ตอนที่ 39 หัวหน้าเผ่าคือเย่ว์เลี่ยง
ก่อนที่จะเลิกเรียนในวันศุกร์ มู่เถาเยาก็ยื่นห่อของขวัญที่ห่อไว้เป็นอย่างดีให้หยางซี
“มอบมันให้เสี่ยวเหยียนแทนฉันที ขอบคุณ”
หยางซีตกตะลึง
“ส่งมันให้กับมือแม่ลูกหลังจากที่นายไปส่งพวกเขาที่เจียงตูแล้วนะ”
“เสี่ยวเยาเยารู้จักลูกพี่ลูกน้องของฉันและเสี่ยวเหยียนด้วยเหรอ ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันจะไปส่งพวกเขากลับเจียงตูในวันพรุ่งนี้ล่ะ”
“รู้จักสิ จำไว้ว่านายต้องมอบมันให้พวกเขาหลังจากถึงเจียงตูแล้วเท่านั้น”
“ลึกลับจัง มันคือของอะไรเหรอ”
“ของใช้เด็ก”
“เอาเถอะ” หยางซีไม่คิดมากอีกต่อไป หลังจากทักทายทุกคนเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมกับกล่องของขวัญในอ้อมแขนของเขา
เขากำลังจะกลับไปที่หอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่บ้านลูกพี่ลูกน้องเขาเพื่อรับประทานอาหารเย็น
นักศึกษาหลายคนทักทายกันแล้วทยอยจากไป
“เสี่ยวเยาเยา อยากไปกินข้าวเย็นและชอปปิงกับพวกเราไหม”
มู่เถาเยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าตัวเองไม่ได้มีธุระอะไร เธอจึงพยักหน้า
เซียวเซียว หวังหมิ่นชิ่น และหมิ่นชีสยามีความสุขมาก ทั้งสี่คนเดินจับมือกันออกจากห้องเรียนและคุยกันว่าจะกินอะไรในขณะที่ลงไปข้างล่าง
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างและสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเปิดใช้งานรถจักรยานไฟฟ้าสองคัน คนหนึ่งก็ขับพาอีกคนซ้อนกันไปที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย
“เยาเยา ดูนั่นสิ ผู้ชายที่อยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยนั่นน่ะ หล่อมากเลย! สูงมากด้วย!” เซียวเซียวหันศีรษะของเธอกลับไปพูดกับมู่เถาเยาที่ซ้อนท้ายอยู่ตรงเบาะหลัง
มู่เถาเยาขานรับอืมเบาๆ คำหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจหันไปดู
เซียวเซียวยังคงวี้ดว้ายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยซึ่งเขากำลังมองเข้ามาราวกับกำลังรอคอยใครบางคนอยู่
“เยาเยา เธอคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อรับน้องสาวหรือแฟนหรือเปล่า ฉันหวังว่าเขาจะกำลังรอน้องสาวอยู่นะ! พ่อเทพบุตรที่หล่อวัวตายควายล้มขนาดนี้ควรเป็นของสาธารณะ ไม่ใช่ของคนแค่คนเดียว ฮ่าฮ่า…”
“…ดูขาเรียวยาวใต้ชุดสูทนั่นสิ อ๊ายๆๆ ฉันสามารถเล่นมันได้เป็นปีเลย! เยาเยา เธอชอบผู้ชายแบบไหนอ่ะ”
มู่เถาเยา “…”
“เฮ้ เยาเยา ดูเหมือนเขาจะกำลังเดินมาทางเราหรือเปล่า”
“เอ๋ๆๆ เขากำลังเดินมาหาเราจริงๆ เยาเยา รีบดูเร็วเข้า”
มู่เถาเยาหันศีรษะของเธอไปมองและก็เห็นชายหนุ่มรูปงามที่เซียวเซียวกำลังกล่าวถึง…เย่ว์จือกวง
“เสี่ยวเถาเยา”
เซียวเซียวเบรกรถดัง เอี๊ยด!
