ตอนที่ 90 ที่อ่อนแอก็มีแค่เขาคนเดียว
หลังจากเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่น มู่เถาเยาก็โทรหาอาจารย์อาเล็กของเธอเพื่อขอลา และหลังจากพักผ่อนได้ครึ่งชั่วโมง เธอก็บอกลาศาสตราจารย์หลินและภรรยาของเขา
“ศาสตราจารย์ อาจารย์แม่คะ หนูจะกลับไปเอาเครื่องมือแล้วจะตรงไปขุดสมุนไพรเลย”
“เยาเยา เรารอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอจ๊ะ ไปๆ มาๆ แบบนี้บวกกับเวลาที่ต้องเก็บสมุนไพรอีก ฉันเป็นห่วง…”
“อาจารย์แม่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูรู้วิชาตัวเบา ถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ล่าช้า หนูจะกลับมาก่อนถึงมื้ออาหารเย็น”
“แต่ปล่อยให้เด็กสาวสาวอย่างเธอไปเพียงลำพัง หากว่าเกิดอุบัติเหตุและไม่มีใครอยู่บนภูเขาเลย มันจะอันตรายแค่ไหน!”
ศาสตราจารย์หลินและภรรยามีสีหน้าเป็นทุกข์
ในด้านสติปัญญา พวกเขาเชื่อในความสามารถของเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ แต่ในด้านอารมณ์พวกเขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
“ตอนที่ฉันอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ฉันมักจะเข้าไปในป่าเซียนโหยวป่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเพื่อไปขุดหาสมุนไพรและฝึกวรยุทธเพียงลำพัง ป่าที่อยู่บนภูเขาเซิ่งเย่ว์นั้นไม่สามารถเทียบได้กับป่าเซียนโหยวเลยสักนิด”
ทั้งคู่ยังจะพูดอะไรได้อีก
ศาสตราจารย์หลินหยิบกุญแจรถและพูดว่า “เสี่ยวเยาเยาพักอยู่ที่ไหน ฉันจะส่งเธอกลับไปเอาเครื่องมือ”
“ศาสตราจารย์ยังมีคลาสในตอนบ่ายไม่ใช่เหรอคะ หนูนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ”
อาจารย์แม่แย่งกุญแจรถไปจากมือสามีของเธอแล้วพูดว่า “คุณไปงีบหลับไป ฉันจะไปส่งเสี่ยวเยาเยาเอง”
“ไม่ได้ ช่วงนี้คุณไม่ได้กินอะไรเลยไม่มีแรงแม้แต่จะเหยียบเบรกรถด้วยซ้ำ!”
“…งั้นก็ไปส่งด้วยกัน!”
มู่เถาเยา “…” จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยไหม
“เสี่ยวเยาเยา ไปกันเถอะจ้ะ ไปเร็วหน่อยจะได้กลับมาเร็วๆ”
“ค่ะ”
ทั้งสามคนเดินลงมาข้างล่างตึก
มู่เถาเยาโทรหาลุงจงพ่อบ้านของตระกูลตี้และขอให้เขาจัดรถมารับเธอภายในสี่สิบนาที
ในรถศาสตราจารย์หลินถามเธอว่า “เสี่ยวเยาเยา เธอพักอยู่ที่ไหน”
“ไปที่เขตเรือนอุ่นรักก่อนค่ะ หนูต้องไปเอาตะกร้าและจอบเล็กๆ ของหนูก่อน จากนั้นค่อยไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอัน หนูจะไปที่ภูเขาเซิ่งเย่ว์ผ่านทางภูเขาชิงซิ่วที่อยู่ด้านหลังเขตเซิ่งซื่อฉางอัน”
“เสี่ยวเยาเยา เราไม่สามารถเข้าไปในเขตเซิ่งซื่อฉางอันได้ หรือไม่เราอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของภูเขาชิงซิ่วดีไหม”
“เข้าไปได้ค่ะ หนูมีบ้านอยู่ในนั้น”
ศาสตราจารย์หลินทำหน้าสงสัย
เสี่ยวเยาเยาเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในชั้นเรียนต่างรู้ดี!
แต่พอคิดๆ ดูว่าเสี่ยวเยาเยาเก่งกาจขนาดนั้น การจะซื้อบ้านสักหลังมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร! ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของหมอเทวดาหยวนยังโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย!
จะมีเงินมากก็เป็นเรื่องปกติ!
อาจารย์แม่หลินรู้ภูมิหลังของมู่เถาเยา ดังนั้นเธอจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมมู่เถาเยา ถึงมีบ้านอยู่ในเขตเซิ่งซื่อฉางอัน เธอรู้สึกว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ ไม่ได้เปราะบางจนชวนคลื่นไส้เหมือนกับนางเอกดอกบัวขาวในนิยายพวกนั้น!
ยิ่งไม่เหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไปที่แม้แต่ฝาขวดก็เปิดไม่ได้!
แต่เสี่ยวเยาเยาตัวน้อยของเธอเต็มใจที่จะข้ามภูเขาไปหาสมุนไพรมารักษาสมาชิกในครอบครัวของศาสตราจารย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งด้วยตัวของเธอเอง!
