ตอนที่ 115 หิวเหมือนอวตารเข้าสิงร่าง
เมื่อมู่เถาเยากลับจากสถานีตำรวจ ก็เห็นเด็กสาวทั้งสองคนกำลังวุ่นอยู่ในครัว
เป็นธรรมดาของคนที่ไม่ค่อยเข้าครัว ดังนั้นตอนนี้ในครัวจึงเลอะเทอะไปหมด
มู่เถาเยาไม่ชอบกินอาหารประเภทเส้นเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ได้สำรองแป้งหมี่ไว้ ไม่อย่างนั้นทั้งสองที่ชอบเล่นแป้งกันอยู่แแล้วคงได้ทำครัวระเบิดแน่
เมื่อพบแหล่งความร้อนภายในขอบเขตของการระเบิด เปลวไฟจะกระจายไปทั่วพื้นที่ที่มีฝุ่นปะปนอยู่ทันที
ความเร็วของปฏิกิริยาเคมีชนิดนี้เร็วมาก ในขณะเดียวกันก็จะปล่อยความร้อนในปริมาณมหาศาลออกมา ทำให้เกิดอุณหภูมิสูงและมีแรงดันสูงขึ้น
จากนั้นพลังงานของระบบจะถูกเปลี่ยนแปลงสถานะ เมื่อควบคู่ไปกับการแผ่รังสีของแสงและความร้อน ทำให้กลายเป็นพลังทำลายล้างที่รุนแรงมาก
เด็กสาวสองคนนี้ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเหมือนกับเธอ คงถูกกลืนกินไปในพริบตา
แค่คิดมู่เถาเยาก็เหงื่อตก
“เสี่ยวเยาเยา!”
เมื่อมู่หว่านเห็นมู่เถาเยามองพวกเธอทำอาหารกันอยู่หน้าห้องครัว จึงผุดรอยยิ้มบนใบหน้า
“พี่เยาเยา!”
เจียงเฟิงเหมียนที่กำลังล้างผักและหันหลังให้กับประตูห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงของมู่หว่าน จึงรีบหันหน้าไปทันที
“ทำไมไม่รอฉันกลับมาทำอาหารให้ล่ะ”
มู่เถาเยาเดินเข้าไปในครัวอย่างช้าๆ
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราคิดว่าเธอไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนั้น ก็เลยอยากทำอาหารไว้รอ เธอกลับมาแล้วจะได้กินเลย”
เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้าหงึกหงัก
นัยน์ตาของมู่เถาเยาส่องประกายดวงดาวเล็กๆ
จากนั้นจึงเดินไปใกล้ๆ อ่างล้างผัก พับแขนเสื้อและล้างมือ แล้วหันไปดูหม้อหุงข้าว
ปุ่มหุงข้าวยังไม่ได้กด…
เมื่อเปิดฝาดูน้ำ… อืม ก็พอได้ แต่หากหุงด้วยน้ำปริมาณนี้จริงๆ ข้าวคงจะแข็งมาก!
ไม่เป็นไร ฟันของพวกเธอยังแข็งแรงดีอยู่! ตอนกินก็แค่…เคี้ยวนานหน่อยแค่นั้น!
ถึงอย่างไรพวกเธอก็ไม่ได้รีบร้อน …
มู่เถาเยาไม่ได้เติมน้ำเพิ่ม ไม่อยากทำให้พวกเธอหงอยลง
เมื่อปิดฝาหม้อแล้ว จึงกดปุ่มหุงข้าว
สองสาวมองมาที่เธอพลางหัวเราะคิกคัก ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการลืมกดปุ่มหุงข้าวเลยสักนิด
มู่เถาเยารับตะหลิวจากมือของมู่หว่านแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันจะทำอาหารเอง พวกเธอออกไปเล่นกันข้างนอกเถอะ”
“เสี่ยวเยาเยา วันนี้เธอเหนื่อยมามากแล้ว ฉันกับเสี่ยวเหมียนอยากทำให้เธอกินมากกว่า”
“…งั้นก็อยู่ช่วยในครัวคนหนึ่ง อีกคนไปตั้งโต๊ะ แล้วล้างผลไม้รอ”
เจียงเฟิงเหมียน “พี่เสี่ยวหว่าน พี่ไปจัดจานจัดตะเกียบเถอะ ฉันจะช่วยพี่เยาเยาล้างผักหั่นผักเอง” เพราะเมื่อครู่เธอกำลังล้างอยู่พอดี
“ได้”
สามสาววุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารเย็น
ทั้งสามคนสามัคคีกันมาก ไม่นานอาหารสี่อย่าง น้ำแกงหนึ่งถ้วยก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
สี กลิ่น และรสชาติดูธรรมดา แต่พวกเธอกลับทานกันอย่างมีความสุข
“เสี่ยวเยาเยา อาหารที่เธอทำอร่อยจริงๆ!” มู่หว่านลูบท้องที่ยัดอาหารลงไปพลางส่งยิ้มให้มู่เถาเยา
เจียงเฟิงเหมียนและมู่หว่านนั้นมีท่วงท่าเดียวกัน
มู่เถาเยา “…” ตนเองอยู่ระดับไหนเธอย่อมรู้ดี
หญิงชาวบ้านที่ธรรมดาที่สุดในหมู่บ้านเถาหยวนซาน ยังมีฝีมือการปรุงอาหารที่ดีกว่าเธออีก!
ฝีมือของเธอไม่ดีนักเป็นเพราะชาวบ้านและเหล่าอาจารย์ไม่ยอมให้เธอเข้าครัว!
“ฉันจะไปหยิบยาให้พวกเธอกิน คืนนี้พวกเธอกินมากเกินไปแล้ว” หิวโซเหมือนกับอวตารเข้าสิงร่างอย่างไรอย่างนั้นแหละ
“เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องกินยาหรอก พวกเรานั่งพักกันสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังไม่ดึก ไม่นอนเร็วขนาดนั้น” มู่หว่านคว้าตัวมู่เถาเยาที่กำลังจะลุกขึ้นไว้
เพิ่งจะหกโมงครึ่งเอง ยังมีเวลาย่อยอีกเยอะเลย
“งั้นก็ได้ งั้นพวกเธอไปนั่งในห้องนั่งเล่นเถอะ ฉันจะทำความสะอาดห้องอาหารกับห้องครัว”
มู่หว่านและเจียงเฟิงเหมียนดึงแขนของมู่เถาเยาคนละข้าง ล็อกตัวเธอแล้วพาออกจากห้องอาหาร จากนั้นจึงกดตัวเธอให้นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
“เสี่ยวเยาเยา ฉันกับเสี่ยวเหมียนจะทำความสะอาดเอง”
มู่เถาเยา “…”
ก็ได้ ไม่ใช่งานหนักอะไร
มู่หว่านและเจียงเฟิงเหมียน คนหนึ่งเปิดทีวี คนหนึ่งยื่นโทรศัพท์มือถือให้มู่เถาเยา
มู่เถาเยา “…”
หลังจากสองสาว ‘จัดหาที่นั่ง’ ให้มู่เถาเยาแล้วจึงจูงมือกันไปที่ห้องอาหาร
จากนั้น เสียงที่ไม่ค่อยสามัคคีกันของอุปกรณ์แต่ละชนิดก็ดังโครมคราม
ไม่ทำถ้วยแตก ก็คงทำฝาหม้อหล่น…
มู่เถาเยาวิดีโอคอลหาผู้เฒ่าสองคู่จากทั้งตระกูลเย่ว์และตระกูลเป่ยระหว่างการแสดงซิมโฟนีในครัว
พูดคุยกับแต่ละฝั่งราวๆ ครึ่งชั่วโมง รวมทั้งสองฝั่งก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี
จนกระทั่งวางสาย เสียงในห้องครัวก็ยังดังไม่หยุด หลังจากวางสายแล้วเธอจึงเข้าไปดูหน่อย
ไม่รู้ว่าจานชามยังเหลือครบไหม
หรือว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อกลับมาเก็บเพิ่มดี หรือจะซื้อเครื่องล้างจานดีนะ
“แหะๆ…”
เมื่อเห็นมู่เถาเยาเข้ามา ทั้งสองจึงส่งยิ้มแหยให้เธอ
“มือไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
สองสาวส่ายหัวไปมา
ถ้วยจานที่เปื้อนน้ำยาล้างจานลื่นมากจริงๆ ก็เลยถือไว้ไม่อยู่
“เสี่ยวเยาเยา เธอไปนั่งเถอะ พวกเราทำความสะอาดพื้นอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
“…อืม”
เก็บกวาดพื้นใช้เวลาไม่นานเท่าไร
“เสี่ยวเยาเยา พวกฉันจะไปทิ้งขยะ แล้วจะแวะเดินเล่น เธออยากออกไปด้วยกันไหม”
“พวกเธอไปเถอะ ฉันจะไปนั่งตรงระเบียงชั้นบน”
ชุมชนนี้ปลอดภัยมาก อีกอย่างทั้งสองคนเองก็มีทักษะที่ดี มู่เถาเยาจึงไม่ห่วงเท่าไร
“โอเค งั้นถ้าพวกฉันกลับมาแล้วจะขึ้นไปหาเธอที่ระเบียงนะ”
“อืม กุญแจอยู่บนตู้รองเท้าข้างประตู”
“โอเค งั้นพวกฉันออกไปแล้วนะ”
มู่เถาเยาพยักหน้ารับ
สองสาวหิ้วขยะจากห้องครัวออกไปคนละถุง
เมื่อมู่เถาเยาเห็นว่าพวกเธอปิดประตูแล้วจึงหยัดกายลุกขึ้น จากนั้นจึงหยิบกล่องยาไปไว้ที่ห้องอ่านหนังสือชั้นสองตามเดิม แล้วคว้าแล็ปท็อปไปยังระเบียงชั้นสามทันที
ค่ำคืนปลายเดือนเมษายนไม่ร้อนไม่หนาว มู่เถาเยาจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างสบายใจ
ความพึงพอใจ ความสุข ความคิดถึง ความเศร้า…ทุกความรู้สึกผสมปนเปกัน นั่นจึงทำให้เธอแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์อยู่ที่ไหน
ไม่รู้ว่าเยี่ยนหังจะยังคงเศร้าอยู่หรือเปล่า
ไม่รู้ว่า…อาจะคลอดน้องชายที่ฉลาดและน่ารักอย่างเยี่ยนหังให้ได้ไหม
ไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่ อาจารย์เล็ก และอาจารย์แม่จะคิดถึงเธอจนกินอะไรไม่อร่อยหรือเปล่า
ไม่รู้ว่า… แม่เป่ยจะยอมรับได้หรือยัง จะยังตำหนิตัวเองอยู่ไหม
ไม่รู้ว่าเจ้าถุงลมน้อยจะร้องไห้หาเธออยู่หรือเปล่า
ไม่รู้ว่าตี้อู๋เปียนจะมีโชคได้พบดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิตในตำนานไหม
อืม…เธอเองก็ต้องพยายามให้มากเช่นกัน ต้องพยายามยืดอายุขัยของเขาให้ได้นานที่สุด
ความเศร้าเล็กๆ ของมู่เถาเยาก็เริ่มมลายหายไป
เปิดแล็ปท็อป และค้นหาพืชที่ไม่รู้จักทั้งหมดในโลก
น่าเสียดาย ไม่มีพืชที่เข้ากับดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิตได้เลย
มู่เถาเยาปิดแล็ปท็อป หยิบโทรศัพท์กดหาผู้ติดต่อที่คุ้นเคย จากนั้นจึงส่งภาพถ่ายของดอกฉยงฮวา ดอกไม้สองชีวิตที่เธอวาด รูปวาดหญ้าพิษชีวิต แล้วก็รูปภาพ ‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ บนภูเขาเทพจันทราที่คุณน้าพรรณนาให้ฟัง
จากนั้นส่งข้อความตามท้ายไปด้วยว่า “ศาสตราจารย์จิน คุณเคยเห็นพืชพวกนี้ไหมคะ”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ทางนั้นก็วิดีโอคอลมา
มู่เถาเยารับสายทันที
จินเฉิงเจียงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวมู่ พืชพวกนี้ที่เธอส่งมามีอยู่จริงในโลกนี้งั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ สองชนิดแรกฉันเคยเห็นเองกับตา ส่วนชนิดที่สามมีแค่ในตำนาน ไม่มีใครเคยเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน ฉันวาดรูปของมันออกมาตามการบรรยายของคัมภีร์โบราณ ไม่รู้ว่ามันหน้าตาแบบนี้จริงหรือเปล่า ส่วนสองชนิดหลังญาติของฉันวาดออกมาตามของจริงค่ะ”
“พืชพวกนี้มีชื่อว่าอะไร ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน” จินเฉิงเจียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ศาสตราจารย์จิน พวกมันมีชื่อว่าดอกฉยงฮวา ดอกไม้สองชีวิต หญ้าพิษชีวิต ‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ ค่ะ นอกจากดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิตที่พบในคัมภีร์โบราณแล้ว อีกสามชนิดแม้ว่าจะไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็มีอยู่จริงบนโลกนี้ค่ะ”
“เสี่ยวมู่ ให้ฉันดูของจริงหน่อยได้ไหม”
“สองชนิดหลังไม่ได้อยู่ในเขตประเทศเหยียนหวง ถ้าศาสตราจารย์จินขาหายดีแล้ว ก็มาดูดอกฉยงฮวาก่อนได้”
“โอเคๆๆ!”
อันที่จริงเขาต้องการเห็นมันเดี๋ยวนี้เลย!
พืชพวกนี้เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน!
ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ!