ตอนที่ 36 เผ่าหมาป่าพระจันทร์ลึกลับ
อ้ายโยว “…” หมายความว่าอย่างไร! นัดบอดเหรอ!
เหยียนจื่อเย่า “…” นี่เป็นวิธีล่าสุดในการไล่ตามสาวๆ เหรอ
เสี่ยวเหยียน “แอ้ๆๆ …”
สีหน้าของมู่เถาเยาไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในใจของเธอมีระลอกคลื่นลูกเล็กกำลังเริ่มโหมซัดเข้าฝั่ง
เธอเข้าใจว่าที่เขาแนะนำคนในครอบครัวมีหมายความว่าอย่างไร
เพียงแต่ แค่เห็นแวบแรกก็สามารถระบุได้แล้วเหรอว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา ไม่กลัวจำคนผิดเลยหรือไง
พลังของสายเลือดมันวิเศษมากขนาดนี้เชียว หรือเป็นเพราะหน้าตาของเธอเหมือนคนในครอบครัวเขามาก
เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของมู่เถาเยา เย่ว์จือกวงก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
เธอตอบสนองต่อชื่อของเธออย่างราบเรียบ ราวกับว่ากำลังฟังชื่อของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
แต่แล้วเขาก็ถอนหายใจอย่างปลงตก
เขาใจร้อนเกินไป
น้องสาวเขาอายุเพียงหนึ่งเดือนตอนที่เธอหายตัวไป ดังนั้นเธอจะมีความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวของเธอได้อย่างไร!
ขณะนั้นเขาอายุได้เพียงห้าขวบ แต่ความทรงจำของเขายังไม่ชัดเจนนัก แล้วเขาจะคาดหวังให้เด็กทารกอายุเพียงหนึ่งเดือนจำครอบครัวของตัวเองได้อย่างไร
ไม่รีบๆ สิบแปดปียังอดทนมาแล้ว เย่ว์จือกวงปลอบตัวเองในใจ
เหตุผลที่เขาสามารถจำน้องสาวของเขาได้ในทันที เป็นเพราะสายเลือดวิเศษของตระกูลเย่ว์และสองคือใบหน้าของเธอที่คล้ายกับป้าเย่ว์เลี่ยงมาก ดวงตาที่เหมือนกับคุณแม่เป่ยซี และปากที่เหมือนคุณย่าราวกับเคาะออกมาจะพิมพ์เดียวกัน…
คนทั้งคนดูไม่เหมือนใครเลย แต่ก็ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับทุกคนเช่นกัน…
น้องสาวของเขาช่างรู้ความโดยแท้ เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวทะเลาะอิจฉากันเอง เลยหยิบองค์ประกอบของแต่ละคนมาผสมกันอย่างละนิดละหน่อย!
