บทที่ 752 ผู้ใดเป็นคนเปลี่ยน
บทที่ 752 ผู้ใดเป็นคนเปลี่ยน
นายอำเภอกู่มองนายท่านอวี๋
นายท่านอวี๋นิ่งสุขุมเป็นอย่างยิ่ง บนใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มน้อย ๆ ทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
อย่างไรก็ตาม ทุกคนโดยรอบล้วนสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนจากตัวละครเหล่านี้
“นายท่านอวี๋ เรื่องนี้ฟังดูคุ้น ๆ หรือไม่?”
“เรื่องที่ฮูหยินกำลังเล่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่หญิงจริง” นายท่านอวี๋ยอมรับออกมาตามตรง “ทว่า นี่มีปัญหาอะไรหรือ? ถึงแม้พี่หญิงและข้าจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทว่าความสัมพันธ์ของเรายังดียิ่งกว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องสายเลือดเดียวกันบางคนเสียอีก”
“ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินอินเป็นสาวงาม แม้นางจะใกล้สี่สิบแล้ว ทว่ารูปร่างหน้าตานับว่าดีกว่าบุตรสาวเยาว์วัยของนางนัก เสน่ห์ของนางแม้กระทั่งแม่นางน้อยอายุสิบกว่าปียังไม่อาจเทียบได้ ครั้งหนึ่งคนที่ตกหลุมรักคุณหนูอินตั้งแต่แรกพบ ระหว่างสู่ขอแต่งงานยังหันมาตกหลุมรักฮูหยินอินแทนได้ เรื่องนี้ทำให้คุณหนูอินกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วทั้งเมืองฮู่เป่ย”
“เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?!” อินซู่หลานสาวเท้าก้าวเข้ามา “ข้าไม่ได้มีความคับแค้นใจอะไรกับเจ้า เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมเลิกราอีก”
“คุณหนูอินมาแล้วหรือ? ไม่รีบร้อน พวกเรามาค่อย ๆ คุยเรื่องนี้กันดีกว่า” มู่ซืออวี่หาที่นั่งแล้วหย่อนกายลง “ทุกท่านนั่งลงก่อนเถอะ! อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ยาวยิ่ง พวกเราต้องอดทนจึงจะใช้ได้”
“ซู่หลาน…” นายท่านอวี๋หันไปมองอินซู่หลาน “อย่าได้ไร้มารยาท”
อินซู่หลานจ้องมู่ซืออวี่เขม็ง แล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา
นายอำเภอกู่ไม่กล้านั่งข้างมู่ซืออวี่จึงนั่งลงข้างล่างแทน
นายท่านอวี๋มองนายอำเภอกู่พลางครุ่นคิด
เดิมทีเขาคิดว่าสตรีตรงหน้าเป็นเพียงผู้ช่วยที่นายอำเภอกู่ให้มาตรวจสอบคดีนี้ ทว่าดูจากท่าทีที่อีกฝ่ายเคารพนาง เห็นได้ชัดว่าตัวตนของนางย่อมไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้
“ฮูหยินอินเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว เลี้ยงดูคุณหนูอินมาเพียงลำพัง ข้าสงสัยว่าคุณหนูอินรู้สึกอย่างไรกับท่านแม่?” มู่ซืออวี่หันไปมองอินซู่หลาน
“แน่นอนว่าข้าซาบซึ้งใจต่อนาง เคารพนาง”
“แต่เจ้าไม่ได้รักนาง” มู่ซืออวี่กล่าวเรียบ ๆ “สิ่งที่เรียกว่าความกตัญญูและความเคารพนั้นเพียงหลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบเล็ก ๆ ในใจ แต่เจ้าไม่เคยเก็บมาคิดจริงจังแม้แต่น้อย”
“นั่นเป็นมารดาของข้า ข้าจะไม่รักนางได้อย่างไร?!” อินซู่หลานเหลือบมองนายท่านอวี๋แวบหนึ่งแล้วตอบกลับ
“นอกจากเจ้าจะไม่รักนางแล้ว ยังไม่พอใจนางเป็นอย่างยิ่ง เรื่องที่เอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มที่เจ้าพึงใจหันไปชอบมารดาอยู่หลายครั้ง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับฮูหยินอินก็เย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ มารดาของเจ้าพยายามทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าดีขึ้น ทว่าไร้ประโยชน์ ม้าไม้ไผ่ผู้ที่เจ้าชอบกลับมารักมารดาเจ้า ผู้ที่ตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบกลับมาตกหลุมรักมารดาเจ้าตั้งแต่แรกพบเช่นกัน เจ้าเกลียดชังใบหน้าฮูหยินอินและทุกอย่างที่เป็นนาง ภายหลังเจ้ายังทำแม้กระทั่งขโมยบุรุษที่นางชมชอบไป ถูกหรือไม่?”
