ตอนที่ 37 อยากเอ็นดูน้องสาว
คนอื่นๆ ยกเว้นเย่ว์จือกวงล้วนรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
มู่เถาเยาปฏิเสธไม่ให้เย่ว์จือกวงไปส่งเธอกลับบ้าน โดยทิ้งไว้เพียงข้อมูลติดต่อเท่านั้น ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถของอ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่า
“เสี่ยวเถาเยา ผู้ชายคนนั้นคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาหรือเปล่าถึงได้พูดแบบนี้” มิฉะนั้นเขาจะเล่าเรื่องส่วนตัวกับคนที่เขาเพิ่งพบหน้าได้อย่างไร
เผ่าหมาป่าพระจันทร์ คือเผ่าลึกลับที่ทรงพลังที่สุดและเป็นตำนาน!
และตระกูลเย่ว์ ก็คือตระกูลของผู้นำเผ่า!
ใช้เวลาถึงสิบแปดปีเต็มเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง มิหนำซ้ำยังไม่ลังเลที่จะเคลื่อนกำลังพลทั้งหมดของตระกูล เห็นได้ชัดว่าคนที่หายตัวไปจะต้องเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลเย่ว์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามข่าวที่ว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ทำลูกสาวตัวน้อยหาย เกรงว่าคงมีไม่กี่คนในโลกนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
แต่ชายคนนี้มีจุดประสงค์อะไรถึงได้บอกความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าครอบครัวของพวกเขาทั้งสามคน
อ้ายโยวเดาว่าเขาต้องการได้รับความไว้วางใจจากผู้มีพระคุณตัวน้อยของพวกเขา
แน่นอนว่าความลับนี้จะไม่มีวันแพร่งพรายจากปากของเธอและสามี แม้ว่าพวกเขาจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกสักร้อยเท่าก็ตาม!
มันง่ายมากสำหรับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ที่จะกำจัดคนธรรมดาอย่างสองคนนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขากล้าพูดโดยไม่ลังเลเลย!
แม้ว่าอ้ายโยวจะไม่เข้าใจว่าชายคนที่ชื่อเย่ว์จือกวงนี้จำน้องสาวของเขาที่ไม่เคยเจอหน้ามาตลอดสิบแปดปีได้อย่างไร แต่เนื่องจากอีกฝ่ายก็ตามหาคนมาสิบแปดปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจำคนผิด
“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น” มู่เถาเยาตอบเสียงเรียบ
“ถ้าอย่างนั้น…เธออยากกลับไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์กับเขาไหม”
“ยังไม่เคยคิดเลยค่ะ”
ดูสิ ขนาดฐานะเจ้าหญิงน้อยแห่งเผ่าลึกลับก็ยังดึงดูดผู้มีพระคุณตัวน้อยไม่ได้!
ต้องรู้ก่อนว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นเผ่าที่เก่าแก่ที่สุด ลึกลับที่สุด มีความสามัคคีกันมากที่สุด และเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งหมาป่ามากที่สุดในโลก!
แม้ว่าระบบผู้นำเผ่าของพวกเขาจะพัฒนามาจากระบอบชนเผ่าดึกดำบรรพ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเผ่าที่กันดารและยากจนข้นแค้นแต่อย่างใด
เผ่าหมาป่าพระจันทร์มีภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และหุบเขา…มีดินแดนอันกว้างใหญ่ สินค้าอุดมสมบูรณ์ และทรัพยากรอีกมากมายนับไม่ถ้วน…และไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร หรือวัฒนธรรม…ทั้งหมดล้วนมีบทบาทสำคัญในโลก
ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเป็นตำแหน่งที่สืบทอดผ่านทางสายเลือด ซึ่งประชากรใต้อาณัติของพวกเขาล้วนมองว่าสายเลือดนี้คือผู้ปกครองตามธรรมชาติที่สามารถควบขี่และบัญชาการกองทัพหมาป่าได้
ชนเผ่าที่รวมกันเป็นหนึ่งและแข็งแกร่งพอที่จะกลายเป็นอาณาจักรเล็กๆ สามารถกระทำการสิ่งใดก็ได้อย่างอิสระ ผู้มีพระคุณตัวน้อยยังไม่สนใจที่จะกลับไปอีกเหรอ
ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ !
เพียงแต่ กว่าที่ตระกูลนั้นจะตามหาลูกสาวที่หายตัวไปกว่าสิบแปดปีพบไม่ใช่เรื่องง่าย…ผู้มีพระคุณตัวน้อยไม่ต้องการกลับไปจริงๆ เหรอ
“เช่นนั้น แล้วแม่ของเธอล่ะ” หลังจากกลายเป็นแม่คน เธอถึงได้เข้าใจว่าสำหรับคนเป็นแม่ ชีวิตลูกสำคัญมากกว่าชีวิตตัวเอง ดังนั้นเธอจึงเห็นอกเห็นใจพ่อแม่คู่นั้น
“ไว้ค่อยดูกันต่อไปเถอะค่ะ” ก็แค่ร่างกายนี้
ในความคิดของเธอ เธอเป็นเพียงจักรพรรดินีมู่เถาเยาแห่งแผ่นดินจงโจวบวกกับมู่เถาเยาหญิงสาวชาวบ้านจากหมู่บ้านเถาหยวนซานนิดหน่อย ไม่ใช่เย่ว์จืออิ๋ง
“อืมๆ เสี่ยวเถาเยา ถ้ามีเวลาว่างก็มาหาพวกเราที่เมืองเจียงตูนะ ฉันจะพาเธอไปเที่ยวชมรอบๆ เอง” อ้ายโยวเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างมีชั้นเชิง
ไม่ว่าผู้มีพระคุณตัวน้อยจะเป็นเจ้าหญิงน้อยของเผ่าหมาป่าพระจันทร์หรือไม่ เธอก็ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องพูดมากเกินไป
การมอบความห่วงใยใส่ใจให้ใครบางคนเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันมากเกินไปอาจทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกในด้านลบ ท้ายที่สุดพวกเขาก็…ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น
ผู้มีพระคุณตัวน้อยของครอบครัวเธอไม่เพียงแต่เก่งกาจ แต่เธอยังมีอาจารย์และศิษย์พี่ที่ฐานะไม่ธรรมดา ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาต้องมากังวลแทน
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าก็ใช้ชีวิตแบบไม่มีพ่อแม่มาสิบแปดปีแล้วเหรอ ผู้อื่นยังไม่สามารถเข้าอกเข้าใจได้ ใครให้หน้าพวกเขามาเกลี้ยกล่อมผู้มีพระคุณตัวน้อยให้กลับบ้าน
มู่เถาเยาขยับริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม “เมืองเจียงตูเป็นสถานที่ที่ดี”
อาคารที่สูงที่สุด ห้างสรรพสินค้าแห่งแรก สวนสาธารณะแห่งแรก สนามบินแห่งแรก…หลายๆ ‘แห่งแรก’ ในประเทศเหยียนหวงล้วนไปกระจุกตัวอยู่ที่เจียงตูเกือบทั้งหมด
นั่นคือเมืองแรกที่มู่เถาเยาได้ไปเปิดหูเปิดตาและสัมผัสกับประสบการณ์ของอารยธรรมสมัยใหม่และการพัฒนาของโลกนี้
“เสี่ยวเถาเยาเคยไปเจียงตูมาก่อนเหรอ”
“ค่ะ อาจารย์ใหญ่เคยพาฉันไปที่นั่นตอนฉันอายุห้าขวบ”
“ตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ไว้กลับมาเที่ยวเล่นใหม่นะเมื่อเธอมีเวลา เธอมีอะไรชื่นชอบเป็นพิเศษไหม อย่างเช่นลูกอมลูกแพร์ เค้กผีเสื้อ ฉันจะส่งมาให้เธอ”
“ไม่ล่ะค่ะ มันลำบากเกินไป”
“ไม่ลำบากเลยสักนิด เสี่ยวเถาเยา เธอไม่ต้องเกรงใจพวกเรามากขนาดนั้นก็ได้จริงๆ นะ”
“ตกลงค่ะ” คงมีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นพวกเขาถึงจะรู้สึกสบายใจ
เมื่อเทียบสิ่งนี้กับบุญคุณช่วยชีวิต มันก็เล็กน้อยไม่เพียงพอที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดถึงจริงๆ
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เก็บเอาบุญคุณช่วยชีวิตนี้มาใส่ใจ และยิ่งไม่ต้องการให้ใครมาตอบแทนเธอ แต่คนที่ซื่อสัตย์และจริงใจ ย่อมให้ความสำคัญกับความกตัญญูเมื่อพวกเขาได้รับความเมตตาและช่วยเหลือจากเธอก่อน
อาจเป็นไปได้ว่าเพราะชาติที่แล้วเธอพบเจอคนที่หน้าไหว้หลังหลอกมากเกินไป ในชีวิตนี้เมื่อได้พบกับคนที่ปรารถนาตอบแทนเธอด้วยใจจริง เธอจึงใจอ่อนได้ง่ายเป็นพิเศษ
มู่เถาเยารู้สึกว่าหัวใจของเธอยังไม่แข็งพอ
แต่ไม่เป็นไร เธอเสแสร้งได้!