“เสี่ยวเถาเยา พวกเธอมาทานอาหารเย็นที่นี่เหรอ จะถือสาหรือเปล่าหากผมขอร่วมด้วยคน”
มู่เถาเยามองไปที่อ้ายโยว เธอไม่ถือสาหรอก แต่เธอเป็นแขก และแขกต้องอิงตามความประสงค์ของเจ้าภาพ
เย่ว์จือกวงมองตามไปเช่นกัน
อ้ายโยว “ฉันไม่ถือสาค่ะ”
เหยียนจื่อเหยา “…”
เห็นได้ชัดว่าอาหารเย็นมื้อนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเลี้ยงขอบคุณผู้มีพระคุณ แล้วทำไมภรรยาเขาถึงยอมให้คนอื่นมารบกวนเธอ
เป็นไปได้ไหมว่าภรรยาของเขาและเขาไม่รู้ใจกันเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
อยากร้องไห้…
อ้ายโยวก็สับสนเช่นกัน สิ่งที่เธอต้องการจะพูดคือ ‘ถือสา’ แต่ไหงพอออกจากปากกลับเปลี่ยนเป็นอีกคำเสียอย่างนั้น
เย่ว์จือกวงยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ล่มบ้านล่มเมืองได้เลย
เหยียนจื่อเย่าเดินนำกลุ่มคนไปยังห้องส่วนตัวที่จองไว้ และหลังจากนั่งลง เขาก็ยื่นเมนูให้มู่เถาเยา “ผมสั่งอาหารที่เป็นเมนูแนะนำขายดีที่สุดในร้านไว้ล่วงหน้าแล้ว เสี่ยวเถาเยาลองดูว่ามีอะไรอีกบ้างที่เธอชอบ”
“ฉันยังไงก็ได้ค่ะ ทานกันก่อน ถ้าไม่พอค่อยสั่งเพิ่มทีหลัง”
“ตกลง”
เย่ว์จือกวงมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมมาก เขาสามารถบอกได้จากคำพูด สีหน้า และการกระทำที่เรียบง่ายของน้องสาวว่าเธอไม่ได้คุ้นเคยหรือสนิทสนมกับครอบครัวทั้งสามคนนี้
“เสี่ยวเถาเยาเป็นคนที่ไหนเหรอ” ทำไมพวกเขาทั้งสามรุ่นค้นหากันนานถึงสิบแปดปีเต็มถึงหาไม่เจอเลย!
“คนจากหมู่บ้านเถาหยวนซานในอำเภอหลินซีเมืองเฟิงตูค่ะ เป็นเขตที่อยู่ใกล้กับป่าดึกดำบรรพ์เซียนโหยวมากที่สุด”
เย่ว์จือกวงลมหายใจสะดุด ความรู้สึกเสียใจพรั่งพรูออกมาจากในอกเขา
“แล้วพ่อแม่ของเธอปฏิบัติต่อเธอ…” ดีหรือเปล่า
“ฉันมีแค่อาจารย์สองคนและอาจารย์แม่หนึ่งคน ไม่มีพ่อแม่หรอกค่ะ”
ไม่ใช่แค่เย่ว์จือกวงคนเดียวแล้วที่รู้สึกเสียใจในตอนนี้ แม้แต่อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่าก็ปวดใจเช่นกัน
เดิมทีพวกเขาคิดว่าสาวน้อยผู้มีบุคลิกแสนพิเศษคนนี้จะเติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นเด็กกำพร้า
“เสี่ยวเถาเยา เธอติดตามหมอเทวดาหยวนตั้งแต่อายุเท่าไรเหรอ” เหยียนจื่อเย่าเป็นกังวลว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานมากในตอนที่เธอยังเด็กเหมือนกับตัวเขาเอง
“ตอนที่อาจารย์ใหญ่เก็บฉันจากป่าดึกดำบรรพ์เซียนโหยว เขาบอกว่าฉันอายุแค่เดือนเดียว”
เย่ว์จือกวงแทบควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่
ใครกันที่ขโมยน้องสาวของเขาและโยนเธอทิ้งไว้ในป่าดึกดำบรรพ์ที่อันตรายแบบนั้น!
เขาสาบานว่าจะตามล่าหามันผู้นั้นและมันจะเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ว์ของเขาไม่ตายไม่เลิกรา!