“ฮูหยินท่านนี้ ท่านพูดจาเลื่อนเปื้อนอะไรกันแน่?” สีหน้าอินซู่หลานไม่น่าดูชมขึ้นมา
“นายท่านอวี๋ ท่านคิดว่าข้ากำลังพูดจาเลื่อนเปื้อนอยู่หรือไม่?” มู่ซืออวี่หันไปมองนายท่านอวี๋
นายท่านอวี๋เอ่ยนิ่ง ๆ “หลานเอ๋อร์และพี่หญิงไม่เข้าใจกันอยู่บ้าง แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นแม่ลูกกัน มีความบาดหมางข้ามคืนกันที่ใด? หลานเอ๋อร์เพียงแค่เอาแต่ใจเล็กน้อย แต่เนื้อแท้ของนางเป็นคนดี ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮูหยินจึงเอาแต่ยึดติดกับเรื่องเก่า ๆ เหล่านี้ไม่ยอมปล่อย นี่เกี่ยวข้องอะไรกับการตายของพี่หญิงกัน”
“แน่นอนว่าเกี่ยวข้อง” มู่ซืออวี่เอ่ย “เมื่อคืนนี้ คนของข้ามาที่จวนอินของพวกเจ้าจึงเห็นเรื่องแปลก ๆ บางอย่าง”
“ใต้เท้ากู่ เรื่องบุกรุกเข้าเรือนผู้อื่นเกิดขึ้นใต้จมูกท่านแท้ ๆ ท่านจะปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจเช่นนี้หรือ?” อินซู่หลานเอ่ย “คนผู้นี้เป็นผู้ใด? นางคิดจะทำอะไร?”
“ข้าเป็นผู้ใดจะอธิบายให้พวกท่านฟังภายหลัง ตอนนี้พวกเรามาพูดเรื่องราวในจวนอินกันก่อนเถอะ” มู่ซืออวี่หยิบชาขึ้นมาจิบ “พูดไปแล้วก็แปลกยิ่ง เมื่อคืนคุณหนูอินเข้าไปในห้องของนายท่านอวี๋ จากนั้นไฟก็ดับลง ต่อจากนั้น… ไม่ต้องให้ข้าสาธยายโดยละเอียดกระมัง?”
นายท่านอวี๋ผู้ที่สงบนิ่งมาโดยตลอดพลันเปลี่ยนสีหน้าแล้ว
นายอำเภอกู่ขมวดคิ้ว “ในเมื่อท่านเป็นนายท่านอวี๋จวนอิน เหตุใดจึงทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้? หากเรื่องนี้ร่ำลือออกไป ท่านอาจสามารถเดินจากไปได้ แต่นางเป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่ง นางยังจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ?”
“เขายังไม่ได้แต่งงาน ข้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน เหตุใดจะไม่ได้?” อินซู่หลานกล่าว “เขาไม่ใช่น้าแท้ ๆ ของข้าด้วยซ้ำ”
“ทุกคนล้วนรู้ว่าเขาคือน้าของเจ้า เจ้าเป็นหลานเขา นอกจากนั้น เจ้า แม่นางน้อยที่ยังไม่ออกเรือนผู้หนึ่ง กลับทำเรื่องเช่นนี้กับบุรุษ พฤติกรรมเช่นนี้พอที่จะทำให้เจ้าถูกลงโทษด้วยการเอาไปขังกรงหมูแล้วแช่น้ำ เจ้ายังจะกล่าวว่าตนไม่ผิดอีกหรือ?”
“ข้าอธิบายได้ เขาไม่ใช่น้าของข้า ข้าไม่ใช่หลานสาวของเขา บุรุษถึงวัยควรแต่งงาน สตรีถึงวัยควรแต่งงาน เหตุใดจะไม่ได้?”
