ตอนที่ 1 ตาแก่เลอะเทอะรับศิษย์
มู่เถาเยาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ใต้ต้นท้อขนาดใหญ่ที่มีดอกท้อสีชมพูเบ่งบานสะพรั่ง
ร่างเล็กๆ ตกตะลึงไปชั่วขณะ นัยน์ตากลมโตสีน้ำหมึกพราวระยับกลิ้งเกลือกไปมา นอกจากต้นท้อต้นนี้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาและเต็มไปด้วยดอกท้อสีชมพู รอบด้านล้วนมีแต่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงชะลูด บดบังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจนมิด
นางไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กทารกที่ได้แต่ขดตัวอยู่ในผ้าอ้อม พูดได้เพียงคำเดียวว่า ‘แอ้’ สิ่งนี้จะให้นางซึ่งเป็นบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาตลอดยี่สิบปีรับได้ได้อย่างไร!
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้วที่จะคิดว่าทำไมนางถึงกลายเป็นทารกและมาปรากฏตัวอยู่ในป่าทึบแห่งนี้ เพราะตอนนี้นางต้องการเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วน!
มู่เถาเยาโบกแขนน้อยๆ ของนาง เท้าขนาดเล็กจิ๋วเตะปัดป่าย พยายามที่จะร่นผ้าที่หุ้มตัวอยู่ออก
นางไม่คิดปัสสาวะไปทั้งๆ อย่างนั้นเหมือนเด็กทารกหรอกนะ!
หลังจากดิ้นรนอย่างหนักจนเหงื่อออกชุ่มทั้งตัวแต่ก็ร่นออกได้แค่ผ้าชั้นนอก เสื้อผ้าข้างในไม่ว่านางจะเหวี่ยงแขนและขาเล็กๆ นั้นอย่างไรมันก็ไม่ยอมหลุดออกเลย
เนื่องจากนอนราบอยู่ นางจึงต้องพยายามผงกหัวขึ้นและก้มลงเพื่อมองร่างกายใหม่นี้ด้วยดวงตาคู่เล็กๆ เห็นเพียงแต่ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของนางมันแปลกตามาก
นี่ไม่ใช่เครื่องแต่งกายของราชวงศ์เทียนเยว่แห่งแผ่นดินจงโจวของนาง!
นั่งตำแหน่งจักรพรรดินีมากว่ายี่สิบปี สมบัติหายากใดบ้างที่นางไม่เคยเห็น แต่นางไม่เคยเห็นเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน!
อ่า จะกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว!
มือและเท้าป้อมสั้นที่เต็มไปด้วยเนื้อช่างอ่อนปวกเปียก อย่าว่าแต่ไม่สามารถพลิกตัวได้ แค่จะลุกขึ้นนั่งยังไม่มีปัญญา
ในเวลานี้เอง เสียงหอนของหมาป่าตัวหนึ่งก็ดังขึ้นจากในระยะไกล บีบเอา ‘ความเร่งรีบสามประการ[1]’ ที่นางอุตส่าห์กลั้นไว้จนหน้าเขียวคล้ำออกมาจากภายในตัวนางทันที!
โหมกระหน่ำซัดสาด!
ไม่ใช่แค่ปัสสาวะออกมาเท่านั้น แต่ยังมีอุจจาระตามออกมาด้วย…
แอ้ แอ้ แอ้…
จักรพรรดินีมู่เถาเยาผู้ยิ่งใหญ่เกือบจะเป็นบ้าเพราะของเสียที่ขับถ่ายออกมาของตัวเอง!
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือนางรู้สึกหิวหลังจากปลดปล่อยพวกมันออกมา!
รู้สึกหิวท่ามกลางกลิ่นปัสสาวะและอุจจาระ อุแหวะ…
เสียงหอนของหมาป่าและเสียงร้องคำรามของเสือในระยะไกลดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสียงสัตว์ต่างๆ และเสียงวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
จักรพรรดินีมู่เถาเยาแทบอดรนทนไม่ไหวอยากให้ร่างกายเล็กๆ นี้เติบโตขึ้นพรวดพราดเสียเดี๋ยวนั้น แม้ว่าจะโตถึงเพียงวัยที่สามารถเดินเตาะแตะได้ก็ตาม อย่างน้อยหาที่ให้ร่างเล็กนี้ซ่อนตัวได้ก็ยังดี จากนั้นค่อยทำความสะอาดชำระร่างกายที่สกปรกเปรอะเปื้อน!