ดูสิว่าตอนเป็นจักรพรรดินีเธอแสดงได้ดีแค่ไหน! แค่สายตาเดียวของเธอที่กวาดมองไป ก็ทำเอาเหล่าขุนนางปากมากพวกนั้นตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า!
ฟังอ้ายโยวแนะนำจุดชมวิวมากมายและอาหารรสเลิศของเมืองเจียงตู ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาถึงเขตเรือนอุ่นรัก
อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่าบังคับให้มู่เถาเยารับกล่องของขวัญไป
แต่ทั้งสองคนไหนเลยจะเก่งกาจได้เท่ามู่เถาเยา! สุดท้ายเธอก็หิ้วไปเพียงกล่องของขวัญกล่องเดียว
หลังจากแกะกล่องของขวัญและพบกุญแจรถ ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ และบัตรธนาคารที่หล่นออกมา ก็ทำให้มู่เถาเยาสตั๊นไปสองสามวินาที จากนั้นเธอก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
รอจนถึงวันศุกร์ค่อยหาของขวัญให้เด็กๆ ใส่ของพวกนี้ลงไป และให้หยางซีนำกลับไปส่งให้แม่ลูกอ้ายโยวตอนพวกเขาถึงเมืองเจียงตูแล้ว
เธอจะรับบ้าน รถยนต์ และบัตรธนาคารเฉพาะจากการที่เธอรักษาให้ผู้คนเท่านั้น เพราะนั่นคืองานของเธอ
ทำงานย่อมต้องได้รับสิ่งตอบแทนใช่ไหม
แต่ที่เหลืออย่างอื่น เนื่องจากเธอเลือกที่จะทำมันเอง ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจมันมากนัก
หากว่าการช่วยชีวิตคนเป็นกุศลยิ่งกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นจริงๆ เธอก็ยินดีที่จะช่วยชีวิตผู้คนเพิ่มอีกหลายคนเพื่อเป็นการชดใช้ให้กับบาปและการฆ่าฟันที่เธอต้องทำในชาติที่แล้ว
หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอาจารย์ที่มีปณิธานยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยความเมตตา และชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซานที่ทั้งเรียบง่ายและซื่อสัตย์เป็นเวลาสิบแปดปี หัวใจของเธอก็เริ่มใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ
มู่เถาเยาจ้องมองสิ่งล้ำค่าเหล่านี้ด้วยความงุนงงนานกว่าสิบวินาทีก่อนที่สติจะถูกฉุดกลับมาด้วยเสียงของแอปพลิเคชันหนึ่งบนโทรศัพท์มือถือ
เย่ว์จือกวง “เสี่ยวเถาเยา กลับถึงบ้านแล้วหรือยัง”
มู่เถาเยาตอบกลับอย่างสุภาพ “ฉันถึงบ้านแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้ผม…ฉันขอเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นเธอได้ไหม พวกเราไม่ต้องพูดถึงเผ่าหมาป่าพระจันทร์ แค่กินข้าวด้วยกัน” จะบังคับน้องสาวให้ยอมรับพวกเขาไม่ได้
ตั้งสิบแปดปียังรอมาแล้ว พวกเขารอต่อไหว
“ตอนกลางวันฉันออกนอกมหาวิทยาลัยไม่ได้ค่ะ ส่วนตอนเย็นฉันนัดกับศิษย์พี่ใหญ่ไว้แล้วว่าจะไปกินมื้อเย็นที่บ้านเขา” พี่สะใภ้บอกว่าจะทำหม่าล่าปิ้งย่างให้เธอด้วย!
