ตอนที่ 80 เด็กหนุ่มผู้แสนสมาร์ท
หลังร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่คฤหาสน์ตระกูลตี้ คนตระกูลเย่ว์ก็ขอตัวกลับไปพักกลางวันที่วิลล่าตระกูลเย่ว์
ในตอนบ่าย มู่เถาเยาและเย่ว์เลี่ยงไปหากู่ย่าและหลี่อวี้เสวี่ยที่วงดนตรีของพวกเธอ
ปาเฝ่ยและปาอินพาปู่เย่ว์และย่าเย่ว์ไปเยือนคฤหาสน์ตระกูลตี้อีกครั้ง
อาจเป็นเพราะผู้เฒ่าทั้งสองคนของตระกูลตี้และตระกูลเย่ว์มีอายุไล่เลี่ยกัน ทั้งยังมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ปกครองเผ่าและราชาของประเทศเหมือนกัน คนหนึ่งสูญเสียหลานสาวไปตั้งแต่เธอยังเป็นเพียงทารก ส่วนอีกคนหลานชายก็ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่จึงเหมือนกับได้เจอเพื่อนรู้ใจพูดคุยกันถูกคอมาก!
ปาเฝ่ยขอแยกตัวไปพูดคุยกับไป๋เฮ่าอวี๋เกี่ยวกับอาการป่วยของตี้อู๋เปียน
ในฐานะแพทย์ทั่วไปทั้งยังเชี่ยวชาญในด้านศัลยศาสตร์ ปาเฝ่ยจึงพูดคุยกับไป๋เฮ่าอวี๋ที่สืบทอดความรู้มาจากเจียงเฉาหมอที่ได้รับฉายาว่ามีดหัตถ์เทวะได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ปาอินเหมือนถูกลากไปเพียงเพื่อให้ครบจำนวนเท่านั้น
เธอนั่งยองๆ มองดูเสี่ยวไป๋ไป๋ โอ้ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าดอกฉยงฮวาเป็นเพื่อนกับถุงลมน้อย และโต้เถียงกันว่าถ้ามันออกดอก ดอกสีอะไรถึงจะสวยที่สุด
ดอกฉยงฮวา “…” ข้าจะออกดอกได้ยังไง ข้ายังเป็นเด็กทารกอยู่นะ!
ออกดอกก็ออกดอกเถอะ แต่ที่พวกเจ้าคุยกันมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ!
ที่เวอร์หน่อยก็บอกว่ามันจะออกดอกเป็นสีรุ้ง ที่ธรรมดาหน่อยก็บอกว่าเป็นดอกใหญ่ๆ สีแดง…
อา นี่มันเกินไปแล้ว!
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าทั้งตัวมันเป็นสีขาวสะอาด มันจะออกดอกสีรุ้งได้ยังไง
ดอกฉยงฮวาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเจ้านายมันที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ
ตี้อู๋เปียน “ไม่แน่มันอาจจะออกดอกสีขาวเหมือนกับพวกดอกลิลลี่ มะลิ หรือทิวลิปก็ได้”
ปาอิน “…” คนงามคนนี้เห็นเธอเป็นเด็กอายุสามขวบเหมือนกันหรือไง
ถุงลมน้อยเอียงศีรษะและจินตนาการถึงภาพดอกลิลลี่ มะลิ และทิวลิปในหัว
ดอกฉยงฮวาอยากจะร้องไห้!
มันเป็นพืชโบราณเมื่อหลายสิบล้านปีก่อนจะเป็นไปได้ยังไงที่มันจะออกดอกเหมือนกับดอกไม้ที่มีไว้เพื่อชื่นชมความงามดาษดื่นพวกนั้น!
เจ้านายรังแกคนไม่พอ ยังชอบรังแกต้นไม้ด้วย!
เป็นข้านี่เหนื่อยจริงๆ !
ในเวลานี้ เสียงการแจ้งเตือนของวีแชทก็ดังขึ้น
ตี้อู๋เปียนหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะและเปิดอ่านข้อความ จากนั้นก็ลุกขึ้นและกล่าวทักทายผู้อาวุโสหลายคนก่อนจะขอปลีกตัวไปที่ห้องอ่านหนังสือ
สุขภาพของเขาไม่ดีแต่สมองเขานั้นตรงกันข้าม สมองที่เป็นเหมือนซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ชั้นเยี่ยมเหมือนกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่สามารถจัดการดูแลแผนกข้อมูลของทั้งประเทศและองค์กรระดับสูงสุดอีกนับไม่ถ้วน
หน่วยงาน ‘ร้อยแปดพันเก้า’ ซึ่งประกอบด้วยคนแปลกๆ แต่มีทักษะเฉพาะตัวที่เขาสร้างขึ้นมา ยังรับทำงานที่คนธรรมดาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วย
นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ชื่อ ‘อู๋เปียน’ ยังร่วมมือกับเครืออวิ๋นจิงและเครือเทียนเย่ว์แบ่งปันใต้หล้านี้ด้วยกัน พวกเขารวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาจากทุกที่และวิจัยพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสาร ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สำนักงาน สินค้าและบริการดิจิทัล ฯลฯ
เมื่อครู่นี้คือข้อความที่ส่งมาจากเฉิงซิ่นซีอีโอของบริษัท ‘อู๋เปียน’ บอกว่าชิปประมวลผลพร้อมระบบสั่งการอัตโนมัติรุ่นใหม่ที่ออกแบบโดย ‘อู๋เปียน’ พร้อมที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการแล้ว
ชิปเป็นกุญแจสำคัญในอุตสาหกรรมสารสนเทศและเป็นรากฐานของระบบสั่งการ
ประเทศเหยียนหวงของพวกเขาจำเป็นต้องสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบนิเวศอุตสาหกรรมของตนเองขึ้นมา มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องพึ่งพาระบบสั่งการจากประเทศอื่นตลอดไปซึ่งนั่นแทบไม่ต่างอะไรจากการยืมจมูกผู้อื่นหายใจ
สำหรับประเทศหนึ่งการเป็นฝ่ายถูกชักจูงมากเกินไปนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูก ‘บีบคอ’ ได้ง่ายๆ
ซึ่งคนตระกูลตี้ไม่มีวันยอมให้ประเทศของตนถูกควบคุมโดยประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป
ดังนั้นการพัฒนาและวิจัยชิปประมวลผลและระบบสั่งการที่เป็นของตัวเองจริงๆ จะกลายเป็นส่วนสำคัญมากต่อการควบคุมและครอบงำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศภายในประเทศ
การวิจัยและพัฒนาชิปเป็นหนึ่งในโครงการทางวิศวกรรมระบบที่ซับซ้อนมาก มันคือกำลังหลักที่จะนำไปสู่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมรอบใหม่ และเทคโนโลยีหลักของชิปก็คืออาวุธสำคัญของประเทศ
เพื่อให้ประเทศเหยียนหวงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การได้มาซึ่งบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยส่งเสริมให้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในด้านข้อมูลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขากุมอำนาจในการพัฒนาได้
นี่คือสงครามแย่งชิงบุคลากรผู้มีพรสวรรค์ในยุคดิจิทัล
ตี้อู๋เปียนและตี้อู๋เว่ยสองพี่น้อง คนหนึ่งดูแลจัดการเรื่องภายนอก ส่วนอีกคนช่วยวางแผนควบคุมอยู่ข้างหลัง ทั้งสองประสานงานรับส่งกันได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ
“พี่อู๋เปียนในที่สุดโพรเจกต์นี้ก็ปิดตัวลงซะที ผมขอลาหยุดยาวๆ หน่อยนะ!” เด็กหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งของวิดีโอยิ้มกว้าง
“ได้สิ ฉันอนุญาตให้นายไปเล่นกับเยี่ยอิ่งได้สองสามวัน”
“…โอ้ จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าการทำงานมันทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ ลืมไปซะเถอะ วันหยุดพักผ่อนอะไรกันมีแต่จะทำให้ความสุขของผมน้อยลง!”