“เยาเยา เธอรู้จักเขาเหรอ พี่ชายของเธอ? ไม่สิ ไหนเธอบอกว่าเธอเป็น…”
“อืม”
มู่เถาเยาลงจากรถ มองไปที่ชายหนุ่มรูปงามที่เดินเข้ามาหาและพูดว่า “คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันมาชวนเธอไปกินข้าวด้วย และก็ถือเป็นการอำลาเช่นกัน พรุ่งนี้ฉันจะไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน”
“แต่ฉันมีนัดกับเพื่อนร่วมชั้นแล้ว”
เซียวเซียวโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มสดใสทันที “ฉันไม่ถือสาเลย ไม่ถือสา”
หวังหมิ่นชิ่นและหมิ่นชีสยาเองก็ลงมาจากรถและเดินเข้ามาทางนี้
“เกิดอะไรขึ้น หนุ่มหล่อคนนี้คือใครกัน เซียวเซียว พี่ชายของเธอเหรอ”
พวกเธอทุกคนรู้ดีว่าเซียวเซียวมีพี่ชายที่หล่อเหลาและตัวสูง
“ไม่ๆๆ เขาเป็นเพื่อนของเสี่ยวเยาเยา”
“สวัสดีครับ ผมชื่อเย่ว์จือกวง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่มารบกวนทุกคนตอนที่กำลังจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแบบนี้”
หมิ่นชีสยายิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อเสี่ยวเยาเยาไม่ว่างแล้ว ถ้างั้นคราวหน้าไว้พวกเราค่อยมาทานอาหารเย็นด้วยกันนะ”
เย่ว์จือกวง “ถ้าหากทุกคนไม่รังเกียจ ไปทานอาหารเย็นด้วยกันนะครับ”
แม้ว่าเขาจะอยากกินข้าวกับน้องสาวแค่สองคนเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมชั้นของเธอก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ ดังนั้นเขาจึงต้องการสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าพวกเธอ
เพื่อนสนิท เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสาวๆ
หวังหมิ่นชิ่น “เยาเยา?”
“ไปด้วยกันเถอะ” ยังไงก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว
เธอไม่ได้ไม่พอใจกับการเข้าหาของเย่ว์จือกวง แต่เธอก็ไม่ต้องการกลับไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปแต่ก็ไม่เหินห่าง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน
เรื่องในวันข้างหน้าเอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีในอนาคต
เย่ว์จือกวงฉวยโอกาสขณะที่สองสาวกำลังเอารถไปจอด หันไปถามน้องสาวว่า “เสี่ยวเถาเยา พวกเธออยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
“พวกเรากำลังจะไปกินปิ้งย่างกันค่ะ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นทุกคนรอตรงนี้เดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันไปขับรถมารับ”
“วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยคนเยอะไม่สะดวกขับรถมาจอด รอพวกเธอคืนรถจักรยานไฟฟ้าเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินไปที่ลานจอดรถด้วยกันเถอะค่ะ”
แน่นอนว่าเย่ว์จือกวงย่อมไม่คัดค้านคำพูดของน้องสาว
หวังหมิ่นชิ่นมองดูเย่ว์จือกวงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหูมู่เถาเยาเสียงเบาว่า “เสี่ยวเยาเยา ฉันค้นพบว่าเขาหน้าตาคล้ายเธอมากทีเดียว”
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงดวงตากวางคู่นั้นเท่านั้นที่คล้ายกัน แต่มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาคล้ายกันมาก
“อืม” พลังของสายเลือดบางครั้งก็ค่อนข้างอัศจรรย์
“เยาเยา เขา…คือครอบครัวของเธอเหรอ”
“อาจจะ”
หวังหมิ่นชิ่นมีความสุขมาก
เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่เด็กกำพร้า!
ดีจริงๆ !
เซียวเซียวและหมิ่นชีสยาจอดรถเสร็จและเดินกลับมา เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของหวังหมิ่นชิ่นพวกเธอจึงถามด้วยความสงสัยว่า “ชิ่นชิ่น ดีใจอะไรอยู่น่ะ”
หวังหมิ่นชิ่นมองไปที่มู่เถาเยา จากนั้นก็มองไปที่เย่ว์จือกวงแล้วตอบว่า “ความลับ! พวกเธอจะรู้เองในอนาคต!”
ในบรรดาสี่คนนี้ เธอเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด
เซียวเซียว “พวกเราผละไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น เธอก็มีความลับกับเราแล้ว!”
หวังหมิ่นชิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย “นั่นสิ!”
“ไปกันเถอะครับ รถของผมจอดอยู่ที่ลานจอดรถ” ดวงตากวางของมู่เถาเยาและเย่ว์จือกวงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขายังไม่ได้บอกครอบครัวเกี่ยวกับการพบตัวน้องสาวของเขา อย่างน้อยก็จนกว่าน้องสาวจะพยักหน้าตกลงด้วยตัวเองเขาถึงจะกล้าพูดกับคนอื่น
เพราะทันทีที่เขาพูดออกมา ทุกคนในครอบครัวจะต้องทนไม่ไหวแล้วรีบวิ่งมาที่นี่ทั้งหมดแน่!
ถ้าเกิดว่าทำให้น้องสาวตกใจ…
งั้นปล่อยให้เขาเอ็นดูน้องสาวเพียงคนเดียวไปก่อน!
