ตอนที่ 30 สติไม่ดีจริงๆ
ตี้อู๋เปียนอยู่กับผู้สูงอายุทั้งสองคนและเจ้าตัวเล็กอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้องของเขา
ที่ขอบหน้าต่าง ดอกฉยงฮวาในกระถางคริสตัลเอนไหวไปมาสองครั้งเพื่อทักทายเจ้านายของมัน
“เสี่ยวฉยง แกรู้จักดอกไม้สองชีวิตไหม”
“ไม่รู้จัก แต่ฟังดูสูงจัง” แค่ดอกไม้เล็กๆ ในเรือนกระจก จะไปรู้จักต้นไม้ดอกไม้มากมายขนาดนั้นได้ยังไง
ดอกฉยงฮวาไม่คิดแก้ไขชื่อของมันจากปากเจ้านายอีก
“งั้นไหนแกบอกฉันสิว่าแกมีประโยชน์อะไร! กินก็กินไม่ได้ สวยก็ไม่สวย ขนาดเป็นพืชเหมือนกันแกยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ!”
ตี้อู๋เปียนมองไปที่ต้นไม้ไร้ประโยชน์ตรงหน้าด้วยสายตาดูถูก
ดอกฉยงฮวา “…” คุณรู้ไหมว่ามีพืชกี่ชนิดในโลกนี้ มันจะไปรู้จักทั้งหมดได้อย่างไร!
มิหนำซ้ำตอนนี้มันยังเป็นเพียงเด็กทารก!
อืม…เด็กทารกในวัยยี่สิบกว่าปี!
แต่ถ้าเทียบกับพฤกษาโบราณที่ยืนต้นอยู่ได้เป็นหมื่นๆ ปี อายุยี่สิบปีของมันก็เป็นเพียงทารกจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?
นี่คืออายุที่คำนวนตามเวลาที่เจ้านายของมันเก็บมันกลับบ้าน อายุที่แท้จริงของมันคือเท่าไรนั้น มันเองก็ไม่ทราบ
แต่ดูจากขนาดตัวที่ยังเล็กอยู่และความสูงที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อยี่สิบปีก่อน ใช่ มันยังเป็นเด็กทารก!
เนื่องจากมีพลังจากกระถางคริสตัลคอยค้ำจุน ยกเว้นความสูงที่แทบไม่กระเตื้องขึ้นสักนิด ร่างกายของมันก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ใบที่เคยเหี่ยวเฉาเหมือนเศษพลาสติกบัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
มันในตอนนี้มีลำต้นที่อวบอิ่มใสกระจ่าง มีจิตวิญญาณสูงส่ง และมันก็งดงามมากเหมือนกับเจ้านายของมัน!
ดอกฉยงฮวาไม่เคยเห็นดอกฉยงฮวาดอกอื่นๆ มาก่อน ดังนั้นมันจึงไม่รู้ว่ามันควรมีลักษณะอย่างไร ตั้งแต่จำความได้มันก็เติบอยู่กับดอกไม้ใบหญ้าและต้นไม้เล็กๆ ในสวนสาธารณะ
ต่อมาคนสวนคิดว่ามันเป็นดอกไม้พลาสติกและถอนมันทิ้งแล้วโยนมันลงในถังขยะ มันร้องไห้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อขอให้คนช่วย จนกระทั่งอู๋เปียนในวัยสามขวบเดินผ่านมาและพบมันเข้า
ในตอนนั้นเจ้านายยังเด็กและไม่รู้ว่าเขามีความสามารถในการสื่อสารกับพืชและสัตว์ มันจึงหลอกเขาให้พามันกลับบ้านได้
นึกถึงเรื่องในอดีตทารกน้อยฉยงฮวาก็รู้สึกปวดใจ
ตี้อู๋เปียนออกแรงดึงนิดหน่อย ใบไม้ของดอกฉยงฮวาก็เกือบหลุดติดมือเขาออกมา
ดอกฉยงฮวารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ฉันจะพาแกไปที่ภูเขาด้านหลัง แกลองถามต้นไม้แถวนั้นดูว่าพวกมันรู้จักดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตหรือเปล่า”
“เจ้านาย ท่านเองก็สามารถสื่อสารกับพืชชนิดอื่นๆ ได้ ทำไมถึงไม่ไปคนเดียวล่ะ ข้างนอกลมแรงขนาดนั้น มืดก็มืด ขืนผิวข้าเปลี่ยนเป็นสีดำขึ้นมาจะทำยังไง”
มุมปากของตี้อู๋เปียนกระตุกยิกๆ
“แกไม่ใช่มนุษย์สักหน่อย จะสนไปทำไมว่าผิวจะดำหรือไม่ดำ อีกอย่างแกเป็นพืช แกกลัวความมืดด้วยเหรอ แกคิดว่าฉันยังเป็นเด็กสามขวบที่สามารถหลอกได้ง่ายๆ อีกเหรอไง”
ดอกฉยงฮวา “…แต่พวกเขาไม่เคยเห็นข้า พวกเขาต้องปฏิเสธข้าอย่างแน่นอน”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับทักษะการสื่อสารของแก ฉันเลี้ยงดูแกมายี่สิบปีแล้ว มาดูกันว่าแกจะทำประโยชน์อะไรให้ฉันได้!”