หากเป็นร่างเดิมของนาง อย่าว่าแต่สระมังกร ถ้ำเสือ ถ้ำหมาป่า ถ้ำงู แบบไหนก็แล้วแต่ นางก็สามารถยืดอกเดินหน้าไปได้อย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด! สัตว์ร้ายเหล่านั้นเมื่อเห็นนาง มีเพียงแค่หนทางเดียวเท่านั้นนั่นคือวิ่งหนีหางจุกตูดไปให้ไกลแสนไกล!
แต่ตอนนี้นางกลับทำได้เพียงหลีกเลี่ยงพวกมัน
อนิจจา เวลานี้นางยังไม่แม้แต่จะคลานได้ด้วยซ้ำ!
บางทีการที่นางยังไม่ถูกกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนพวกนี้ทำเอาขยะแขยงจนตาย ก็เพื่อรอให้ถูกพวกสัตว์พวกนั้นกระทืบตายหรือไม่ก็ถูกจับกิน?
นี่มันน่าสังเวชใจเกินไปแล้ว!
มู่เถาเยาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
นางสามารถคาดเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในระยะไกลบ้างจากเสียงร้องคำรามของสัตว์
โลกของสัตว์นั้นเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตและอาหาร
โดยปกติ สัตว์เหล่านี้จะมีการแบ่งแยกอาณาเขตของตัวเองชัดเจน พวกมันจะไม่บุกรุกหรือวิ่งเข้าไปแย่งชิงอาณาเขตของสัตว์อื่นตามอำเภอใจ คาดว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นถึงทำให้หมาป่าและเสือต่อสู้กัน
สมองน้อยๆ ของมู่เถาเยาแล่นเร็วจี๋ พยายามคิดหาวิธีร้อยแปดเพื่อเคลื่อนย้ายร่างเล็กปวกเปียกนี้ออกจากสถานการณ์วิกฤตและหาที่ซ่อนตัวให้ตัวเอง
หรือไม่ ใช้วิธีกลิ้งไปดีหรือไม่
“ไอ้หยา! ทำไมถึงมีเกี๊ยวน้อยอยู่ตรงนี้ล่ะ”
ชายชราเนื้อตัวสกปรกที่มีตะกร้าสานใบใหญ่แบกอยู่ที่หลังทรุดตัวลงบนพื้นและจ้องมองไปที่มู่เถาเยาอย่างอยากรู้อยากเห็น
แต่ภายในเวลาไม่กี่วินาที เขาก็ยกมือขึ้นบีบจมูกและเขยิบถอยไปเล็กน้อย แต่ยังยืดคอมองแม่เกี๊ยวน้อยในห่อผ้าแล้วพูดว่า “เจ้าตัวเล็ก เอ็งเหม็นกว่าข้าที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันอีกนะ!”
จักรพรรดินีมู่เถาเยาทั้งโกรธทั้งอาย!
แอ้…ข้าเป็นเด็กทารก ย่อมควบคุมการขับถ่ายของตัวเองไม่ได้!
ตาแก่ชั่วร้าย เจ้ามันน่าชิงชัง! จงใจเล่นงานจุดที่เจ็บปวดของผู้อื่นโดยเฉพาะ!
“เฮ้ เจ้าตัวเล็ก โกรธอยู่หรือ แถมยังฟังคำพูดของข้าเข้าใจด้วย ดูเอ็งแล้วเหมือนเพิ่งเกิดได้แค่เดือนเดียว เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเด็กทารกอยู่ในป่าลึกบนภูเขาแห่งนี้ เอ็งคงไม่ใช่ปีศาจดอกท้อตัวน้อยหรอกนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองดอกท้อสีชมพูที่เบ่งบานสะพรั่งเต็มต้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง
แอ้…ข้าไม่ใช่ปีศาจ!