เย่ว์จือกวงฟังเสียงสาวๆ พูดคุยกันในรถ ในขณะที่คิดถึงการไปเยือนหมู่บ้านเถาหยวนซานในวันพรุ่งนี้
เขาหวาดกลัวมากจริงๆ ที่จะได้เห็นหมู่บ้านซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกที่ทั้งยากจน ทรุดโทรม กันดาร และไม่มีอะไรเลย
เขากลัวว่าจะได้เห็นภาพผู้คนในภูเขาที่ห่างไกล อาศัยเข้าป่า แม่น้ำ และอ้อนวอนต่อสวรรค์เพื่อหาอาหารประทังชีวิต หมู่บ้านที่ล้าหลังจะมีบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ป่าเถื่อนและเห็นแก่ตัว กลัวว่า…
สรุปโดยรวมสั้นๆ ก็คือ กลัวว่าตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาของน้องสาว เธอจะใช้ชีวิตอย่างอัตคัดขัดสนและไม่เป็นที่น่าพอใจ
แม้ว่าหมอเทวดาหยวนจะไม่ได้ยากจน แต่เขาจะดีกับน้องสาวได้ถึงขั้นไหนนั้น ต้องไปเห็นด้วยตาและสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้
มู่เถาเยาที่นั่งเบาะฝั่งข้างคนขับก็ตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน
เธอกำลังคิดถึงภาพหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ที่กำลังยืนอยู่บนแท่นบูชาสูง
ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ได้เจาะจงว่าต้องสืบสายเลือดจากฝั่งบิดาหรือมารดาทางใดทางหนึ่งตายตัว
หัวหน้าเผ่าคนก่อนของพวกเขาคือเย่ว์หมิงปู่ของเย่ว์จือกวง แต่คราวนี้ไม่ใช่เย่ว์หลั่งบุตรชายคนโตของเขาที่เข้ารับตำแหน่งสืบทอดต่อ แต่เป็นลูกสาวคนสุดท้องของพวกเขาที่ชื่อเย่ว์เลี่ยงที่ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแทน
คนธรรมดาบางทีอาจไม่รู้จัก แต่ชื่อเสียงของเย่ว์เลี่ยงในหมู่ประมุขของประเทศต่างๆ นั้นโด่งดังมากๆ
เนื่องจากไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ของเธอที่เหมือนกับเทพเซียนสวรรค์ แต่เธอยังมีความสามารถและกลยุทธ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า
และก็เป็นตัวเธอนั่นเอง ที่ผลักดันเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไปสู่ตำนานใหม่ เปิดประตูให้โลกนี้ได้เห็นว่าพวกเขาไม่อาจประเมินค่าเผ่านี้ต่ำเกินไปได้เลย
ในประเทศต่างๆ ยังมีเรื่องเล่าและตำนานมากมายที่เกี่ยวกับเทพธิดาเย่ว์เลี่ยง
แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ไม่รู้ทำไมเธอถึงยังไม่แต่งงานเสียที
“เสี่ยวเถาเยา กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”
เย่ว์จือกวงจับตาดูมู่เถาเยาอยู่ตลอด ดังนั้นภาพที่เธอจมอยู่ในภวังค์ความคิดเขาจึงเห็นมันอย่างชัดเจน
“เย่ว์เลี่ยง (ออกเสียงคล้ายคำว่าพระจันทร์)”
หวังหมิ่นชิ่นและคนอื่นๆ มองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างช่วยไม่ได้
“พระอาทิตย์ยังขึ้นสูงโด่งอยู่เลย ไม่เห็นแม้แต่เงาของพระจันทร์โผล่มาด้วยซ้ำ เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงคิดถึงพระจันทร์ล่ะ เธอชอบตอนกลางคืนมากกว่าเหรอ” เซียวเซียวถามด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้”
“เธออยากรู้เรื่องอะไร ฉันจะบอกเธอทุกอย่างเลย” ดวงตาของเย่ว์จือกวงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
มู่เถาเยาเม้มริมฝีปากแน่น
“จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้เท่านั้น” จริงๆ ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเป็นพิเศษ
“อืม รอฉันกลับมาจากหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้ว จะขอเชิญเธอกับครอบครัวศิษย์พี่ใหญ่ของเธอไปร่วมทานอาหารด้วยกันสักมื้อนะ” เขาย่อมรู้โดยธรรมชาติว่าใครเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวนบ้าง
“ตกลงค่ะ” บางครั้งเย่ว์จือกวงก็ให้ความรู้สึกเหมือนเสด็จลุงรองของเธอในชาติก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากปฏิเสธเขา
เพื่อนร่วมชั้นปีสามคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง รู้สึกได้ทันทีว่าเสี่ยวเยาเยาของพวกเธอเต็มไปด้วยความลับ!
อะไรคือหมู่บ้านเถาหยวนซาน ใครคือศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมพวกเธอถึงไม่รู้อะไรเลย
จริงสิ หลังจากที่พวกเธอรู้ว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นเด็กกำพร้าพวกเธอก็ไม่กล้าละลาบละล้วงถามข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ อีก ด้วยกลัวว่าจะเผลอไปถามคำถามที่ไม่เหมาะสมและทำให้เธอเสียใจ
นี่…ดูเหมือนพวกเธอจะพลาดโอกาสมากมายที่ได้ทำความรู้จักกับเสี่ยวเยาเยาไปแล้วหรือเปล่า