ในตอนเริ่มต้น เพราะเบาะแสถูกทำลาย อีกทั้งทุกคนยังมุ่งความสนใจไปที่การตามหาน้องสาว ดังนั้นจึงไม่มีใครมีอารมณ์ไปตามหาศัตรู
พวกเขาหาเช่นนี้มาสิบแปดปีเต็ม
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่ว์มีสายเลือดหมาป่าไหลเวียนอยู่ในกาย และสามารถรับรู้ได้โดยธรรมชาติว่าน้องสาวของเขายังไม่ตาย พ่อแม่ของเขาคงเป็นบ้าไปแล้ว
ตระกูลเย่ว์อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าทางทิศตะวันออกและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของแคว้นใดๆ แต่เป็นเขตอิสระที่ทั่วโลกรู้จักกันในชื่อเผ่าหมาป่าพระจันทร์
พวกเขาอยู่ร่วมกับหมาป่าอย่างกลมกลืน ทรัพยากรธรรมชาติของที่นั่นมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก และพวกเขาก็เป็นชนเผ่าลึกลับที่ทุกคนหวาดกลัวแต่โหยหา
หากคุณต้องการเข้าสู่ดินแดนของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ คุณก็ต้องมีบัตรผ่านพิเศษ
อย่างไรก็ตาม บัตรผ่านนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ และต้องผ่านการสืบสวนและคัดกรองหลายครั้งอย่างเข้มงวด ยากยิ่งกว่าการตรวจสอบทางการเมืองของกองทัพเสียอีก
เย่ว์จือกวงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอารมณ์ที่รุนแรงและความกระหายเลือดในใจของเขา เกลี้ยกล่อมตัวเองซ้ำๆ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือแสดงตัวกับน้องสาวของเขาก่อน
“เสี่ยวเถาเยา อาจารย์ของเธอคือหมอเทวดาหยวนเหรอ”
“อืม”
“แต่เท่าที่ฉันรู้ หมอเทวดาหยวนมีลูกศิษย์แค่แปดคน?”
“อืม โลกภายนอกรู้ว่ามีแค่แปดคน หลังจากที่อาจารย์ใหญ่เก็บฉันมาเลี้ยง พวกเราก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซานและอาจารย์ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของฉันต่อสาธารณะ”
ยกเว้นคนในหมู่บ้านเถาหยวนซาน ก็มีเพียงลูกศิษย์สายตรงเพียงไม่กี่คนของอาจารย์ทั้งสองและครอบครัวของพวกเขา และคนตระกูลตี้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ฉันเข้าใจแล้ว เสี่ยวเถาเยา เธอรู้หรือไม่ว่ามีเผ่าที่ชื่อหมาป่าพระจันทร์อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศเหยียนหวง”
“ฉันเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงครั้งหนึ่งค่ะ บอกว่าเป็นเผ่าหมาป่าพระจันทร์ลึกลับ” เธอยังคิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปดูเมื่อไรดี
เย่ว์จือกวงหยิบเขี้ยวหมาป่าที่สลักชื่อเขาออกมาจากกระเป๋าคอมพิวเตอร์และยื่นให้มู่เถาเยา “นี่คือบัตรผ่านของฉัน ยินดีต้อนรับเธอ” กลับบ้าน
มู่เถาเยาจ้องไปที่มือของเขาสักพักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมัน จู่ๆ เอวของเธอก็รู้สึกร้อนผ่าว
ปานรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ประทับอยู่ตรงนั้น…เป็นครั้งที่สองแล้วที่มันร้อนขึ้นมา
ครั้งแรกคือเมื่อหลายวันก่อน ในคืนวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของเธอ ขณะที่เธอกำลังจะเข้านอน เธอก็รู้สึกร้อนขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว
เธอตรวจร่างกายครั้งใหญ่แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร
ในตอนนั้นเธอเดาว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับตัวตนของร่างนี้
ตอนนี้มู่เถาเยามั่นใจแล้วว่าเธอเป็นน้องสาวของผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอ…เย่ว์จืออิ๋ง
