ตอนที่ 107 ความลับอันยิ่งใหญ่
ในตอนเช้า มู่เถาเยาก็หอบเอากระเป๋าที่บรรจุเม็ดยาเสริมธาตุที่เธอหลอมจากโรงพยาบาลผิงคังเมื่อหลายวันก่อนยัดใส่มือเย่ว์หลั่งและขอให้เขานำมันไปให้เป่ยซี
เป่ยซีผอมเกินไป ร่างกายเธอจำเป็นต้องได้รับสารอาหารมากกว่านี้
หลังจากส่งสองพ่อลูกตระกูลเย่ว์กลับไป เธอก็ไปเรียนตามปกติ
อ่านหนังสือไปพลางฟังการบรรยายหน้าชั้นเรียนไปพลาง ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันโดยที่ไม่กระทบต่อกันสักนิด
เนื่องจากเธอมีเป้าหมายในการสำเร็จหลักสูตรมหาวิทยาลัยทั้งสี่ปีภายในปีเดียว แน่นอนว่าความก้าวหน้าของเธอจึงแตกต่างจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ มาก
เธอมีความสนใจในทุกๆ วิชา ดังนั้นจึงยัดพวกมันใส่ตารางเรียนจนเต็ม
แม้ว่าเธอจะยังอยู่ในช่วงวัยที่กระตือรือร้นและเอาแต่ใจ แต่สิ่งที่มีให้เล่นนั้นง่ายเกินไป และเธอก็สามารถทำมันได้อย่างเชี่ยวชาญเพียงได้ลองครั้งหรือสองครั้งแถมยังไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ด้วย เธอจึงหมดความสนใจต่อพวกมันไปโดยปริยาย
ในช่วงระหว่างเรียน หลังจากหวังหมิ่นชิ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าเธอรับโทรศัพท์ เจ้าตัวก็รีบร้อนออกจากห้องเรียน
มู่เถาเยาและคนอื่นๆ หันไปมองหน้ากัน
เซียวเซียว “ชิ่นชิ่นเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น ไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกให้เรารู้สักคำ”
หมิ่นชีสยา “เธอมีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า นี่เราโทรไปถามเธอกันดีไหม”
มู่เถาเยา “ถ้าเธอมีเรื่องด่วนโทรไปตอนนี้จะไม่สร้างปัญหาให้เธอเหรอ รออีกเดี๋ยวละกัน”
ทั้งสองคนพยักหน้า
หมิ่นชีสยา “โชคดีที่อีกเดี๋ยวเป็นคาบเรียนยาว จบแล้วก็พักเที่ยงเลย ไว้ค่อยโทรไปถามหลังเลิกเรียน ดูว่าเราพอจะช่วยอะไรเธอได้บ้างไหม”
เซียวเซียว “เสี่ยวเยาเยา เธอว่าเราไปขอลาหยุดแทนชิ่นชิ่นดีหรือเปล่า อีกเดี๋ยวเป็นคาบเรียนยาวของศาสตราจารย์หวัง ฉันกลัวว่าเขาจะเช็กชื่อ”
“รอดูกันก่อนเถอะ ถ้าเธอยังไม่กลับมาแสดงว่ามีเรื่องด่วนจริงๆ ไว้ค่อยไปบอกศาสตราจารย์หลังจากนั้นก็ได้”
“อื้มๆ”
หลายคนรอให้เพื่อนของพวกเธอกลับมาด้วยความกังวลและความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่งคาบเรียนยาวจบลง หวังหมิ่นชิ่นก็ยังไม่กลับมา
มู่เถาเยากดโทรออก และกดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ทั้งตนเองและคนอื่นๆ ฟังพร้อมกัน
“ชิ่นชิ่น เธออยู่ไหนน่ะ เห็นเธอรีบร้อนวิ่งออกไปขนาดนั้น มีอะไรให้พวกเราช่วยหรือเปล่า”
“แม่ของฉันต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลด่วนน่ะ หมอบอกว่าเธอเป็นโรคผนังลำไส้ทะลุตอนนี้กำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่ เสี่ยวเยาเยา ช่วยลาอาจารย์แทนฉันทีนะ” จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น
เซียวเซียวและหมิ่นชีสยาดูตกใจมาก
มู่เถาเยา “ชิ่นชิ่น อย่าเพิ่งรีบร้อน ตราบใดที่การเจาะลำไส้ดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ปัจจัยเสี่ยงก็จะมีไม่มาก นี่เป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างง่าย และอัตราความสำเร็จโดยพื้นฐานแล้วอยู่ที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะ”
“เสี่ยวเยาเยา…ฉันเชื่อเธอ”
“อืม แล้วเธอกินข้าวหรือยัง ให้ฉัน เซียวเซียว และชีสยาเอามื้อเที่ยงไปให้เธอที่โรงพยาบาลดีไหม”
“แม่ของฉันยังไม่ออกจากห้องผ่าตัดเลย ฉันกับพ่อกินไม่ลงหรอก แต่ถ้าพวกเธอมาฝากเอาโจ๊กมาให้ตากับยายของฉันทีนะ ตอนนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร1111” ถ้าเสี่ยวเยาเยามาเธอคงรู้สึกสบายใจมากขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธ
“โอเค พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้”
“อื้มๆ”
ทั้งสามคนเก็บของและตรงไปที่ประตูมหาวิทยาลัย
หลังจากหาร้านอาหารสไตล์เย่ว์ตูและทานอาหารกลางวันง่ายๆ เธอก็สั่งอาหารเบาๆ เพื่อนำไปฝากตาและยายของเพื่อนเธอที่โรงพยาบาล
เมื่อไปถึงก็บังเอิญพบศิษย์พี่หญิงห้าและพี่เขยห้าที่หน้าประตูพอดี
“เสี่ยวเยาเยา!” สองสามีภรรยาพูดขึ้นพร้อมกัน
“ศิษย์พี่หญิงห้า พี่เขยห้า ทำไมทั้งสองคนถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร1111 ล่ะคะ”
“วันนี้ฉันมีธุระต้องมาทำที่นี่น่ะ เสี่ยวเยาเยาล่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ทำไมเธอถึงมาโรงพยาบาลล่ะ”
ศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลินสำรวจเธอด้วยความกระวนกระวายใจ ดวงตาคู่งามสแกนทั่วร่างของมู่เถาเยารอบหนึ่งเหมือนเรดาร์ตรวจจับ ขณะที่มือก็ต้องการยื่นไปจับชีพจรที่ข้อมือเล็ก
“ศิษย์พี่หญิงห้า ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ ฉันมาที่นี่กับเพื่อนร่วมชั้นเพื่อมาเยี่ยมแม่ของเพื่อนร่วมชั้นอีกคน”
หลังจากถูกเตือน ศิษย์พี่หญิงห้าถึงเพิ่งสังเกตเห็นเซียวเซียวและหมิ่นชีสยาที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เถาเยา
“โอ๊ะ เพื่อนร่วมชั้นของเสี่ยวเยาเยาเหรอ สวัสดีจ้ะทั้งสองคน”
“สวัสดีค่ะศิษย์พี่หญิงห้า” เซียวเซียวและหมิ่นชีสยาขานรับเธออย่างเชื่อฟัง
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มและพยักหน้า
“เสี่ยวเยาเยา พวกเธอกินข้าวแล้วหรือยัง”
“กินมาแล้วค่ะ ศิษย์พี่หญิงห้ากับพี่เขยรีบกลับไปกินข้าวและพักผ่อนเถอะ ศิษย์พี่ยังท้องอยู่นะ”
นับตั้งแต่ที่เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ พี่เขยห้าเยี่ยหนานเฉินก็ไปรับไปส่งศิษย์พี่หญิงห้าที่ทำงานทุกวัน
“ก็ได้ พวกเธอไปเยี่ยมคนไข้กันเถอะ ไว้ว่างๆ เราค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
หลังจากกล่าวคำอำลา คนสองกลุ่มก็เดินสวนทางกัน กลุ่มหนึ่งเข้าไปข้างใน ส่วนอีกกลุ่มออกไปข้างนอก
เซียวเซียว “เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงมีศิษย์พี่หญิงด้วยล่ะ แถมยัง…ลำดับที่ห้าอีก นอกจากนี้อายุของพวกเธอเองก็ดูเหมือนจะแตกต่างกันมาก”
แม้ว่าศิษย์พี่หญิงห้าคนนี้ดูจากภายนอกจะเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในวัยสามสิบ แต่เสี่ยวเยาเยายังเป็นเพียงวัยรุ่นเท่านั้น
“ฉันเรียนหมอมาตั้งแต่เด็กน่ะ อาจารย์ของฉันมีลูกศิษย์อยู่เก้าคน และฉันก็เป็นลูกศิษย์คนสุดท้าย เป็นศิษย์ปิดสำนักน่ะ”
“มิน่าล่ะเธอถึงรักษาคนได้!”
หมิ่นชีสยา “เสี่ยวเยาเยา ถ้าอย่างนั้นที่เธอมักจะขาดเรียนประจำแต่ไม่เคยถูกพวกอาจารย์หักคะแนนเลย เป็นเพราะมีหัวหน้าภาควิชาคนไหนในมหา’ลัยที่เกี่ยวข้องกับเธออย่างนั้นสินะ”
“อธิการบดีเจียงเป็นอาจารย์อาเล็กของฉัน”
“!!!”
ทั้งสองคนดูตกใจมาก
“เสี่ยวเยาเยา เธอ…คือลูกศิษย์…ปิดสำนัก…ของหมอเทวดาหยวน…อย่างนั้นเหรอ!!!” หมิ่นชีสยาพูดตะกุกตะกัก
“ใช่”
“อ้าาา…”
ทั้งสองคนกรี๊ดลั่นโรงพยาบาล
พยาบาลที่เพิ่งเดินผ่านมามองพวกเธออย่างโกรธๆ “ญาติคนไข้คะ กรุณาลดเสียงของพวกคุณลงด้วย จะได้ไม่กระทบกับคนไข้รายอื่น”
“ค่ะๆๆ”
สองสาวรีบหุบปากลงอย่างรวดเร็ว
มู่เถาเยา “เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อนนะ” ตอนนี้เธอยุ่งมากและยังไม่มีเวลาไปจัดการกับบางคนที่เข้ามาหาเธอเพราะชื่อเสียงของอาจารย์ใหญ่
ทั้งสองพยักหน้าอย่างแรง
สองสาวที่บังเอิญได้กุมความลับอันยิ่งใหญ่ไว้ตื่นเต้นอย่างมากราวกับเพิ่งได้รับราชโองการสีทอง
แต่หลังจากที่พวกเธอได้พบกับหวังหมิ่นชิ่นและครอบครัวของเธอ ทั้งสองก็กลับมาดูเป็นกังวลอีกครั้ง
“ชิ่นชิ่น เธอไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนตากับยายของเธอก่อนเถอะ”
หวังหมิ่นชิ่นจัดอาหารให้ตาและยายของเธอ แต่สองผู้เฒ่าไม่ได้หยิบตะเกียบ
สามสาวเกลี้ยกล่อมเธออีกสองสามคำ เมื่อเห็นว่าเธอกินไม่ลงจริงๆ จึงไม่เกลี้ยกล่อมอีกต่อไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ที่จะกินข้าวเพราะกังวลมาก
มู่เถาเยาถาม “ชิ่นชิ่น ผลการตรวจของคุณป้าเป็นยังไงบ้าง”
“ลำไส้ใหญ่ทะลุน่ะ”
“ถ้าแผลทะลุมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นไปได้มากว่าส่วนหนึ่งของลำไส้จะต้องถูกตัดออก จากนั้นถึงจะทำการเย็บเปิดปิดผนังช่องท้อง ลำไส้จะกลับมาสมานกันอย่างสมบูรณ์หลังผ่าตัดสามถึงหกเดือน”
“เสี่ยวเยาเยา” หวังหมิ่นชิ่นกอดมู่เถาเยาด้วยดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนคนที่ต้องการจะร้องไห้แต่กำลังฝืนกลั้นไว้
“ชิ่นชิ่น ไม่ต้องกลัว เราทุกคนจะอยู่กับเธอ”
เซียวเซียวและหมิ่นชีสยาพยักหน้าอย่างแรง จากนั้นก็มองไปที่มู่เถาเยาอย่างมีความหวัง
มู่เถาเยา “ฉันจะไปดูคุณป้าให้ทีหลัง”
เซียวเซียวและหมิ่นชีสยาพยักหน้าอย่างรุนแรงให้กับหวังหมิ่นชิ่นอีกครั้ง
“ได้”
หวังหมิ่นชิ่นไม่รู้ว่ามู่เถาเยาเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวน แต่เธอเชื่อมู่เถาเยา
ไม่รู้ว่าทำไม เสี่ยวเยาเยาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสามารถเชื่อใจอีกฝ่ายได้อย่างสุดหัวใจ
“ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่ที่นี่แล้ว จะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด”
“อื้มๆ”
เซียวเซียวช่วยมู่เถาเยาถือกล่องยาขนาดเล็กอย่างสุภาพ การแสดงออกของแฟนคลับตัวน้อยชัดจนไม่อาจชัดมากไปกว่านี้ได้แล้ว!
การพูดคุยกันและการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของกลุ่มเด็กสาว ได้เบี่ยงเบนความสนใจของตระกูลหวังทำให้พวกเขาไม่ได้เคร่งเครียดหนักเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
แม้ว่าการผ่าตัดของแม่หวังจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เพียงแต่ว่าอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่มีหมอคนไหนกล้ารับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กับเธอ อุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้น
การผ่าตัดฉุกเฉินนี้ใช้เวลาถึงสี่ชั่วโมง
เมื่อรู้ว่าการผ่าตัดเป็นไปด้วยดี ตระกูลหวังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พ่อหวังเร่งให้ลูกของเขากลับไปเรียน
“เพื่อนร่วมชั้นของชิ่นชิ่น ขอบคุณทุกคนมากนะที่มาเยี่ยมแม่ของชิ่นชิ่น รอแม่ของชิ่นชิ่นออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ฉันจะให้ชิ่นชิ่นเชิญทุกคนไปกินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้านนะ”
เซียวเซียวโบกมือแล้วพูดว่า “ลุงหวัง ลุงเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ชิ่นชิ่นเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา พวกเราต้องมาเยี่ยมคุณป้าอยู่แล้ว”
“ได้ ถ้างั้นเด็กๆ รีบกลับไปเรียนเถอะ”
“เสี่ยวเยาเยา เซียวเซียว ชีสยา พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ฝากลาอาจารย์แทนฉันด้วย พ่อคะ หนูจะอยู่ต่อเป็นเพื่อนแม่”
“พวกเราไม่ต้องการลูกที่นี่ กลับไปเรียนซะ แม่ลูกมีพ่ออยู่ด้วยก็พอแล้ว”
ยายของหวังหมิ่นชิ่นก็พูดเหมือนกันว่า “ใช่แล้ว น้ากับน้าสะใภ้ของหลานเองก็กำลังรีบมาที่นี่”
“ถ้างั้นหนูจะกลับมาใหม่หลังเลิกเรียน”
“อืม”
พ่อของหวังหมิ่นชิ่นรู้นิสัยใจคอของลูกสาวดี ถ้าไม่อนุญาตให้เธอกลับมา เธอคงไม่ยอมไปเรียนเลย
เด็กสาวหลายคนออกจากโรงพยาบาลหลังจากกล่าวทักทายตระกูลหวังเสร็จ
ระหว่างทางกลับบนแท็กซี่ มู่เถาเยาพูดกับหวังหมิ่นชิ่นว่า “ฉันจะไปกับเธอหลังเลิกเรียน” พรุ่งนี้ค่อยย้ายกลับไปที่เขตเรือนอุ่นรัก
“พวกเราจะไปกับเธอด้วย”
“อื้ม” หวังหมิ่นชิ่นยิ้มทั้งน้ำตา
มู่เถาเยาลูบหัวของเธอเหมือนกับที่ทำกับถุงลมน้อยตี้อันเหยี่ย “ไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่ที่นี่”
“เสี่ยวเยาเยา…” เซียวเซียวอดไม่ได้ที่จะ ‘เปิดเผยความลับ’ กับหวังหมิ่นชิ่น
มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า
ในเมื่อทั้งสองคนรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่สำคัญอีกต่อไปว่าจะมีคนที่สามรู้หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่เถาเยาเชื่อใจพวกเธอ
เซียวเซียวพูดอย่างมีความสุขว่า “ชิ่นชิ่น เธอไม่ต้องกังวล มีเสี่ยวเยาเยาอยู่กับเรา คุณป้าจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน”
บนรถยังมีคนขับรถแปลกหน้า เธอจึงต้องระงับเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้คนนอกรู้ตัวตนของเสี่ยวเยาเยา!
เธอต้องทนจนกว่ารอบข้างของพวกเธอจะไม่มีใครอยู่ถึงจะพูดได้!
“อื้มๆ”
ในเวลานี้หวังหมิ่นชิ่นไม่ได้ละเอียดรอบคอบเหมือนปกติ เธอจึงไม่ได้เอะใจถึงความหมายเบื้องหลังคำพูดของเซียวเซียวเลย
เซียวเซียวทนจนปวดไส้ไปหมดแล้ว
อ๊ากก ต้องโทษนิสัยตรงไปตรงมาของเธอ!
มู่เถาเยาหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเพื่อนสาว
หมิ่นชีสยาที่นั่งอยู่เบาะหน้าไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางตลกๆ ของเซียวเซียว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินมู่เถาเยาหัวเราะ เธอจึงหันกลับไปและถามว่า “เสี่ยวเยาเยา เธอหัวเราะอะไรเหรอ”
เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่คนที่จะหัวเราะได้ง่ายๆ !
“สีหน้าของเซียวเซียวดูตลกมาก”
จากนั้นหมิ่นชีสยาและหวังหมิ่นชิ่นก็หันไปมองเซียวเซียวพร้อมกัน
ทั้งสองคนหัวเราะก้องรถ
เซียวเซียว “…” นี่เธอมาเพื่อสร้างความตลกให้กับเพื่อนๆ ใช่ไหม
อย่างไรก็ตามการได้เห็นชิ่นชิ่นหัวเราะก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
เสียงหัวเราะของเด็กสาวหลายคนได้ชะล้างความหนักใจและความเศร้าหมองลงไปในทันที
หลังลงจากรถ เซียวเซียวแทบทนรอไม่ไหวที่จะดึงหวังหมิ่นชิ่นไปยังมุมหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ และขอให้หมิ่นชีสยาคอยดูต้นทาง
“ชิ่นชิ่น ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อน”
ใบหน้าของหวังหมิ่นชิ่นเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ฉันมีความลับอันยิ่งใหญ่ที่อยากจะบอกให้เธอรู้! เพราะงั้นเพื่อป้องกันเธอกรี๊ด เธอต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเดี๋ยวนี้!”
หวังหมิ่นชิ่นยกมือปิดปากตัวเองอย่างงงๆ
“ชิ่นชิ่น เสี่ยวเยาเยาเป็นศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน!”
ดวงตาอัลมอนด์ของหวังหมิ่นชิ่นค่อยๆ เบิกกว้างตามสติที่กลับเข้าตัว
หมอเทวดาหยวนอาจกล่าวได้ว่าเป็นไอดอลของแพทย์และนักศึกษาแพทย์ทุกคน!
“เพราะงั้น เธอไม่ต้องเป็นกังวลไป คุณป้าจะไม่เป็นอะไร!”
หวังหมิ่นชิ่นหันไปมองมู่เถาเยา
เห็นเพียงหญิงสาวที่ยืนอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้า เธอช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ทำให้ดวงตาของเธอสั่นไหวด้วยคลื่นอารมณ์อย่างรุนแรง