“ได้ เช่นนั้นสมมติว่าพวกเจ้าผู้หนึ่งยังไม่ได้แต่งงาน อีกผู้หนึ่งก็ยังไม่ได้แต่งงาน อาจอยู่ด้วยกันได้ เช่นนั้นหากให้ผู้อื่นรู้ว่าพวกเจ้าฆ่าฮูหยินอิน เช่นนี้คงไม่ต้องกล่าวว่า ‘เหตุใดไม่ได้’ แล้วกระมัง?”
“ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร?” อินซู่หลานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้ากับท่านน้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น ใช่! ข้ายอมรับ ข้าเพียงแค่ไม่ชอบนาง เกลียดนาง ข้าไม่อยากให้นางขวางทางแต่ก็ไม่ได้อยากให้นางตาย”
“ไม่อยาก อย่างนั้นหรือ?” มู่ซืออวี่หันไปมองนายท่านอวี๋ “นายท่านอวี๋ ท่านบอกข้าทีสิว่า ฮูหยินอินตายอย่างไร?”
“ท่านหมอบอกว่านางเป็นกามโรค ท่านหมอจูเขียนเทียบยาผิด นางจึงตายอย่างไม่ทันคาดคิด” นายท่านอวี๋กล่าว
“ผู้ใดบอกว่าฮูหยินอินเป็นกามโรค?”
“แน่นอนว่าท่านหมอกล่าว”
“ท่านหมอคนใด?”
“ท่านหมอจู”
“ท่านหมอจูจริง ๆ หรือ? เด็ก ๆ นำแม่นางฟางหัวที่คอยปรนนิบัติฮูหยินเข้ามา”
สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา ค้อมคำนับก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงยืนกระอักกระอ่วนอยู่ต่อหน้าทุกคน
“แม่นางฟางหัว เจ้าเป็นคนปรนนิบัติฮูหยินอินหรือ?”
“บ่าวปรนนิบัติฮูหยินมาเป็นเวลาห้าปีแล้วเจ้าค่ะ” ฟางหัวเอ่ย “กระทั่งฮูหยินโชคไม่ดีเสียชีวิตไป นายท่านอวี๋จึงตัดสินใจคืนสัญญาขายทาสให้ข้าเพื่อให้ข้ากลับไปบ้านเกิด”
“เจ้าบอกข้า ที่แท้เป็นผู้ใดที่ตรวจชีพจรให้ฮูหยินอินและกล่าวว่านางเป็นกามโรค”
“ท่านหมอจูเจ้าค่ะ”
“ท่านหมอจูจริง ๆ หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เจ้าลองคิดดูอีกครั้งเถิด”
“บ่าว…” ฟางหัวพยายามเค้นความจำ ท้ายที่สุดจึงนึกขึ้นได้
“วันนั้นฮูหยินรู้สึกไม่สบาย บ่าวเป็นห่วงจึงเชิญท่านหมอจูมาตรวจฮูหยินที่จวน ตอนนั้นฮูหยินกำลังพักผ่อน บ่าวจึงให้บ่าวรับใช้คนอื่น ๆ พาท่านหมอจูไปดื่มชารอ ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ตาท่านหมอจูจู่ ๆ ก็มองเห็นไม่ชัด เขาจึงให้เราเชิญท่านหมออีกคนมาตรวจฮูหยินอิน กล่าวไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก ยามนั้นท่านหมอผางกำลังทำแผลให้คุณหนูอยู่พอดี จึงเชิญท่านหมอผางมาช่วย”
“คุณหนูของพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”
“คุณหนูตกจากภูเขาเทียมจึงได้รับบาดเจ็บที่ขา ระยะนั้น ท่านหมอผางจึงมาทำแผลให้คุณหนูที่จวนทุกวันเจ้าค่ะ”
“เหตุใดท่านหมอฮูหยินของพวกเจ้าเป็นท่านหมอจู แต่ท่านหมอของคุณหนูพวกเจ้ากลับเป็นท่านหมอผางเล่า?”
“ข้าชอบผู้ใดก็ใช้ผู้นั้น” อินซู่หลานเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “คนแซ่จูผู้นั้นอายุอานามกี่สิบปีแล้ว มีความสามารถอะไร? แม้กระทั่งหมอที่ดูแลข้า เจ้ายังต้องดึงมายุ่งหรือ?”
“นั่นไม่จำเป็น” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่างไรก็ตาม คราแรกท่านหมอจูยังสบายดี จู่ ๆ เขาก็มองไม่ชัดขึ้นมา จากนั้นยังมีท่านหมอผางอีกผู้หนึ่งอยู่ที่จวน เรื่องทั้งหมดนี้ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?”