เด็กหนุ่มผู้แสนสมาร์ทใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ในใจเขากำลังหลั่งน้ำตา
“ไปเถอะ เยี่ยอิ่งคงคิดถึงนายเหมือนกัน”
พ่อหนุ่มสมาร์ทเม้มริมฝีปาก “พี่อยากให้ผมนอนเป็นผักบนเตียงไปทั้งเดือนหรือไง ไอ้คนที่ดีแต่กล้ามเนื้อพัฒนานั่นไม่เคยคิดประลองไอคิวกับผมเลย เจอหน้าไม่ลากผมขึ้นสังเวียนก็เรียกดวลหมัด ลูกผู้ชายบ้านมันสิ ลูกผู้ชายที่แท้จริงควรประลองไอคิวกันมากกว่า!”
“ฉันจะบอกเยี่ยอิ่งให้ว่านายว่าเขาไร้สมอง”
“…พี่อู๋เปียน! พี่ชายของผม! เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม อย่างน้อยเราก็สนิทกันมากกว่าใช่ไหม”
พ่อหนุ่มสมาร์ทเฉิงซิ่นเป็นหลานชายญาติทางฝั่งแม่ของย่าตี้เอ่อร์หลัน เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยก่อนจะเรียนจบและอายุน้อยกว่าตี้อู๋เปียนสามปี และเพิ่งจะอายุครบยี่สิบปีในปีนี้
เพราะการลาออกจากมหาวิทยาลัยอย่างกะทันหันโดยไม่บอกกล่าวครอบครัวให้ทราบ ทำให้พ่อของเขาโกรธจัดจนเกือบจะหักขาเขาทิ้ง
ต่อมาเมื่อเขาผันตัวมาเป็นลูกน้องของตี้อู๋เปียน พ่อของเขาก็ไม่ยุ่งกับเขาอีกต่อไป
ส่วนเยี่ยอิ่งคนที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่ ก็คือหลานชายคนเล็กสุดของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศเหยียนหวง และยังเป็นหัวหน้าหน่วย ‘ร้อยแปดพันเก้า’ ซึ่งแก่กว่าตี้อู๋เปียนสามปี
พวกเขาหลายคนเป็นเพื่อนเล่นกันสมัยเด็ก และทั้งคู่ก็ยังเป็นสองในเหยื่อนับไม่ถ้วนที่ถูกตี้อู๋เปียนกลั่นแกล้งจนร้องไห้เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ตี้อู๋เปียนมองไปที่เด็กหนุ่ม ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “อาซิ่น ฉันคือคนที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อและนายก็คือคนที่จะต้องประคับประคองอู๋เปียนให้อยู่ต่อไป เพราะงั้นใช้สมองนายในการแก้ปัญหาซะ อย่าได้เอาแต่ถามความเห็นฉันตลอด”
พรสวรรค์ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของเฉิงซิ่นนั้นไม่ธรรมดาเลย ชี้แนะนิดหน่อยเขาก็เข้าใจและต่อยอดได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในด้านการบริหารจัดการบริษัทนั้น เขายังขาดความกระตือรือร้นอยู่มาก ท้ายที่สุดนี่ก็ไม่ใช่ด้านที่เขาสนใจ
“…พี่อู๋เปียน ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าพี่สาวภูติกำลังรักษาพี่อยู่หรือไง”
“พี่สาวภูติบ้านนายสิ! เธอชื่อมู่เถาเยา! และใช่เธอกำลังรักษาให้ฉันอยู่ แต่สมุนไพรที่ใช้ในการรักษาก็หายากมากจริงๆ” ซาลาเปาน้อยคือนางฟ้าตัวน้อยๆ ที่น่ารักและเย็นชา ไม่ใช่ภูติ!
“ผมไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นภูติหรือเปล่า ตราบใดที่เธอรักษาให้พี่ได้ ผมไม่เชื่อว่าจะมีสมุนไพรใดในโลกนี้ที่หน่วยร้อยแปดพันเก้าของเราหาไม่พบ”
“ถ้ามันมีอยู่จริงบนโลกนี้ฉันไม่กลัวหรอก ปัญหาคือกลัวมันจะเป็นเพียงสมุนไพรในตำนานนี่สิ”
ขณะนั้นเองก็มีวิดีโอสายหนึ่งโทรเข้ามา
“เยี่ยอิ่ง เรากำลังนินทานายอยู่เลยว่านายน่ะมันโลว์มาก!” เฉิงซิ่นทำหน้าทะเล้นใส่คนที่เพิ่งเข้าร่วมวิดีโอแชทเหมือนกับเด็กๆ
“เหอะ กับคนที่ไม่เคยชนะหมัดฉันได้เลยสักครั้งอย่างนายกล้ามากนะที่ว่าคนอื่นว่าโลว์น่ะ”
เฉิงซิ่น “…อย่าขุดประวัติดำมืดคนอื่นมาแฉได้ไหม เดี๋ยวก็หาเมียไม่ได้หรอก!”
“โทษที บังเอิญว่าฉันมีแฟนแล้ว เพราะงั้นใครบางคนก็นั่งอิจฉาต่อไปซะ!”
“…นายหมายถึงตี้อู๋เปียนเหรอ” ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน!
เขายังเด็กแถมยังโดดเด่นขนาดนี้ ไม่กังวลสักนิดว่าจะหาแฟนไม่ได้!
“ฉันหมายถึงใครใจนายน่าจะรู้ดีที่สุด”
“…เหอะ ฉันรู้ว่านายอิจฉาที่ฉันหนุ่มกว่าแถมยังมีสาวๆ มาให้เลือกอีกมาก!”
“นายยังเลือกอยู่เหรอ กับทรงผมที่เหมือนกับไม้กวาดบนหัวนายนั่นอ่ะนะ รีบไปอาบน้ำแล้วเข้านอนซะ!”
“…ก็นายมันแก่แล้วไง เพราะงั้นถึงไม่เข้าใจความเท่ห์ของวัยรุ่น ทรงอย่างฉันนี่แหละเรียกว่าหล่อระเบิด!”
เยี่ยอิ่งทำเสียงอ้วกใส่หนึ่งทีแล้วพูดว่า “ขยับไปไกลๆ เลย ฉันมีธุระจะคุยกับอู๋เปียน”
เฉิงซิ่นทำท่ายกมือขึ้นรูดซิปปากของเขา
“อู๋เปียน ทางฉันได้ข่าวมาแล้วนะว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนตะวันออก มีหมอหญิงเท้าเปล่าคนหนึ่งเคยพูดกับหมอเทวดาที่มาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์เกี่ยวกับเรื่องดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิต”
“หมอเทวดาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์? ปาเฝ่ยเหรอ”
“เปล่า น่าจะเป็นหมอเทวดาปาถิง”
“แต่หมอเทวดาปาถิงเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพี่น้องปาเฝ่ยอยู่ข้างล่างตอนนี้”
“…ท่านราชาเชิญปาเฝ่ยไปรักษาให้นายเหรอ”
“ไม่ใช่ พวกเขาไม่ได้มาหาฉัน ซาลาเปาน้อย…คือพวกเขามีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับหมอเทวดาน้อยน่ะ”
เฉิงซิ่นถามอย่างกระวนกระวายว่า “งั้นเขามีวิธีรักษาพี่หรือเปล่า”
“ตอนนี้ยังหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ดูเหมือนเขาจะระดับพอๆ กับไป๋เฮ่าอวี๋”
“งั้นคงต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พี่สาวภูติ…”
“มู่เถาเยา!”
“…พี่อู๋เปียน พี่ไม่คิดว่าปฏิกิริยาพี่มันรุนแรงไปหน่อยเหรอ เอาจริงนะมันก็แค่คำเรียกใช่ไหม จำเป็นต้องโหดขนาดนี้ด้วย?”
ทั้งเฉิงซิ่นและเยี่ยอิ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ตี้อู๋เปียน “…อย่าตั้งฉายาให้คนอื่นส่งๆ แบบนั้น มันไม่สุภาพ”
เฉิงซิ่น “…”
เยี่ยอิ่ง “…”
ดูเหมือนใครบางคนแถวนี้จะส่อแววพิรุธซะแล้วสิ!