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกผิดจนไม่กล้ามองไปที่เขา

ฟ่านหยวนซีกุมหน้าอกตนเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ดูเหมือนว่าเรา… จะถูกพิษแล้วจริง ๆ อีกทั้งยังถูกเจ้าตีซ้ำอีก ทั้งถูกพิษทั้งบาดเจ็บภายใน… อึก…”

“ฝ่าบาท อย่าทำให้หม่อมฉันกลัวสิเพคะ! หม่อมฉันจะเชิญหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้…”

ซ่างกวนจิ่นซิ่ววิ่งลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า แต่วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีคนอุ้มนางขึ้นมาเสียก่อน

ฮองเฮาน้อยส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อนางเห็นว่าคนที่อุ้มนางคือฮ่องเต้ แลเขาดูไม่เหมือนถูกพิษแม้แต่น้อย สีหน้ายังดูดียิ่ง “ท่านโกหกข้า!”

นางต่อว่าด้วยสีหน้าฉุนเฉียว

ฟ่านหยวนซีอุ้มนางกลับไปที่เตียงแล้วกล่าวว่า “หากไม่ทำให้เจ้ากลัวบ้าง ครั้งหน้าฮองเฮาของเราคงจะทำบางอย่างที่อาจหาญยิ่งกว่า”

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ซ่างกวนจิ่นซิ่วพึมพำ “เห็นได้ชัดว่าท่านก็รู้ เหตุใดยังกินอยู่เล่า?”

“เจ้าไม่ได้บอกว่าเตรียมมาให้ข้าเป็นพิเศษหรือ? ข้าเลยลองจินตานาการดูว่าหากเจ้ารู้ความจริง เจ้าจะมีสีหน้าเช่นไร” ฟ่านหยวนซีกอดซ่างกวนจิ่นซิ่วเอาไว้แล้วนอนลง “ฮองเฮาผู้นี้ชักจะกล้าหาญขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เจ้าไม่สนใจข้าก็แล้วไปเถิด แต่กล้าดีอย่างไรมาหลอกลวงกัน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าฆ่าเจ้าได้”

ซ่างกวนจิ่นซิ่ว “…”

เดิมทีรู้สึกกลัวเขายิ่งนัก ทว่าจู่ ๆ นางก็ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสียด้วย

[1] วิเสท คือ คนครัวในราชสำนัก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท