ตอนที่ 11 พ่อนกน้อยสีขาวตัวเล็ก
หลังจากที่มู่เถาเยาจับชีพจรจากมือทั้งสองข้างของนายน้อย วงคิ้วงามเล็กๆ ของเธอก็ขมวดเล็กน้อย
จริงอยู่ที่ตรวจชีพจรดูก็ไม่พบว่าเขาป่วยเป็นโรคใดๆ แต่อวัยวะภายในของเขากลับอ่อนแรงและไร้กำลังยิ่งกว่าคนแก่อายุแปดสิบหรือเก้าสิบปีเสียอีก
ไป๋เฮ่าอวี๋ถามอย่างกระวนกระวายใจ “หมอเทวดาน้อย นายน้อยของพวกเราเป็นยังไงบ้าง”
“ยิ่งเขาอายุมากขึ้น อาการของเขาก็ยิ่งแย่ลงใช่หรือเปล่า”
“ใช่แล้ว ตอนเด็กๆ แม้จะสุขภาพย่ำแย่ แต่ก็ไม่แย่ถึงขนาดกระทบชีวิตประจำวัน แต่ว่ายิ่งโต ร่างกายก็ยิ่งอ่อนแอลง ตอนนี้เดินได้ไม่กี่นาทีก็หอบหนักแทบจะหมดลมหายใจแล้ว”
นายน้อย “คุณสิหมดลมหายใจ!”
ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”
มู่เถาเยาพยักหน้า “สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ต่างกับชายแก่อายุหนึ่งร้อยปีเลย ยากนักที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ”
ไป๋เฮ่าอวี๋และพ่อบ้านรู้สึกเป็นกังวลใจมาก เอ่ยถามขึ้นพร้อมกันว่า “แล้วเราควรทำยังไงดี”
“ฉันจะฝังเข็มให้เขาก่อน ดูว่าจะชุบชีวิตอวัยวะภายในและฟื้นกำลังให้เขาได้ไหม”
หากมีแรงจากภายนอกเข้าไปกระตุ้นอย่างเหมาะสม ความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาตินั้นเกินกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้
ต่อให้เทคนิคการฟื้นฟูหยางแบบโบราณของเธอจะไม่สามารถฟื้นพลังของเขากลับมาได้ แต่ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของเขา
ไป๋เฮ่าอวี๋รีบถาม “แล้วเราต้องเตรียมอะไรบ้าง”
“ก็แค่ถอดเสื้อผ้าออก”
ไป๋เฮ่าอวี๋ “…” ไม่กล้า!
นายน้อยชอบคิดบัญชีในภายหลังเป็นที่สุด
พ่อบ้าน “…” ไม่มีทาง!
นายน้อยแต่เดิมก็รังเกียจร่างกายตัวเองที่ไม่มีกล้ามหน้าท้อง ไม่มีซิกแพ็กเหมือนหนุ่มๆ ทั่วไป ทุกครั้งที่อาบน้ำยังต้องสวมเสื้อคลุมอาบน้ำทั้งก่อนและหลังเข้าห้องน้ำเป็นประจำ ไม่เคยยอมเปิดเผยร่างกายของตัวเองให้ใครเห็น
บอดี้การ์ด “…” สยดสยอง!
นายน้อยอิจฉารูปร่างที่ดูดีของพวกเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าให้เขาเปิดเผยเรือนร่างที่ขาวผุดผ่องเหมือนพ่อนกน้อยสีขาวตัวเล็กต่อสายตาของทุกคน คงจะไม่จบแค่อิจฉาเหมือนปกติทั่วไปแน่ๆ!
ในกรณีที่รุนแรง พวกเขาอาจจะถูกสั่งให้กินตลอดทั้งวันและห้ามไม่ให้ออกกำลังกายจนกว่าจะลงพุงเพื่อปรับสมดุลในจิตใจของเขา!