ผู้ที่สามารถอาศัยอยู่ในเขตเซิ่งซื่อฉางอันได้นั้นหากไม่ร่ำรวยก็ต้องมีอำนาจมาก กับคนอย่างเธอและสามี ต่อให้ต้องทำงานเก็บเงินทั้งชีวิต ไม่กินดื่มหรือเที่ยวเลย ก็ยังซื้อบ้านสักหลังในเขตเซิ่งซื่อฉางอันไม่ได้
อาจารย์แม่หลินรู้สึกว่ามู่เถาเยาไม่เปราะบางเอาแต่ใจและก็ไม่เย่อหยิ่ง น่ายกย่องมาก!
สองสามีภรรยากำชับมู่เถาเยาให้ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยตลอดทาง
มู่เถาเยารับฟังด้วยความอดทนอย่างมาก
เมื่อกลับมาถึงเขตเรือนอุ่นรัก อันดับแรกที่มู่เถาเยาทำก็คือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง ผมยาวของเธอถูกรวบมัดและถักเป็นเปียยาวห้อยลงมาที่ด้านหลัง
จากนั้นเธอก็ใส่ยาทุกชนิดที่อาจจะต้องใช้นอกบ้านลงในกล่องยาขนาดเล็ก
สุดท้ายถึงค่อยไปหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็ก จอบเล็ก พลั่วเล็ก และสิ่งของอื่นๆ ที่อาจารย์ส่งมาให้เธอจากหมู่บ้านเถาหยวนซานที่ห้องเก็บของ
“ศาสตราจารย์ อาจารย์แม่ ฉันเสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้เราไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันกันเถอะ”
ทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นเธอแบกตะกร้าที่ใส่จอบและถือพลั่วไว้ในมือ
ศาสตราจารย์หลินดันแว่นตาของเขาและพูดว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเสี่ยวเยาเยาเหมาะกับภูเขาและทุ่งหญ้ามากกว่านะ!”
อาจารย์แม่หลินพยักหน้า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าอารมณ์ของเสี่ยวเยาเยาจะเข้ากันได้ดีกับตะกร้าสานใบเล็กและจอบขนาดเล็กๆ ! เธอดูเหมือนหญิงสาวในยุคโบราณมาก!”
“เด็กคนนี้สามารถเติมเต็มทุกบทบาทได้อย่างง่ายดายจริงๆ”
“ถ้าเธอเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะได้รับรางวัลอะไรมาล้วนไม่มีส่วนแบ่งของคนอื่น!”
“เสี่ยวเยาเยาจะเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอนาคตต่างหาก นักสะดงนักแสดงอะไรกัน!”
“ใช่แล้วๆๆ ! นักวิทยาศาสตร์การแพทย์สิยอดเยี่ยม! ไม่มีนักแสดงคนไหนเทียบได้!”
พวกคุณสามีภรรยาลืมเรื่องสำคัญไปแล้วใช่ไหม
“ศาสตราจารย์ อาจารย์แม่คะ ถ้าขืนเรายังยืนคุยกันต่อไปฟ้าคงมืดแล้ว!” มู่เถาเยาต้องขัดจังหวะพวกเขา
อาจารย์แม่หลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “แบบนั้นก็ดีสิ เราจะได้ไปวันพรุ่งนี้แทน เสี่ยวเยาเยา ฉันรอได้ ไม่ต้องรีบร้อนจริงๆ นะ”
มู่เถาเยาเบี่ยงสายตาออกไปอย่างหมดคำพูด
รู้อย่างนี้ก่อนหน้านี้ไม่บอกพวกเขาว่าจะไปเก็บสมุนไพรก็คงดี ถ้าไปเองตั้งแต่แรก ป่านนี้คงขุดสมุนไพรเสร็จและกลับมาแล้ว
มู่เถาเยามองดูเวลา ยังไม่ถึงบ่ายสองโมง และเธอคาดว่าจะกลับมาในอีกประมาณสามชั่วโมง เธอจึงพูดว่า “อาจารย์แม่คะ ฉันสัญญาว่าจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน คุณกับและศาสตราจารย์วางใจเถอะค่ะ”
“…เอาเถอะ”
หลังจากขึ้นรถมู่เถาเยาก็ถูกเคี่ยวเข็ญอีกรอบ
มู่เถาเยาคิดว่าอาจารย์แม่หลินเหมือนอาจารย์ใหญ่มาก เธอชอบพูดจู้จี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้แสดงสีหน้ารำคาญใจและตั้งใจฟังอย่างมาก
เมื่อมาถึงเขตเซิ่งซื่อฉางอัน รถของตระกูลตี้ก็มาจอดรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
หลังจากมู่เถาเยาบอกลาทั้งคู่ เธอก็เปลี่ยนไปขึ้นรถอีกคันและกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลตี้
คนตระกูลตี้และตระกูลเย่ว์ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่เดินเข้าประตูมา ตี้อู๋เปียนก็ถามขึ้นเป็นคนแรกว่า “ซาลาเปาน้อย จะไปทำฟาร์มที่ไหนเหรอ”
มู่เถาเยา “…ไปขุดสมุนไพรค่ะ”
ย่าเย่ว์ดึงตัวหลานสาวตัวน้อยของเธอเข้ามาแล้วถามว่า “ไปขุดที่ไหน ใช้เวลานานหรือเปล่า ให้ย่าส่งบอดี้การ์ดไปช่วยหลานดีไหม”
ย่าตี้รีบพยักหน้าแรงๆ “นั่นสิๆ มีอีกสองสามคนคอยช่วย หนูจะได้กลับมาเร็วยิ่งขึ้น”
ถุงลมน้อยวิ่งเข้ามากระโดดเกาะขาของเธอแล้วแสดงความคิดเห็นว่า “พี่สาว อันเหยี่ยจะช่วยด้วย”
มู่เถาเยาลูบหัวของคนตัวเล็กและพูดว่า “รออันเหยี่ยโตก่อนนะคะ”
“ปู่ตี้ย่าตี้ คุณปู่คุณย่าคะ หนูไปคนเดียวจะเร็วกว่า ลัดไปทางด้านหลังของเขาชิงซิ่วพริบตาเดียวก็ไปถึงภูเขาเซิ่งเย่ว์แล้ว ใช้เวลาไม่นาน”
เธอรู้ว่าสมุนไพรชอบเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบไหน ดังนั้นจึงประหยัดเวลาได้มาก
สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาโรคเบื่ออาหารนั้นไม่ใช่สมุนไพรที่หายาก มันสามารถพบเห็นได้ในภูเขาทั่วไป
“เด็กสาวอย่างเธอขึ้นเขาไปขุดสมุนไพรเพียงลำพังมันใช้ได้เหรอ!” ตี้อู๋เปียนขึ้นเสียงเล็กน้อย
“แต่ฉันก็มักจะเข้าป่าเซียนโหยวเพื่อไปเก็บสมุนไพรด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำนะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
ที่แท้คนที่อ่อนแอก็มีแค่เขาคนเดียว!
“แต่ตอนนี้มันเกือบจะบ่ายสามแล้วนะ หลานยังไม่ทันลงจากเขาชิงซิ่วท้องฟ้าก็มืดแล้วมั้ง ยังจะเก็บสมุนไพรได้อยู่อีกเหรอ” ย่าเย่ว์อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
“นั่นสิ เสี่ยวเถาเยา ไว้ไปพรุ่งนี้เถอะ”
“ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ หนูข้ามจากภูเขาด้านหลังไปที่เขาเซิ่งเย่ว์อย่างมากใช้เวลาไม่เกินสิบนาที บวกกับใช้เวลาเก็บสมุนไพรอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หนูจะกลับมาภายในเวลาสองชั่วโมง”
“ใช้เวลาข้ามจากภูเขาด้านหลังไปยังเขาเซิ่งเย่ว์ในสิบนาที? มันจะเป็นไปได้ยังไง!” ปู่ตี้ขมวดคิ้ว
“ใช้วิชาตัวเบายังไงล่ะคะ วิชาตัวเบาของหนูเหนือกว่าอาจารย์เล็กของหนูอีก”
ทุกคน “…”
“ทุกคนไม่ต้องกังวลจริงๆ ค่ะ หนูจะกลับมาก่อนมืดอย่างแน่นอน อ้อ จริงสิ มื้อเย็นวันนี้ไม่ต้องเตรียมเผื่อหนูนะคะ หนูจะไปกินที่บ้านของศาสตราจารย์ ภรรยาของศาสตราจารย์ของหนูเธอป่วยเป็นโรคเบื่ออาหารขั้นรุนแรงน่ะค่ะ หนูเลยจะเก็บสมุนไพรไปให้เธอพร้อมกับสอนให้ศาสตราจารย์ต้มยาด้วย”
ปู่เย่ว์ “เย่ว์เลี่ยงเคยบอกว่าทักษะวรยุทธของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์นั้นสูงกว่าอากวงมาก เพราะงั้นเธอจะไม่เป็นไรหรอก ทุกคนก็อย่าได้ทำให้เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์เสียเวลาอีกเลย เธอจะได้รีบไปรีบกลับ”
ย่าเย่ว์ “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ ถ้าหลานหาสมุนไพรไม่ครบก็ไม่เป็นไรไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปหาด้วยกันใหม่ แต่ต้องลงมาจากเขาก่อนฟ้ามืดโอเคไหม”
“โอเคค่ะ”
มู่เถาเยาลูบหัวของอันเหยี่ยอีกครั้งและหันไปบอกลาผู้เฒ่าทั้งหลาย
“หนูไปก่อนนะคะ”
ยังไม่ทันที่เสียงของเธอจะหายไป ร่างของเธอก็หายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่
ทุกคนเดินไปที่ประตูพร้อมกัน
เห็นเพียงแต่เงาร่างขาดๆ หายๆ สายหนึ่งก่อนที่มันจะหายวับไป