ตอนที่ 35 น้องสาวเย่ว์จืออิ๋ง
อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่ามาถึงมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูราวๆ ห้าโมงสิบนาที
หลังจอดรถที่ลานจอดรถข้างมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็ลงจากรถและเดินมารอที่หน้าประตู
ยามเฝ้าประตูที่เป็นทหารปลดประจำการอายุสามสิบกว่าปี เมื่อเห็นอ้ายโยวอุ้มเด็กทารก จึงเรียกให้เธอเข้ามารอในห้องรักษาความปลอดภัย
มู่เถาเยาออกมาเวลาประมาณห้าโมงยี่สิบนาที
“เสี่ยว…เสี่ยวเถาเยา!”
สองสามีภรรยาอ้ายโยวพูดขึ้นพร้อมกัน และแม้แต่เสี่ยวเหยียนตัวน้อยที่ตื่นขึ้นมาในตอนนั้นก็ยังส่งเสียงร้องน่ารัก ราวกับว่าเขากำลังทักทายหญิงสาวที่กำลังเดินมาทางนี้
มู่เถาเยาขานรับพวกเขาสองคนเบาๆ แล้วมองไปที่ทารกน้อยในอ้อมแขนของอ้ายโยว
เจ้าตัวเล็กกลอกตาไปมาเหมือนรับรู้ได้
“แอ้ๆๆ …”
เมื่อมู่เถาเยาได้ยินเสียงนี้ ภาพวัยเด็กของเธอก็ผุดเข้ามาในสมองทันที
ตอนนั้นเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ก็พูดได้แค่ แอ้ๆๆ …!
นิ้วเรียวขาวซีดอดไม่ได้ที่จะยื่นออกไปแตะที่แก้มของเจ้าตัวเล็กเบาๆ
เสี่ยวเหยียนจับนิ้วของเธอ หัวเราะคิกคัก แล้วเอานิ้วของมู่เถาเยาเข้าปาก
มู่เถาเยายิ้มและหยุดมือของเธอไว้ ไม่ให้เขาเอานิ้วเธอเข้าปากเพื่อเคี้ยว
“เสี่ยวเหยียนของเราดูเหมือนจะชอบพี่สาวเสี่ยวเถาเยานะ!” อ้ายโยวมองไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวและเจ้าตัวเล็กด้วยรอยยิ้มของแม่บนใบหน้าของเธอ
แม้ว่าการแสดงออกของเด็กสาวตัวเล็กจะสงบ แต่มีความอบอุ่นในดวงตาที่เหมือนลูกกวางคู่นั้น
“อืม” มู่เถาเยาก็ชอบเด็กเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าก้อนแป้งคนนี้ หรือลูกเจี๊ยบอ้วนๆ จากตระกูลตี้
เธอรู้สึกว่าตัวเองมีวาสนากับเด็กเป็นพิเศษ
บางทีอาจเป็นเพราะพระอนุชาของเธอที่เธอฟูมฟักเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่แบเบาะจนเติบใหญ่?
เหยียนจื่อเย่ากล่าว “เสี่ยวเถาเยา เราจองห้องส่วนตัวที่ร้านอร่อยสุดๆ ไว้แล้ว พวกเราไปนั่งคุยกันที่นั่นต่อดีไหมครับ”
“ตกลงค่ะ” มู่เถาเยาค่อยๆ คลายมือของเสี่ยวเหยียนที่จับนิ้วเธอไว้ออก
เจ้าตัวเล็กร้อง แอ้ๆๆ ประท้วงออกมาทันที
อ้ายโยวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เธอมองมู่เถาเยาด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและพูดกับลูกชายของเธอว่า “เสี่ยวเหยียน ลูกต้องจำพี่สาวเถาเยาไว้ให้ดีนะครับ”
“อ้าๆๆ …”
มู่เถาเยาหลุดหัวเราะคิกคัก ตอนนี้เธอเกือบจะคิดว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ตรงหน้าสามารถเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ตั้งแต่ยังเป็นทารกได้เหมือนเธอแล้ว
ถ้าทุกคนเป็นเหมือนเธอ เช่นนั้นเสด็จแม่และอาจารย์จะมาที่นี่ด้วยเหมือนกันหรือเปล่านะ…
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! เธอโลภมากเกินไปแล้ว!
หลายคนเดินไปที่ลานจอดรถ เหยียนจื่อเย่าเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะคนขับ ส่วนมู่เถาเยานั่งอยู่ที่เบาะหลังกับอ้ายโยวที่อุ้มเด็กไว้
“เสี่ยวเถาเยา ฉันชื่ออ้ายโยว ลูกชายของฉันชื่อเสี่ยวเหยียน ส่วนพ่อของเขาชื่อเหยียนจื่อเย่า”
“อืม”
“เสี่ยวเถาเยา คุณ…สอนหนังสืออยู่เหรอคะ” อ้ายโยวพยายามที่จะหาบทสนทนาเพื่อลดระยะห่างระหว่างทั้งสอง
แม้ว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้จะยังเด็ก แต่ผู้อำนวยการเฉิงเคยกล่าวไว้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเธอนั้นสูงกว่าเขามาก ดังนั้นผู้มีพระคุณตัวน้อยของพวกเขาคงยังไม่ได้เรียนหนังสืออยู่หรอกใช่ไหม
“ฉันอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องใช้คำสุภาพหรอกค่ะ ฉันอยู่ปีหนึ่ง”
สีหน้าของอ้ายโยวดูประหลาดใจมาก “คุณ…ผู้อำนวยการเฉิงศิษย์พี่ใหญ่ของเธอบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเธอเหนือกว่าเขามาก แล้วเธอจะเป็นน้องใหม่ได้อย่างไร”
“ฉันเรียนนิติเวชศาสตร์ค่ะ ไม่ใช่แพทย์โบราณ” ศาสตร์การแพทย์โบราณของเธอมาถึงคอขวดแล้ว และการเรียนรู้วิชาแขนงอื่นๆ จะเข้าไปช่วยอุดและเสริม จุดที่ยังบกพร่องและขาดอยู่ทำให้สามารถทะลวงระดับไปได้
“เอ๋ นิติเวชศาสตร์เหรอ ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็เรียนคณะนี้เหมือนกัน แถมเขายังเป็นน้องใหม่ปีหนึ่งเหมือนกันด้วย เขาชื่อหยางซี”
“หยางซี…จากเมืองหลวงน่ะเหรอคะ”
“ใช่แล้ว ครอบครัวฝั่งแม่ของฉันเป็นคนเจียงตู แต่ป้าของฉันแต่งงานกับคนเมืองหลวง”
“งั้นพวกเราก็เรียนห้องเดียวกันค่ะ”
“ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้!”
“อืม”
“ฉันขอให้หยางซีพาฉันกับเสี่ยวเหยียนกลับไปที่เจียงตูในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ไว้ฉันจะให้เขานำของกินท้องถิ่นขึ้นชื่ออร่อยๆ กลับมาฝากนะ”
อ้ายโยวเน้นย้ำคำว่า ‘ของกิน’ และ ‘อร่อย’ เป็นพิเศษ
“ตกลงค่ะ ขอบคุณมาก” ไว้รับของท้องถิ่นแล้วค่อยให้ของตอบแทนกลับไปในภายหลังก็ได้
“เสี่ยวเถาเยา ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำต่อให้ฉันขอบคุณเธอเป็นล้านครั้งก็ยังไม่พอ”
“โอเคค่ะ”
อ้ายโยวรู้สึกว่าผู้มีพระคุณตัวน้อยของเธอคนนี้แม้จะดูเฉยเมย แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างเข้ากับคนได้ง่าย
ในความเป็นจริง มีคนจำนวนมากที่ภายนอกแม้จะดูเย็นชาแต่ภายในกลับร้อนรุ่ม
เพียงแต่ว่าด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่ห่างเหิน ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ง่ายๆ เลยไม่มีใครรู้
เหยียนจื่อเย่าซึ่งกำลังขับรถอยู่ที่เบาะหน้า หลังจากฟังผู้หญิงสองคนพูดคุยกัน เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่มากเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
หลังจากผ่านไปราวสี่สิบนาที รถก็มาถึงร้านอร่อยสุดๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง
หลังจากจอดรถในที่จอดรถเฉพาะของทางร้าน เหยียนจื่อเย่าก็เปิดประตูรถให้ผู้หญิงสองคนลงจากรถ จากนั้นก็เดินตามทั้งสองเหมือนผู้ติดตามตัวเล็กๆ ไปยังร้านอาหารส่วนตัวที่ซ่อนอยู่ในตรอกขนาดเล็ก
เมื่อเดินเข้าไปในประตู มู่เถาเยาก็ดึงอ้ายโยวที่กำลังอุ้มเสี่ยวเหยียนให้ถอยหลังไปทางซ้ายสองสามก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนที่วิ่งออกมาเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ชนเข้า
ในเวลานี้เอง เส้นทางเล็กๆ ทางด้านซ้ายของเธอก็มีคนหนึ่งเดินออกมา ทำให้แผ่นหลังของเธอชนเข้ากับหน้าอกของอีกฝ่ายทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะไปชนกับใครเข้า!