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เที่ยงฉันจะไปหาเธอที่มหาวิทยาลัย นัดเจอกันที่ไหนเมื่อไหร่ดี”
“เวลาเที่ยงตรงที่โรงอาหารที่สามของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูก็ได้ค่ะ” ปลาเงินเล็กทอดกรอบของโรงอาหารที่สามทำได้อร่อยมาก!
“ตกลง ฉันจะไปถึงที่นั่นให้ตรงเวลา”
“อืม”
“…เสี่ยวเถาเยา เธอจะว่าอะไรไหมหากฉันจะขอไปดูที่หมู่บ้านเถาหยวนซานสักหน่อย”
มู่เถาเยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฉันสบายดี จริงๆ นะคะ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนแพทย์หรือศิลปะการต่อสู้ก็ดี ล้วนเป็นความชอบส่วนตัวของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกลำบากเลยสักนิด
อาจารย์และชาวบ้านเองก็เอ็นดูเธอมาก ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ยิ่งเธอสามารถหาเงินได้เองตั้งแต่อายุสิบขวบ จึงไม่เคยเดือดร้อนเรื่องความเป็นอยู่และขาดแคลนสิ่งของเหล่านั้นเลย
คำตอบของมู่เถาเยาฟังผิวเผินอาจดูเหมือนตอบโดยไม่ทันคิด แต่เธอเข้าใจจุดประสงค์ของเย่ว์จือกวงในการไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ดังนั้นเธอจึงให้คำตอบเขาไปโดยตรง
“ฉันแค่อยากเห็นสถานที่ที่เธอใช้ชีวิตและเติบโตมา”
เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับหมอเทวดาหยวนมาก่อน แต่ชื่อเสียงระดับโลกของหมอเทวดาหยวนไม่เพียงแต่ยอดเยี่ยมแต่ยังอยู่ในทิศทางที่ดีมากด้วย อย่างไรก็ตาม มีแต่การไปเห็นด้วยตาและเข้าไปสัมผัสทำความเข้าใจด้วยตัวของเขาเองเท่านั้นถึงจะทำให้เขารู้สึกวางใจได้จริงๆ
ในโลกนี้คนที่หน้าซื่อใจคด ทำเรื่องสกปรกชั่วช้าภายใต้หน้ากากของการทำความดีก็มีอยู่ถมเถไป!
“…ได้ค่ะ”
“ขอบคุณ เสี่ยวเถาเยา เธออยากได้ของอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า หรือว่ามีความฝันอะไรไหม” เขาอยากเอ็นดูและเอาใจน้องสาวคนนี้มาก!
“…ดูเหมือนไม่มีมั้งคะ” เธอสามารถไปถึงเป้าหมายด้วยตัวเธอเองได้!
“…โอเค ถ้างั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่ เสี่ยวเถาเยา เจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงตรงนะ เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์”
“อืม”
หลังจากบทสนทนาจบลง มู่เถาเยาก็เดินไปที่ห้องอ่านหนังสือและเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ข้อมูลส่วนใหญ่บนอินเทอร์เน็ตเป็นข้อมูลทางราชการ และคนธรรมดาทั่วไปก็สามารถค้นหาได้น้อยมาก
แต่เรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับมู่เถาเยา
เพียงแต่ว่าเธอไม่คาดคิดว่าไม่ว่าเธอจะเข้าสู่ฐานข้อมูลใด ก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ ‘เย่ว์จืออิ๋ง’ เลย
ลืมมันไปซะเถอะ เธอไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมันมากนัก และเธอก็ไม่ต้องการเป็น ‘เย่ว์จืออิ๋ง’ ด้วย
หลังจากล้างร่องรอยการเข้าสู่ฐานข้อมูลแล้ว เธอก็เปิดวิดีโอคอลโทรหาอาจารย์ พูดคุยกันสักพักหนึ่งถึงได้ผละตัวไปอาบน้ำเข้านอน