มู่เถาเยาโกรธมาก!
นางเกลียดเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องภูตผีปีศาจเป็นที่สุด เพราะเสด็จแม่ของนางถูกนักพรตสารเลวใส่ไคล้ว่าถูกไอปีศาจครอบงำทำให้แปดเปื้อนจนถูกเผาทั้งเป็น!
แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าทำไมดวงวิญญาณของนางถึงไม่ไปอยู่ในนรกภูมิหลังผ่านความตายแต่กลับมาอยู่ในร่างเล็กๆ นี้ แต่นางไม่ใช่ปีศาจพวกนั้นอย่างแน่นอน!
ชายชราเนื้อตัวสกปรกดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความโกรธของนางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ฟันขาวซี่ใหญ่ของเขาเปล่งประกาย
“เจ้าตัวเล็ก เอ็งคงไม่ได้ถูกคนจงใจเอามาโยนทิ้งที่นี่หรอกนะ ความคับแค้นใจอันใดหนอถึงได้ต้องใช้ทารกเพิ่งคลอดอย่างเอ็งมาระบายความโกรธ!”
แอ้ แอ้ แอ้ แอ้…
“เอ็งรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน ที่นี่เป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเหยียนหวงของเรา! มีสัตว์ดุร้าย แมลงมีพิษ และวัชพืชมีพิษนับไม่ถ้วน! ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่อีกแล้วนอกจากข้า…”
ชายชราพูดจ้อไม่หยุด คุยโวต่อหน้าเด็กทารกว่าเขามีพลังและความสามารถเพียงใด
จักรพรรดินีมู่เถาเยาตะโกนลั่น ใครก็ได้ โยนตาแก่น่าปวดหัวนี่ออกไปจากตรงนี้ที!
อย่างไรก็ตาม เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็น…
แอ้ แอ้ แอ้…
“เพราะฉะนั้นแล้ว เจ้าตัวเล็กเอ็งโชคดีมาก…”
ชายชรายังคงโอ้อวดตัวเองอย่างไม่รู้จบ และในบางครั้งเขาก็ยื่นมือออกไปสะกิดใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวเนียนและแก้มยุ้ยย้วยของมู่เถาเยา
แอ้ แอ้ แอ้…
บังอาจ!
มู่เถาเยาทนไม่ไหวแล้ว มือเล็กป้อมสั้นของนางยื่นไปจับนิ้วชี้ที่ชายชรากำลังจะแหย่หน้านางเล่นอีกครั้ง
ตาแก่เลอะเทอะนี่ หูเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร! เจ้าไม่ได้ยินเสียงร้องของเสือและหมาป่าที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อยๆ หรือ!
นับแต่สมัยโบราณกาลมา เรื่องอย่างเทพเทวดาตีกัน ปลาในบึงรับเคราะห์ [2]มีน้อยหรือ!
ยังไม่รีบอุ้มข้าไปจากตรงนี้อีก!
“เฮ้ อย่างไรเอ็งก็ถูกคนเขาเอามาทิ้งแล้ว อยู่ที่นี่ต่อรังแต่จะกลายเป็นอาหารว่างของพวกเสือและสิงโต ไม่สู้เก็บเอ็งกลับไปเลี้ยงเป็นศิษย์สืบทอดของสำนักข้า”
แอ้ แอ้ แอ้…
ข้าไม่อยากกราบตาแก่ขี้โม้ที่ชอบคุยโตอย่างเจ้าเป็นอาจารย์หรอกนะ!