มู่เถาเยาก้มศีรษะลงและหยิบม้วนปลอกเข็มพิเศษออกมาจากกล่องยาขนาดเล็ก คลี่มันออก และเข็มสีทองแวววาวก็เรียงแถวปรากฏต่อสายตาของทุกคน
นายน้อยรู้สึกหนาวยะเยือกในหัวใจของเขา
“สาวน้อย เธอไม่ได้รับอนุญาตให้แทงฉันด้วยเข็ม!”
มู่เถาเยาเมินเขาอย่างสิ้นเชิง มองไปที่ไป๋เฮ่าอวี๋และพ่อบ้านด้วยความสงสัยว่าทำไมพวกเขาไม่ถอดเสื้อผ้าของเขาออกเสียที
“เอ่อ…หมอเทวดาน้อย เรากลับไปฝังเข็มที่ห้องได้ไหม” ไป๋เฮ่าอวี๋ถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่จำเป็น อุณหภูมิตรงนี้กำลังพอดี” ไม่ว่าอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศจะเหมาะสมเพียงใดก็เทียบไม่ได้กับอุณหภูมิตามธรรมชาติ
มู่เถาเยาไม่รอให้ใครทำอะไร เธอก็ถอดเสื้อของนายน้อยออกด้วยตัวเอง
ผิวที่เนียนละเอียดราวกับหยกนั้น ช่างงดงามเสียจนแม้แต่เด็กสาวผู้บอบบางที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจากตระกูลชนชั้นสูงก็เทียบไม่ได้
“สาวน้อย ทำไมเธอถึงหน้าหนาขนาดนี้! เธอกล้าดียังไงมาถอดเสื้อผ้าของผู้ชาย! เธอเคยไปโรงเรียนมาก่อนหรือเปล่า นี่เขาเรียกว่าเป็นการลวนลามนะ เธอเข้าใจไหม!”
นายน้อยต้องการปกปิดหน้าท้องของเขา แต่เขาขยับไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตะโกนใส่มู่เถาเยาด้วยความโกรธ
ฮึกๆ…เขาเผยความลับด้านแย่ๆ เรื่องที่ไม่มีกล้ามท้องออกไปเสียแล้ว!
มู่เถาเยาตอบไปตามจริงว่า “ฉันไม่เคยไปโรงเรียน”
นายน้อยอึ้งไปชั่วขณะ
“เธอไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อนจริงๆ เหรอ แม้แต่การศึกษาขั้นพื้นฐานเก้าปีก็ไม่เคยไปเหรอ”
อย่างน้อยๆ ก่อนที่ร่างกายจะย่ำแย่ลงจนถึงขนาดนี้ ตลอดจนถึงอายุห้าขวบในช่วงที่อาการป่วยยังไม่ทรุดหนักมาก เขาก็ยังเคยใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนช่วงไม่กี่ปีนั้น
“ไม่เคย”
“ถ้าอย่างนั้นเธอรู้หนังสือรึเปล่า เธอจะเรียนได้ยังไงถ้าไม่สามารถอ่านเขียนได้ หมู่บ้านที่เธออยู่คงไม่ได้ชนบทถึงขนาดที่แม้แต่โรงเรียนประถมก็ไม่มีหรอกใช่ไหม”
ประเทศเหยียนหวงของพวกเขาเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับหมื่นปี ความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จะมีสถานที่ที่แม้แต่โรงเรียนก็ไม่มีได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าหมู่บ้านนั้นไม่มีคุณสมบัติ!
ประกายแสงในดวงตาของนายน้อยวูบผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นความสนใจของเขาก็กลับมาตกอยู่ที่ร่างของมู่เถาเยาอีกครั้ง
ดวงตาฟีนิกซ์ที่งดงามยิ่งคู่นั้นเบิกขึ้นเล็กน้อย “ไม่แปลกใจเลยที่เธอกล้าจับผู้ชายถอดเสื้อผ้า กลายเป็นว่าเธอไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน จึงไม่รู้ว่าความอับอายคืออะไร”
มู่เถาเยาสกัดจุดใบ้ของเขาโดยตรง
เสียงของนายน้อยคนนี้น่ารำคาญเกินไปแล้ว! แทบจะแข่งกับอาจารย์ใหญ่ของเธอได้เลย!
เธอไม่ได้รังเกียจอาจารย์ แต่กับนายน้อยคนนี้ไม่ใช่ ทำไมคนอย่างเธอต้องมาทนทรมานเพราะพิษของเขาด้วย!
นายน้อยขยับไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้อีก จึงทำได้เพียงมองเข็มสีทองค่อยๆ ปักลงบนร่างกายของเขาเรื่อยๆ อย่างหมดหนทางจนทั้งร่างเต็มไปด้วยหนามเหมือนต้นกระบองเพชร
มู่เถาเยาจดจ่ออยู่กับการฝังเข็ม และเมื่อเข็มทองชุดสุดท้ายถูกฝังลงไปบนจุดชีพจรบริเวณหน้าอก หลัง และศีรษะของนายน้อย ก็นับเข็มทั้งหมดได้จำนวนหนึ่งร้อยแปดเล่มพอดี
หลังจากตรวจสอบอย่างใกล้ชิด พบว่าเข็มทองแต่ละเล่มสั่นเล็กน้อย
หัวใจของเฉิงอันนั่วสั่นสะท้านไม่หยุด
“อาจารย์อาเล็ก นี่เป็นทักษะการฝังเข็มแบบไหนกัน ดูน่าทึ่งมาก!”
“ทักษะศักดิ์สิทธิ์โบราณหุยหยาง”
“ทักษะหุยหยาง? นั่นคงไม่ใช่ทักษะที่ใช้ชุบชีวิตให้ต้นไม้ที่แก่หงำ เรียกคืนความเป็นหนุ่มสาวกลับมาได้หรอกใช่ไหม”
“ก็มีผลช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ใกล้ตายแล้วและสามารถชะลอความแก่ชราได้จริงๆ”
“ถ้างั้นการที่อาจารย์ปู่และคุณปู่ซย่าโหวดูมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ก็เกี่ยวข้องกับทักษะการฝังเข็มชุดนี้?”
ทั้งอาจารย์ปู่และคุณปู่ซย่าโหวมีอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ภายนอกกลับดูเหมือนพ่อของเขาในวัยห้าสิบกว่าปีไม่ผิด
“อืม”
“อาจารย์อา อาจารย์อา ผมขอเรียนได้ไหม” เฉิงอันนั่วดูมีความสุขมาก
“ถึงเรียนไปนายก็ใช้งานมันไม่ได้หรอก มันจำเป็นต้องเคลื่อนกำลังภายในตามไปด้วย”
หัวใจของเฉิงอันนั่วแตกเป็นเสี่ยงๆ!
สายเกินไปไหมที่เขาจะเริ่มเรียนรู้วรยุทธ์เอาตอนนี้ หรือไม่เขาลองกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วกราบปู่ซย่าโหวเป็นอาจารย์ดีไหม
ไป๋เฮ่าอวี๋ที่ฟังการสนทนาระหว่างศิษย์อาหลานคู่นี้มาโดยตลอด ในฐานะแพทย์เช่นเดียวกันเขาจะทนไหวได้อย่างไร
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้นายน้อยเพื่อสังเกตจุดฝังเข็มและระดับความลึกของเข็มที่ฝังลงไปอย่างระมัดระวัง
“หมอเทวดาน้อย คุณบอกว่าการฝังเข็มชุดนี้จำเป็นต้องใช้กำลังภายในขับเคลื่อนไปด้วยอย่างนั้นหรือ”
“จำเป็นมาก” หากไม่มีกำลังภายใน แม้แต่อาจารย์ใหญ่ของเธอหลังเรียนรู้ไปแล้วก็ยังไม่สามารถใช้เป็นได้
คำนวณเวลาดูแล้ว มู่เถาเยาดึงเข็มเก้าเล่มสุดท้ายออกมาก่อน
จากนั้นเมื่อผ่านไปเก้านาที เข็มทั้งเก้าสิบเก้าเล่มก็ค่อยๆ ถูกดึงออกทีละเล่มตามลำดับที่ฝังลงไป
ไป๋เฮ่าอวี๋ “หมอเทวดาน้อย ลำดับการดึงเข็มออกนี่ดูเหมือนจะแตกต่างจากทักษะอื่นๆ”
“อืม สำหรับทักษะหุยหยาง คุณต้องดึงเข็มทั้งเก้าเล่มที่ฝังลงไปในลำดับสุดท้ายออกก่อนเพื่อผนึกพลังที่ถูกปลุกเร้า”
“งั้นถ้าจำไม่ได้ว่าลำดับการฝังเข็มอันไหนก่อนหลังแล้วดึงผิดเล่าจะเป็นยังไง มันจะทำให้พลังที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมากระจายหายไปหรือเปล่า”
มู่เถาเยาเพียงทิ้งคำสองคำออกมาเบาๆ “จะตาย”
ไป๋เฮ่าอวี๋ผงะถอยหลังไปก้าวใหญ่ด้วยสีหน้าซีดเผือด กลัวเหลือเกินว่าความประมาทเลินเล่อของตัวเองจะทำให้เข็มบนร่างของนายน้อยหลุดโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไรอีกเพราะกลัวจะรบกวนหมอเทวดาน้อยและทำให้เธอดึงเข็มผิด เขาไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้!
หลังจากดึงเข็มออก มู่เถาเยาก็จับชีพจรให้นายน้อยอีกครั้ง
แม้จะเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น แต่มันได้ผล พลันก็รู้สึกวางใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
“หมอเทวดาน้อย เป็นยังไงบ้าง ได้ผลไหม”
“ได้ผล…แต่น้อยมาก”
พ่อบ้านยินดีจนแทบบ้า เขาถามออกไปด้วยความตื่นเต้นว่า “หมอเทวดาน้อย งั้นวิธีการนี้สามารถรักษานายน้อยของเราจนหายดีได้หรือเปล่า”
“ฉันจะมาที่นี่เวลานี้ทุกๆ วันอาทิตย์ ค่อยๆ ปรับร่างกายของเขาดูก่อน อีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้นค่อยว่ากัน”
“ได้ๆๆ ขอแค่มีหวังก็พอแล้ว!” พ่อบ้านหลั่งน้ำตาด้วยความยินดี ในที่สุดก็มีข่าวดีให้รายงานไปยังเมืองหลวง!
แววตาของไป๋เฮ่าอวี๋แสดงความนับถือชื่นชม “หมอเทวดาน้อย ทักษะการฝังเข็มชุดนี้คุณสร้างขึ้นมาเองเหรอ”
เขารู้ดีว่าอายุไม่ได้มีความหมายอะไร และไม่คิดจะปฏิเสธความสำเร็จของผู้อื่นเพียงเพราะอายุน้อยกว่า
คนบางคนเกิดมามีพรสวรรค์! เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของความพยายามของคุณอาจเทียบไม่ได้กับหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของพรสวรรค์ของผู้อื่นด้วยซ้ำ!
“นับว่าใช่” พูดให้ถูกมันถูกสร้างขึ้นโดยอาจารย์ในชาติที่แล้วของเธอ แต่เธอไม่สามารถพูดเรื่องชาติที่แล้วออกมาให้ใครฟังได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เคยเห็นหมอเทวดาหยวนใช้ทักษะนี้มาก่อน”
“นั่นเพราะอาจารย์ของฉันไม่มีกำลังภายใน”
มู่เถาเยาเก็บเข็มทอง หยิบปากกาและกระดาษออกมาแล้วเขียนคำสั่งของแพทย์
เสร็จแล้วก็เก็บกล่องยาเล็กๆ แล้วเรียกศิษย์หลานให้ตามออกไป
ไป๋เฮ่าอวี๋ตะโกนร้องเตือน “หมอเทวดาน้อย นายน้อยของเรายังไม่สามารถขยับตัวได้เลย”
“หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงจุดชีพจรที่สกัดไว้จะคลายออกเอง ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นก่อน เสื้อผ้าก็ไม่ต้องสวมให้!” หนูขาวตัวน้อยไม่เชื่อฟัง จำเป็นต้องให้บทเรียนกันบ้าง!
“…ตกลง”