เธอก้มศีรษะลงเล่นกับเขี้ยวหมาป่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “น้องสาวของคุณ…ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเธอแล้วถึงได้โยนเธอทิ้งไปหรอกเหรอ”
บนแผ่นดินจงโจว มีหลายครอบครัวที่ไม่ต้องการเด็กผู้หญิง
ทุกวันนี้แม้เทคโนโลยีก้าวหน้าก็ยังมีพวกปิตาธิปไตยอยู่มาก
หัวใจของเย่ว์จือกวงเจ็บแปลบอย่างยากจะทนรับไหวเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่มู่เถาเยาพูด
“ไม่จริงเลย เราทุกคนรักเธอ ครอบครัวของเราตามหาเธอมาสิบแปดปีแล้ว เผ่าเราได้ออกค้นหาหลายครั้ง และที่แคว้นรอบๆ ก็ค้นหาเช่นกัน ทั้งครอบครัวค้นหาตามแหล่งผู้สูญหาย สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และครอบครัวที่รับบุตรบุญธรรมทั่วโลก”
ด้วยเหตุนี้ เผ่าหมาป่าพระจันทร์จึงได้กวาดล้างแหล่งกบดานของกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ไปเป็นจำนวนมาก
นี่คือจุดที่ผู้นำและบุคคลสำคัญในประเทศเพื่อนบ้านรู้สึกสับสนอย่างมาก
เหตุใดชนเผ่าลึกลับที่ใช้ชีวิตของตนเองอยู่หลังบานประตูที่ปิดสนิท จึงมีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าหลังจากจับตาดูเป็นเวลานานและเห็นว่าชนเผ่าลึกลับนี้ใช้กำลังโจมตีพวกป่าเถื่อนและผู้มีอิทธิพลพวกนั้น พวกเขาก็ยิ่งกว่าดีใจและมีความสุขที่ได้เห็นความสำเร็จของชนเผ่าลึกลับ โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกแรงให้เหนื่อยเลย!
ถือเสียว่าชนเผ่าลึกลับอยู่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยทำแบบนี้…
อย่างไรก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง แถมยังไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายสักแดง แล้วจะขัดไปทำไม!
มีเพียงไม่กี่คนที่พวกเขาไว้วางใจและรู้เรื่องการสูญเสียเจ้าหญิงน้อยแห่งเผ่าหมาป่าพระจันทร์ เนื่องจากศัตรูซ่อนอยู่ในที่มืด ดังนั้นยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไร เจ้าหญิงน้อยก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
“น้อง…เสี่ยวเถาเยา ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันไม่ได้โกหกเธอเลย”
มู่เถาเยาเล่นกับเขี้ยวที่ถูกขัดจนเรียบ สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินเป็นเพียงเรื่องเล่าของคนอื่น
เธอเลยวัยที่ต้องการพ่อแม่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญว่าเธอจะมีพ่อแม่หรือไม่
อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่ามองหน้ากัน
ชายคนนี้พูดมากขนาดนี้ เขาเห็นว่าเสี่ยวเถาเยาเป็นเด็กกำพร้าก็เลยคิดว่าเธอเป็นน้องสาวที่หายสาบสูญไปตลอดสิบแปดปีของเขาเหรอ!
นับญาติตอนนี้…ออกจะชุ่ยเกินไปหน่อยหรือไม่ ไม่ต้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แค่มองด้วยตาเปล่าก็จำได้แล้ว?
แม้ว่าดวงตาจะเหมือนกันทุกประการ และใบหน้าก็มีความรู้สึกคล้ายคลึงกัน แต่มีคนกว่าสองหมื่นล้านคนในโลกนี้ที่ดูเหมือนฝาแฝดแต่เป็นเพียงคนแปลกหน้ากันมากมาย!
ไม่ๆๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นงานเลี้ยงขอบคุณผู้มีพระคุณที่พวกเขาจัดขึ้น! ทำไมจู่ๆ ถึงได้สลับบทกลายเป็นผู้ชมเสียอย่างนั้น
อ้ายโยวที่ตระหนักได้ก็พูดขึ้นทันทีว่า “เสี่ยวเถาเยา อาหารยกมาเสิร์ฟหมดแล้ว กินข้าวกันก่อนเถอะ”
“อืม” มู่เถาเยาวางเขี้ยวหมาป่าในมือของเธอลงบนโต๊ะตรงหน้าเย่ว์จือกวง
เย่ว์จือกวงสีหน้าเศร้าสร้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงอารมณ์ที่แท้จริงต่อหน้าคนภายนอกตั้งแต่เขาเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และการแสดงออกของเขา