มู่เถาเยาเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบสัมผัสร่างกายกับคนแปลกหน้า น่าแปลกที่เธอดูเหมือนจะไม่รังเกียจที่จะสัมผัสกับชายคนนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางจิตใจเธอไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเลย ดังนั้นร่างกายของเธอจึงไม่ตอบสนอง
เธอหันกลับไปมองด้วยความสงสัย
ดวงตาสองคู่ที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนต่างจ้องมองกัน
มู่เถาเยาเกือบจะแน่ใจว่าชายรูปงามคนนี้ตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอ แต่ในไม่ช้าเขาก็ปิดซ่อนมันไว้จนมิด
ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาที่เฉียบคมของเธอ คงไม่มีใครทันมองเห็นมัน
ยกตัวอย่างเช่นอ้ายโยวที่อยู่ข้างๆ เธอและเหยียนจื่อเย่าทางด้านขวา พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลย
“เสี่ยวเถาเยา เธอโอเคไหม” อ้ายโยวถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ”
มู่เถาเยาหันกลับมายิ้มให้อ้ายโยวจางๆ จากนั้นเธอก็หันศีรษะกลับไปเพื่อกล่าวขอโทษชายหนุ่มที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรคนนี้
ชายคนนั้นจ้องมองมู่เถาเยาตาไม่กะพริบและถามว่า “สาวน้อย เธอชื่ออะไรเหรอ”
อ้ายโย่วตื่นตัวขึ้นทันใด ก่อนที่มู่เถาเยาจะทันเอ่ยปากพูด เธอก็พูดแทรกขึ้นว่า “คุณต้องการทำอะไร”
อย่าคิดว่าความหล่อจะดึงดูดใจสาวๆ ได้ง่ายๆ ! ผู้มีพระคุณตัวน้อยของเธออายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น!
เดรัจฉาน!
แต่มู่เถาเยาไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ด้านลบจากชายคนนี้ มิหนำซ้ำเธอยังรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากอีกต่างหาก?
นี่มันแปลกมาก!
เธอมีความทรงจำตั้งแต่มาถึงโลกนี้ครบถ้วน และความจำของเธอก็ดีมาก เธอไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน
แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ รู้สึกดีต่อผู้ชายแปลกหน้าโดยไม่มีเหตุผล
เขาให้ความรู้สึกเหมือนเสด็จลุงรองในชาติที่แล้วของเธอ
เป็นไปได้ไหมว่า…ผู้ชายคนนี้เกี่ยวข้องกับร่างกายนี้!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ มู่เถาเยาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่ได้ต้องการตามหาครอบครัวของเธอแต่อย่างใด ตอนนี้เธอสุขสบายดี
“เสี่ยวเถาเยา?”
เมื่อเห็นว่ามู่เถาเยากำลังเหม่อลอย อ้ายโยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เป็นไปได้ไหมที่ผู้มีพระคุณตัวน้อยจะตกหลุมรักผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ตั้งแต่แรกพบ!
“ฉันโอเคค่ะ”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “อย่ากังวลไป ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ผมแค่คิดว่าสาวน้อยคนนี้มีใบหน้าที่สวยงาม และดวงตาของเธอก็เหมือนกับของผมทุกประการ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่าก็มองขึ้นไปที่ดวงตาของเขา
มันเหมือนกันมากจริงๆ !
เหมือนกันอย่างกับพ่อกับลูกสาว พี่ชายกับน้องสาว!
เอ๋ ทำไมถึงได้รู้สึกว่าโครงหน้าพวกเขาคล้ายกันด้วยล่ะ!
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะแตกต่างกัน แต่ลักษณะโครงหน้านั้นคล้ายกันเล็กน้อยเมื่อมองแวบแรก
จมูกและปากดูไม่เหมือนกัน แต่เมื่อมองผ่านๆ อย่างไม่ลงรายละเอียดมากนัก มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกันเล็กน้อยจริงๆ
ตายแล้ว!!!
สองสามีภรรยาตกตะลึงจนต้องลอบอุทานในใจ
ชายหนุ่มรูปงามที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรผู้มีดวงตากวางมองลงมาที่ดวงตาของมู่เถาเยา
“เสี่ยวเถาเยา ฉันชื่อเย่ว์จือกวง พ่อชื่อเย่ว์หลั่ง แม่ชื่อเป่ยซี มีพี่ชายอีกคนหนึ่งชื่อเย่ว์จือเหิง และ…น้องสาวชื่อเย่ว์จืออิ๋ง”