อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 46 อยากกินข้า

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 46 อยากกินข้า

“ตี้อู๋เปียน ทั้งที่คุณก็อ่านหนังสือมากมายขนาดนี้แต่ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับดอกฉยงฮวาไม่เจอเลยเหรอ”

“ไม่เลย หาไม่เจอเลยสักนิด ฉันยังเคยไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธานพืชที่มีชื่อเสียงสองสามคนและอธิบายลักษณะของดอกฉยงฮวาให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเลย พวกเขายังคิดว่าฉันตัดแต่งยีนสร้างมันขึ้นมาเองด้วยซ้ำ”

“บางทีมันอาจเป็นพืชโบราณอย่างหญ้าพิษชีวิตหรือดอกไม้สองชีวิต อืม ไม่รู้ว่ามันสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง”

ดวงตากวางกลมโตของมู่เถาเยาจ้องไปที่ดอกฉยงฮวาตาไม่กะพริบ ประกายแสงจางๆ วาบผ่านดวงตาของเธอไป อยากจะขยับเข้าไปใกล้ๆ มันแล้วดึงใบของมันออกมาศึกษาสักสองสามใบจริงๆ

ดอกฉยงฮวาตัวสั่นระริกเมื่อเห็นสายตาเช่นนั้นของเธอ

เจ้านาย รีบอุ้มข้ากลับไปเร็วเข้า ซาลาเปาน้อยน่ากลัวเหลือเกิน! เธออยากจะกินข้า!

“ขอฉันถ่ายรูปมันได้ไหมคะ ฉันอยากจะส่งมันไปให้อาจารย์ใหญ่ของฉันดู”

“เอาสิ”

มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและถ่ายรูปดอกฉยงฮวาที่สวยงาม ก่อนจะเก็บมันใส่กลับเข้าไปตามเดิม

“พ่อบ้านจงเพิ่งเปลี่ยนน้ำชาและของว่างชุดใหม่ มาดื่มชากันก่อนอ่านหนังสือเถอะ”

“อืม”

ทั้งสองคนเดินไปที่โซนพักผ่อนเล็กๆ แล้วนั่งลงจิบน้ำชาด้วยกัน พูดคุยกันเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือและสาระความรู้ทั่วไป กลิ่นหอมของชาและกลิ่นหนังสือผสมผสานอบอวลไปทั่วห้องสมุดให้บรรยากาศที่อบอุ่นและกลมกลืนกันอย่างน่าประหลาด

ตี้อู๋เปียนรู้สึกว่าคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้อาจไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบแปดปี แต่เป็นชายชราที่ฉลาดและมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง

มู่เถาเยาเองก็รู้สึกว่าตราบใดที่หนูขาวตัวน้อยไม่ก่อเรื่องน่าปวดหัว เขาก็เป็นคนที่ไม่เลวเลยจริงๆ

เขารู้เรื่องมากมายที่เธอไม่รู้ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่า ‘เพียงฟังผู้รู้บรรยาย ก็แตกฉานกว่าอ่านหนังสือมานานนับสิบปี’

หากว่าผู้ชายคนนี้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาจะทำให้โลกใบนี้ตกตะลึงได้มากขนาดไหน!

ชีววิทยา เคมี คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ การแพทย์ การทหาร เศรษฐศาสตร์ แม้กระทั่งโบราณคดี สถาปัตยกรรม จิตวิทยา สมุทรศาสตร์ เกษตรกรรม…เขาสามารถบรรยายศาสตร์ทุกแขนงได้อย่างง่ายดายลึกซึ้งเพียงปลายนิ้ว!

มู่เถาเยาค้นพบว่าไม่มีสิ่งไหนที่เขาไม่รู้!

“ตี้อู๋เปียน สมองของคุณทำด้วยอะไรกันแน่ คุณเก็บเนื้อหามากมายขนาดนี้ไว้ในหัวได้ยังไง!”

“เพราะฉันทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากอ่านหนังสือ”

น้ำเสียงของตี้อู๋เปียนอ่อนน้อมถ่อมตนมาก แต่การแสดงออกของเขาค่อนข้างได้ใจเล็กน้อย

ซาลาเปาน้อยยกย่องชื่นชมเขา!

ถึงหุ่นจะไม่ดี แต่สมองนี้เป็นที่หนึ่งในโลก!

นี่ก็คือพลังและอาวุธของเขา!

อัจฉริยะ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคของสงครามหรือยุคสมัยแห่งข้อมูลข่าวสาร พวกเขาก็คือหัวใจหลักของการประสบความสำเร็จ

มันมีความสำคัญอย่างมากต่อแคว้นมากกว่าเงินทองใดๆ และแม้แต่อาวุธนิวเคลียร์ เพราะพวกเขาก็คือตัวกำหนดชะตากรรมและอนาคตของแคว้นโดยพื้นฐาน

มู่เถาเยาเคยดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีมาก่อน ดังนั้นเธอย่อมรู้ถึงบทบาทของอัจฉริยะหรือผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ว่าทรงคุณค่าต่อแคว้นแคว้นหนึ่งมากเพียงใด

“ถ้าหากประเทศเหยียนหวงมีคนที่เหมือนกับคุณเพิ่มขึ้นมาอีกสักสองหรือสามคน ฉันเชื่อเลยว่าประเทศเราจะต้องขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลกได้อย่างแน่นอน”

“ซาลาเปาน้อย เธอรู้จักเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไหม”

“หืม ทำไมถึงเปลี่ยนมาเรื่องนี้ได้ล่ะ” เผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่งจะสามารถขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลกได้?

ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกเผ่าหมาป่าพระจันทร์ แต่เผ่าหมาป่าพระจันทร์นี้เล็กเกินไปสำหรับนิยาม ‘มหาอำนาจของโลก’ แม้ว่าพวกเขาจะครอบครองอำนาจที่เด็ดขาดส่วนหนึ่งของโลกนี้ไว้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ

“เป็นไปไม่ได้ที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์จะเป็นมหาอำนาจของโลก แต่ในการจัดอันดับด้านความเสมอภาคและความสันติสุข พวกเขาครอบครองอันดับที่หนึ่งติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีแล้ว”

“อืม”

เธอรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงอยากรู้อยากเห็นมากเกี่ยวกับผู้นำเผ่าที่ชื่อเย่ว์เลี่ยงคนนั้น

“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงชนเผ่าเล็กๆ เมื่อเทียบกับประเทศเหยียนหวงซึ่งครอบครองอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ แต่พลเมืองของพวกเขาก็ไว้วางใจและดูแลซึ่งกันและกัน แทบไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นเลย…อาจกล่าวได้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน ในอุดมคติของผู้คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้”

มู่เถาเยาแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาในใจของเธอ

ถ้าไม่มีคนไม่ดีจริงๆ แล้วเธอจะถูกนำไปทิ้งได้อย่างไร

“พลเมืองในเผ่าของพวกเขาก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสามัคคีกันมาก ชีวิตของพวกเขาเองก็มั่นคง ไม่มีความขัดแย้งหรือสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน…”

มุมปากของมู่เถาเยาโค้งขึ้นและพูดว่า “นั่นสินะ เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีประเทศหนึ่งจ้องจะกวาดล้างชนเผ่าเล็กๆ ที่ล้าหลังอย่างพวกเขา คิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นต้องวิ่งหนีหางจุกตูดไปด้วยความสิ้นหวัง!”