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่านางยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ติดตามชายชราไปอย่างน้อยก็ไม่อดตายมิใช่หรือ
ในความทรงจำของนาง แผ่นดินจงโจวไม่มีประเทศหรือแผ่นดินใดที่เรียกว่าเหยียนหวง แต่ในฐานะจักรพรรดินี นางรู้ว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือโลกหล้าย่อมมีปุถุชน มีดินแดนอื่นที่แตกต่างออกไปจากแผ่นดินจงโจวที่อาศัยอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ระดับการยอมรับและปรับตัวของจักรพรรดินีมู่เถาเยาสูงมากทีเดียว
“ฮ่า เจ้าตัวเล็ก ดูเหมือนเอ็งจะเข้าใจที่ข้าพูดจริงๆ! ข้าพูดคำหนึ่ง เอ็งก็ร้องตอบมาคำหนึ่ง! เป็นไปได้ไหมว่าพระเจ้าสงสารตาแก่เลอะเลือนอย่างข้าที่ไม่มีผู้สืบทอดก็เลยส่งเด็กมีพรสวรรค์อย่างเอ็งมาเพื่อเป็นศิษย์ข้าโดยเฉพาะ”
(ศิษย์สืบทอดทั้งแปดคน: พวกเราไม่ใช่คนเหรอ…)
แอ้ แอ้ แอ้…
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะสงสารเจ้า แต่เป็นข้าที่ยังไม่ถึงที่ตาย!
คราวนี้ราวกับว่าชายชราได้ยินเสียงร้องตะโกนในความคิดของนางจึงอุ้มนางขึ้นมา
แม้ว่าท่าทางจะไม่ชำนาญนัก แต่ก็ไม่หยาบกระด้าง
มู่เถาเยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้าตัวเล็ก ในฐานะศิษย์สืบทอดของสำนักแพทย์โบราณรุ่นที่หนึ่งพัน ฐานะของเอ็งจะสามารถทำให้เจ้ายืดอกเชิดหน้าเดินเข้าไปอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงของประเทศเหยียนหวงได้อย่างมั่นคง…”
ที่เหลือต่อจากนี้อีกหลายหมื่นประโยค ถูกละไว้เนื่องจากเป็นคำพูดขี้โม้ทั้งสิ้น
มู่เถาเยาอยากจะกลอกตาเมื่อได้ยิน แต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ผล็อยหลับไป
“ดังนั้น ถ้าเกิดมีใครกล้ามารังแกเอ็งในอนาคต เอ็งก็สวนกลับไปได้เลยไม่ต้องกลัว ลูกศิษย์ของข้าหยวนเหยี่ย ไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครที่ไหนก็สามารถ…เอ๋ เจ้าตัวเล็ก ไหงหลับไปแล้วล่ะ อาจารย์ยังไม่ทันพูดถึงกฎในสำนักเลย…”
ชายชราพูดขณะเดินไปพร้อมกับมู่เถาเยาในอ้อมแขนของเขา แม้ว่าคู่สนทนาจะหลับไป แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความปรารถนาที่จะพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไหนขอข้าดูหน่อยสิว่าเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง … ”
ชายชรามองหาหินก้อนใหญ่ วางทารกลง ปลดเสื้อผ้าและผ้าอ้อมเด็กออก
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นยัยหนู! อึเปื้อนไปทั้งตัว ทั้งสกปรกทั้งเหม็นโฉ่! ในฐานะเด็กผู้หญิงเอ็งต้องรู้จักใส่ใจเรื่องสุขอนามัยรู้ไหม! เดี๋ยวอาจารย์หาที่ล้างตัวให้เอ็งก่อน ก้นน้อยๆ จะได้ไม่ชื้นแฉะ…”
[1] ความเร่งรีบสามประการ มาจากสุภาษิตจีน ‘มนุษย์เรามีความเร่งรีบอยู่สามประการ’ หมายถึงภายในหนึ่งวันมนุษย์เราต้องรีบปัสสาวะ รีบถ่ายอุจจาระ และรีบผายลม จนบางครั้งก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ปัจจุบันคนส่วนมากนิยมนำมาอุปมาเรื่องเร่งด่วนในชีวิตประจำวันอย่างการขับถ่าย การรับประทานอาหารเป็นต้น
[2] เทพเทวดาตีกัน ปลาในบึงรับเคราะห์ หมายถึง บุคคลที่มีพลังและอำนาจทะเลาะกันแล้วเดือดร้อนไปถึงผู้น้อย