“ข้ามีประโยชน์อย่างแน่นอน!” ดอกฉยงฮวาเขย่าลำต้นของมันอย่างรุนแรง
มันไม่รู้หรอกว่าตัวมันมีประโยชน์อะไร แต่มันเชื่อว่าสามารถทำประโยชน์ให้เจ้านายได้!
ตี้อู๋เปียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะต้นไม้ที่กำลังเชื่อมั่นในตัวเองสุดๆ เขาไม่สงสัยเลย หากมันมีมือและเท้า มันคงกระโดดขึ้นมาเถียงเขาคอเป็นเอ็นแล้ว!
ดอกฉยงฮวาเห็นรอยยิ้มนี้ของเจ้านายมัน ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกเหมือนโดนปรามาส
“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย! พาข้าไปที่ภูเขาด้านหลังเดี๋ยวนี้เลย! ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านดูว่าข้าทำได้และสามารถหาข้อมูลของหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตมาให้ท่านได้!”
หาพืชสองชนิดนี้เจอ เจ้านายของมันก็จะหายกลับมาเป็นปกติ และมันก็จะสามารถอยู่กับเจ้านายไปได้อีกนานแสนนาน!
อีกหน่อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโยนทิ้งเพราะถูกมองว่าเป็นดอกไม้พลาสติกอีกต่อไป!
ตี้อู๋เปียนออกจากห้องนอนพร้อมกับกระถางดอกไม้คริสตัลในอ้อมแขนของเขา บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งตามหลังเขาไปทันที
พ่อบ้านจงซึ่งกำลังสั่งให้คนทำความสะอาดโต๊ะที่ชั้นล่าง เมื่อเห็นคนสองสามคนเดินลงมาจากบันได เขาก็รีบเข้าไปทักทายและถามว่า “นายน้อย ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปข้างนอกอีกเหรอครับ”
“อืม จะไปเดินเล่นที่เชิงเขาด้านหลังสักหน่อย”
“งั้นผมเรียกหมอไป๋ให้ตามไปด้วย…”
“ไม่จำเป็น ฉันแค่จะเอาดอกฉยงฮวากระถางนี้ไปวางไว้ที่เชิงเขา ให้มันได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติสักพัก”
“เรื่องนี้ ให้ผมไปแทนก็ได้ครับ”
ปล่อยให้นายน้อยที่ร่างกายอ่อนแออุ้มกระถางต้นไม้เดินออกไปข้างนอกเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขาก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าพ่อบ้าน!
ตลอดยี่สิบปีที่พวกเขาเข้ามาอยู่ยังคฤหาสน์แห่งนี้ ชีวิตในแต่ละวันไม่ต่างกับการอยู่ในคุก
กิจกรรมที่วนซ้ำเดิมๆ แม้อาคารที่อยู่จะหรูหราและมีการดูแลอย่างดี แต่มันก็เป็นเพียงกรงขังที่ตัดขาดพวกเขาออกจากโลกภายนอก!
นายน้อยของเขาได้แต่อ่านหนังสือและท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้โลกกว้าง ซึ่งมันน่าสงสารมาก!
พ่อบ้านจงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาการป่วยของนายน้อยเขาจะหายดีในเร็ววัน!
“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวฉันก็กลับมา”
“ก็ได้ครับ”
พ่อบ้านจงสั่งบอดี้การ์ดว่าให้พวกเขาขับรถระวังๆ และดูแลนายน้อยให้ดี
ตี้อู๋เปียนนั่งรถมุ่งหน้าไปยังภูเขาด้านหลัง
เมื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมพบ เขาก็วางกระถางดอกฉยงฮวาลงท่ามกลางต้นไม้มากมาย จากนั้นก็นั่งลงและเอ่ยกำชับมันมัน
“ใช้ทักษะการสื่อสารของแกให้ดี”
“อื้มๆๆ ข้าจะช่วยเจ้านายค้นหาหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าแกหาไม่พบ ฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่และไม่สนว่าแกจะเป็นตายร้ายดียังไงอีก”
“ท่านๆๆ …โหดร้ายที่สุดเลย!”
แม้ว่าดินจะทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่มันก็ชอบกระถางคริสตัลที่สุด! เนื่องจากพลังงานในคริสตัลทำให้มันรู้สึกสบายตัวเหมือนกำลังลอยอยู่ในสายลมอุ่นๆ !
“แกอยู่ดีกินดีมายี่สิบปีแล้ว”
ดอกฉยงฮวา “…” ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะเจ้านายเก็บมันกลับไป มันคงถูกมองว่าเป็นขยะและถูกกำจัดไปนานแล้ว!
“ฉันกลับล่ะ”
“เจ้านาย พรุ่งนี้ท่านต้องมารับข้ากลับไปนะ!” มันกลัวถูกทอดทิ้งจริงๆ !
เท่าที่จำความได้ มันไม่เคยพบเห็นดอกไม้ชนิดเดียวกันกับมันมาก่อน และสถานที่ที่มันอยู่ ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้สีเขียวชะอุ่มงดงาม มันที่มีสีสันแตกต่างจากคนอื่นจึงถูกกีดกันโดยปริยาย
มันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเข้าพวกกับต้นไม้เหล่านั้น
“ฉันมาแน่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแกด้วยว่าจะได้กลับไปไหม” ตี้อู๋เปียนลุกขึ้นยืน หมุนตัวและเดินกลับไปทันที
ดอกฉยงฮวากัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก มองตามแผ่นหลังของเจ้านายตาละห้อย
ต้นท้อมองเด็กน้อยที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมันด้วยความประหลาดใจ มันเขย่ากลีบดอกไม้ให้ตกลงไปบนร่างต้นไม้ในกระถางเล็กๆ
ดอกฉยงฮวาเช็ดน้ำตาของมันครู่หนึ่งและเอ่ยทักทาย “สวัสดีขอรับ พี่สาวต้นท้อ!”
ต้นท้อถอนหายใจ มองสิ่งเล็กๆ ที่ขาดสารอาหารด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่ง มันพูดว่า “ข้าคือท่านย่าต้นท้อต่างหาก”
ดูสิ ทั้งตัวถูกทรมานจนเปลี่ยนเป็นสีขาวหมดแล้ว แถมสายตายังแย่อีก ยังจะรอให้เจ้านายมารับกลับบ้าน ไม่รู้ว่าเสียสติไปแล้วหรือไง!
ดอกฉยงฮวา “…ข้าเห็นท่านสวยมาก เลยคิดว่าเหมาะที่จะเรียกว่าพี่สาว…”
เอิ่ม…
ย่าต้นท้อมองเจ้าตัวเล็กด้วยความสงสารแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นสิ่งใดกัน”
“ข้าคือดอกฉยงฮวา ไม่ใช่สิ่งใด” มันมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าคำพูดของพี่สาวต้นท้อนั้นผิดไปเล็กน้อย
“ดอกฉยงฮวาคืออะไร”
“…ดอกฉยงฮวาก็คือดอกฉยงฮวา”
“เจ้ามาจากที่ไหน ข้าไม่เคยเห็นสายพันธุ์อย่างเจ้าเลยตลอดช่วงอายุสามสิบปีที่ผ่านมา”
“ข้า ข้า ข้าเองก็…ไม่รู้…พี่สาว ท่านรู้จักดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตไหมขอรับ”
ย่าต้นท้อมองดอกฉยงฮวาด้วยสายตาห่วงใยคนปัญญาอ่อน
มันสติไม่ดีจริงๆ
อะไรคือดอกไม้สองชีวิต และอะไรคือหญ้าพิษชีวิต ขนาดชื่อมันยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ดอกฉยงฮวาดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
ย่าต้นท้อเห็นเจ้าตัวเล็กน้ำตาคลอ จึงรีบโอ๋ไปว่า “เอาล่ะๆ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าถามต้นไม้ต้นอื่นๆ ให้ดีไหม”
“ขอบคุณขอรับพี่สาวต้นท้อ”
ต้นท้อสั่นกิ่งก้านของมัน
ดอกฉยงฮวาก็เฝ้ารออย่างเชื่อฟังพลางฟังบทสนทนาของต้นท้อกับพืชชนิดอื่นอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ต้นท้อก็ตอบว่า “ไม่มีพืชที่ชื่อว่าหญ้าพิษชีวิตกับดอกไม้สองชีวิตหรอกนะ แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้จำชื่อผิด”
มันเสียสติไปแล้ว หากจะจำชื่อผิดไปก็เป็นเรื่องปกติ!
“ไม่ๆๆ มันคือดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิตจริงๆ อย่างไรก็ตาม หญ้าพิษชีวิตยังมีอีกชื่อหนึ่งนั่นก็คือสวี่ยหลันหรือกล้วยไม้หิมะ ส่วนดอกไม้สองชีวิตก็ชอบหญ้าจื่อหยางมาก พี่สาวต้นท้อ ท่านช่วยถามให้ข้าอีกรอบได้ไหม”
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวข้าถามให้ใหม่”
“อื้มๆ”