กฎแห่งป่าที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอก็เป็นเหมือนกันเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย

อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นโศกนาฏกรรมหากคุณแหย่กรงเล็บเข้าไปก่อนที่จะตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามันเป็นรังแมวหรือรังเสือกันแน่

“คนเหล่านั้นช่างน่าขันที่คิดว่าสาเหตุที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์รบชนะศึก เป็นเพราะพวกเขาแอบซุ่มโจมตีอย่างลับๆ ทำให้สงครามจบลงอย่างรวดเร็ว หารู้ไม่ว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ล้าหลัง แต่ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย แถมยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้อีกด้วย”

มู่เถาเยาเคยเข้าไปเยี่ยมชมระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายพวกเขามาแล้ว แต่เธอบุกไปไม่ถึงขั้นสุดท้าย เพราะหากเธอไม่ถอย เธอจะถูกค้นพบอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงกระจ่างถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นอย่างดี

“นับแต่นั้นเป็นต้นมา เผ่าหมาป่าพระจันทร์ที่วางตัวต่ำต้อยมาโดยตลอดก็เข้าสู่สายตาของประเทศต่างๆ ทั่วโลก”

“ตี้อู๋เปียน ดูเหมือนว่าคุณจะมีความประทับใจที่ดีต่อเผ่าหมาป่าพระจันทร์นะ!”

“อืม พวกเขามีนโยบายมากมายที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ อาทิเช่น แม้พวกเขาจะเป็นชนเผ่าเล็กๆ แต่พวกเขาก็เป็นสถานที่แรกในโลกนี้ที่จับคนที่ทิ้งถุงพลาสติกเรี่ยราดเข้าคุก ชนเผ่าของพวกเขามีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยสูงมาก และพลเมืองทุกคนก็ต้องทำงานสาธารณประโยชน์”

มู่เถาเยาเห็นด้วยกับประเด็นนี้

“สิ่งแวดล้อมโลกกำลังเสื่อมโทรมลงทุกวัน และภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เพิ่มขึ้นทุกปี เราแต่ละคนมีหน้าที่และภาระในการรักษาพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์”

“ประเทศเหยียนหวงของเราเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่กว้างใหญ่ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และประชากรจำนวนมาก มีนโยบายที่ดีมากมาย แต่เป็นการยากที่จะนำนโยบายเหล่านี้ไปบังคับใช้ในท้องถิ่น…” ตี้อู๋เปียนถอนหายใจเบาๆ

น่าเสียดายที่เงื่อนไขของประเทศนั้นแตกต่างกัน สิ่งที่เหมาะกับคุณอาจไม่เหมาะกับฉันเสมอไป

แต่โดยทั่วไปแล้ว ทุกประเทศต่างก็มีข้อได้เปรียบของตัวเอง แม้แต่ประเทศที่กำลังตกอยู่ในภาวะสงครามก็ตาม

มู่เถาเยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ตี้อู๋เปียน คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเย่ว์เลี่ยง หัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์คนปัจจุบันไหม”

“ทิศตะวันออกของประเทศเหยียนหวงเรามีพรมแดนติดกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ พ่อของฉันเคยไปเยือนเผ่าหมาป่าพระจันทร์หลายครั้ง ค่อนข้างสนิทสนมและพูดคุยเป็นกันเองกับเย่ว์หลั่งพี่ชายของหัวหน้าเผ่าทีเดียว ฉันได้ยินมาว่าพี่ใหญ่ของฉันเองก็ความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่ว์จือเหิง พวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน”

“แล้วคุณล่ะ”

“…ฉัน…เพราะฉันสุขภาพไม่ค่อยดี เลยไม่ได้ออกไปที่ไหนเลยนอกจากเมืองหลวงและเมืองเย่ว์ตู…” จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากร้องไห้จริงๆ !

“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับพี่ชายคุณเคยไปที่ภูเขาเทพจันทราหรือเปล่า”

ตี้อู๋เปียนส่ายหัว “แม้ว่าพ่อของฉันจะเป็นราชาของประเทศ แต่ภูเขาเทพจันทราก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ มีเพียงคนตระกูลเย่ว์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ คนนอกไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้เลย”

“อ้อ”

ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็ยังไม่รีบไปค้นหาสมุนไพรที่ภูเขาเทพจันทราตอนนี้ เอาไว้ค่อยมาพูดเรื่องนี้กันในภายหลัง

ปัจจุบันเธอยังไม่คิดที่จะเข้าสู่ดินแดนของชนเผ่าในฐานะสมาชิกตระกูลเย่ว์

“ตี้อู๋เปียน ฉันพบว่าคุณยังมีเทคนิควรยุทธลับอยู่ด้วยเล่มหนึ่ง คุณคงไม่ได้แอบฝึกมันใช่ไหม”

“ปะ…เปล่า” ตี้อู๋เปียนรู้สึกว่าซาลาเปาน้อยของเขาไม่น่ารักอีกต่อไปแล้ว!

ถ้าจะเรียนเขาก็ต้องเรียนรู้มันอย่างเปิดเผยสิ จะแอบเรียนได้อย่างไร!

“คุณยังไม่เหมาะที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้ นั่นจะเป็นการเร่งการสูญเสียพลังชีวิตของคุณ”

“…ฉันแค่ลองอ่านดูเท่านั้น”

“เนื้อหาในเทคนิควรยุทธลับขัดกับหลักการฝึกฝนจริงๆ โดยสิ้นเชิง หากคุณฝึกฝน เลือดจะไหลย้อนกลับไปทั่วร่างกายของคุณ และคุณจะตายอย่างอนาถแแน่นอน!”

ตี้อู๋เปียน “…” ทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนต้องการทำร้ายเขาอยู่ตลอดเวลา!

“ตี้อู๋เปียน หนังสือทางการแพทย์ของคุณที่นี่ค่อนข้างดีทีเดียว” ศัลยแพทย์บางคนยังไม่มีสิทธิ์ได้อ่านมันด้วยซ้ำ

ตราบใดที่เธอยังไม่เคยได้อ่านมัน ทุกเล่มล้วนดีมากสำหรับเธอ!

“ถ้าเธอชอบละก็เอาไปสิ”

“ค่ะ”

“ฉันอ่านหนังสือที่นี่ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นถ้าสนใจเล่มไหนเป็นพิเศษก็เอาไปทั้งหมดได้เลย ไม่ต้องเอามาคืนฉัน”

“ตกลง”

“ฉันยังมีต้นฉบับที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวอยู่ด้วยในห้องเก็บสมบัติของฉัน เธออยากไปดูไหม”

“ต้นฉบับที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวเหรอ”

“อืม”

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรละก็”

“ได้สิ ถึงมันจะเป็นต้นฉบับที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวแต่ก็เป็นแค่หนังสือ มันจะมีค่าต่อเมื่อผู้คนได้อ่านมัน”

ไป๋เฮ่าอวี๋ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า!

ตอนที่ฉันอ้อนวอนขอดูมันแทบเป็นแทบตายไม่เห็นคุณพูดแบบนี้ แถมยังสวนกลับมาว่าจะถูกสายตาของเขาดูจนพังอีก!

ช่างเป็นบุคคลที่สองมาตรฐานเกินไปแล้ว!

น่าเจ็บใจจริงๆ !

ตี้อู๋เปียนไม่สนใจเสียงนกเสียงกาข้างๆ และพามู่เถาเยาขึ้นไปที่ห้องเก็บสมบัติที่ชั้นบนสุดด้วยลิฟต์

“ของทุกชิ้นในนี้ของคุณ หายากมากทีเดียวนะ”

วัตถุโบราณจำนวนมากในนี้ล้วนเป็นของแท้ทั้งหมด!

“ซาลาเปาน้อย สายตาของเธอนี่มันน่าชื่นชมจริงๆ ! รู้หรือเปล่าว่ากว่าฉันจะสะสมของพวกนี้มาได้ ฉันต้องไปเสาะหาพวกมันมาจากทั่วทุกมุมโลกเลย!”

“อืม งานอดิเรกของคุณเหมือนคนแก่จริงๆ”

ตี้อู๋เปียน “…”

เธอออกไปเลย!

เธอไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่!

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท