ตอนที่ 194 พี่สาวหอมฉุย
ก่อนนอนตอนกลางคืน มู่เถาเยาโทรวิดีโอคอลหามู่หว่านเพื่อบอกว่าพรุ่งนี้จะไปหา
นักเรียนของประเทศเหยียนหวงที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีวันหยุดหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันสอบ บรรดานักเรียนจะอ่านหนังสือที่บ้านก็ได้ หรือจะเปิดห้องโรงแรมใกล้สนามสอบเพื่อทบทวนตำราอย่างเงียบๆ ก็ได้
แต่มู่หว่านไม่เหมือนกัน
เธอโตมากับมู่เถาเยา มีพรสวรรค์ ขยันหมั่นเพียร พึ่งพาตนเองได้…มีความโดดเด่นในแต่ละด้านมากกว่าคนวัยเดียวกันไม่ใช่แค่นิดเดียว
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องสอบแข่งขันแบบนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไรมากมาย
“เสี่ยวเยาเยา ฉันจะบอกให้นะ เธอไม่ต้องมาหรอก ฉันจะไปหาเธอเอง”
“…เสี่ยวหว่าน คุณลุงผู้ใหญ่บ้านกับคุณป้าไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่กังตูเหรอ”
ถึงแม้มู่เถาเยาจะไม่เคยผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็รู้ว่าวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศ.เหยียนหวงสำคัญขนาดไหน
“พ่อแม่อยู่กับฉัน ฉันบอกว่าอยากไปหาเธอ แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่ยอมให้ฉันไปคนเดียว เสี่ยวเยาเยา ช่วยขอพ่อกับแม่ให้ฉันหน่อยสิ ฉันโตป่านนี้แล้ว ไปไหนไม่หลงทางหรอก”
“เสี่ยวหว่าน…คุณลุงผู้ใหญ่บ้าน คุณป้า”
มู่เถาเยาทักทายคนบนหน้าจอที่เปลี่ยนไป
แม่ของมู่หว่านอดบ่นกับมู่เถาเยาไม่ได้ “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวหว่านอยากจะไปหาหนูที่เย่ว์ตูในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ให้ได้ เกิดพลัดหลงหายไปหรือเกิดปัญหาจนมาสอบไม่ได้…พวกเราจะวางใจปล่อยให้ไปได้ยังไง”
พ่อของมู่หว่านพูดแทรก “นั่นสิ เสี่ยวเยาเยา ช่วยพูดกับเสี่ยวหว่านหน่อย ล้มเลิกความคิดจะไปข้างนอกได้แล้ว อยากไปไหนรอสอบเสร็จก่อนค่อยไป”
“คุณป้าไม่วางใจให้เสี่ยวหว่านมาคนเดียวหรือไม่วางใจเรื่องผลคะแนนของเสี่ยวหว่านคะ หรือกลัวเสี่ยวหว่านจะพลาดการสอบ”
“เอ่อ…ดูเหมือนจะมีอยู่บ้าง”
“คุณป้าคะ ไม่งั้นคุณป้ากับคุณลุงผู้ใหญ่บ้านก็มาด้วยกันเลยสิคะ พรุ่งนี้หนูส่งคนไปรับดีไหม ความสามารถระดับเสี่ยวหว่านสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ไม่มีปัญหาค่ะ วางใจได้เลยนะคะ”
มู่หว่านพูดเสียงดัง “นั่นสิ หนูมีโจทย์ที่อยากเอาไปถามเสี่ยวเยาเยาด้วย เสี่ยวเยาเยาเก่งกว่าอาจารย์ของหนูเยอะเลย!”
ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของลูกสาว
ในสายตาของคนหมู่บ้านเถาหยวน มู่เถาเยาเปรียบเหมือนนางฟ้านางสวรรค์
“คุณลุงผู้ใหญ่บ้านคะ เสี่ยวหว่านยังไม่เครียดเลยค่ะ ปล่อยมาเที่ยวสักสองวันก็ยังดี ไม่ต้องกังวลเรื่องเดินทางนะคะ หนูจะให้เหลียงจีไปรับไปส่ง ประหยัดเวลาประหยัดแรง ไม่เสียงานแน่นอนค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ถ้ามีเหลียงจีรับส่งเสี่ยวหว่าน งั้นพวกเรารอเสี่ยวหว่านอยู่ที่บ้านลุงในกังตูแล้วกัน”
“คุณลุงคุณป้าอุตส่าห์ได้ออกมาข้างนอกทั้งที มาด้วยกันสิคะ มาช่วยทำกับข้าวให้หนูกับเสี่ยวหว่านก็ได้ หนูคิดถึงฝีมือทำอาหารของคุณลุงคุณป้าค่ะ”
มู่อี้กับภรรยามีเหรอจะยังปฏิเสธมู่เถาเยาได้ลงคออีก
“เสี่ยวเยาเยา งั้นพวกเราจะไปช่วยทำกับข้าวให้พวกหนูกิน หนูไม่ได้กินฝีมือของพวกเรานานแล้ว” น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านมู่เจือไปด้วยความดีใจ
“ค่ะ สิบโมงเช้าวันพรุ่งนี้รอเหลียงจีที่สนามบินนะคะ เดี๋ยวหนูส่งเบอร์ของเหลียงจีเข้าโทรศัพท์มือถือของคุณลุงผู้ใหญ่บ้านค่ะ หนูจะรอมากินข้าวกลางวันด้วยกันนะคะ”
“เสี่ยวเยาเยา อย่ารอเลย จากกังตูไปเย่ว์ตูตั้งสี่ชั่วโมง ตอนบ่ายหนูยังต้องเข้าเรียนอีก”
“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เร่งความเร็วเครื่องบินได้ เที่ยงก็มาถึงแล้วค่ะ”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นก็ได้ พวกเรากินข้าวเที่ยงด้วยกัน”
“แม่คะ ขอหนูคุยกับเสี่ยวเยาเยาหน่อย” มู่หว่านอยากแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากมือแม่
“เสี่ยวเยาเยาต้องพักผ่อนแล้ว ลูกก็ต้องพักผ่อนแล้วเหมือนกัน มีอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
“เสี่ยวหว่าน อย่าลืมเอาพวกโจทย์มาด้วยล่ะ ไม่เข้าใจตรงไหนเอามาให้ฉันอธิบาย”
“ได้ งั้นเสี่ยวเยาเยาไปพักผ่อนเถอะ”
“อืม เธอก็เหมือนกัน พรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยเก็บของนะ”
“อืมๆ ฝันดีนะเสี่ยวเยาเยา”
“ฝันดีจ้ะ”
มู่เถาเยาวางสาย ส่งเบอร์ของเหลียงจีเข้ามือถือของผู้ใหญ่บ้านมู่ จากนั้นก็ส่งข้อความบอกเหลียงจีจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ คิดๆ ดูแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไรจึงวางโทรศัพท์มือถือไว้ด้านข้างแล้วไปล้างหน้าแปรงฟันเข้านอน
วันต่อมายังไม่ตีห้า ฟ้ายังไม่สว่าง มู่เถาเยากับเหลียงจีออกจากห้องแทบจะพร้อมกัน
พวกเธอจะไปฝึกยุทธ์ที่บ้านตระกูลตี้ นัดไว้แล้วว่ามารวมตัวกันเวลาตีห้าของทุกวัน
ตอนที่ทั้งสองคนไปถึง บรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลตี้ต่างมารอที่สนามหญ้าด้วยจิตใจที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าอยู่ก่อนแล้ว
โดยเฉพาะพ่อบ้านจง เรียกได้ว่าพร้อมกว่าเป็นร้อยเท่า
นี่เป็นวิชาลับที่คุณหมอเทวดาตั้งใจมาฝึกให้เขาโดยเฉพาะ เขาย่อมกระตือรือร้นยิ่งกว่าเจ้าพวกหน้าเหม็นพวกนี้
มู่เถาเยาพูดแซวแบบที่เห็นได้ยาก “ทุกคนดูสดชื่นมากเลยนะคะ ไม่มีขี้เซาเลย”
“แน่นอนครับ!” อาคุนมีผิวคล้ำ ยิ้มทีเห็นฟันขาวเป็นพิเศษ
มู่เถาเยายิ้ม “เดิมทีพวกคุณไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ก็ได้”
“คุณหมอเทวดา ตื่นเวลานี้ปกติมากสำหรับพวกเราครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งยิ้มกว้างจนเห็นแต่ฟันไม่เห็นดวงตา
ในบรรดาพวกเขาถ้าไม่ได้เป็นทหารก็เป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพ การตื่นเช้าแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก
มู่เถาเยาพอใจมาก
สอนพวกเขาไม่เหมือนกับสอนคนในหมู่บ้านเถาหยวน
คนหมู่บ้านเถาหยวนเป็นชาวบ้านธรรมดา จึงไม่ตั้งเงื่อนไขอะไรกับพวกเขามาก เอาความสนใจของพวกเขาเป็นหลัก อยากฝึกก็ฝึก ไม่อยากฝึกจะหยุดตอนไหนก็ตามใจ
แม้จะไม่มีใครล้มเลิกกลางคัน แต่เธอไม่ตั้งเงื่อนไขกับพวกเขามากคือเรื่องจริง
แต่บอดี้การ์ดเหล่านี้ไม่เหมือนกัน เธอจะไม่เข้มงวดแบบชาวหมู่บ้านเถาหยวนไม่ได้
แต่ดูจากระดับความคลั่งไคล้ในวรยุทธ์ของพวกเขาแล้ว น่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
มู่เถาเยาพาทุกคนไปที่ข้างเรือนหลัก
ทางนี้เป็นด้านตะวันออก ด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
“ภาษิตหมัดมวยว่าไว้ ‘ขอรับสิบหมัดดีกว่าฝ่ามือเดียวไปพบยมบาล’ คำพูดนี้เป็นการบ่งบอกถึงความสำคัญของพลังฝ่ามือในการต่อสู้…กระบวนท่านี้มีชื่อว่า ‘ลักฟ้าสับเปลี่ยนสุริยัน’ มันสามารถแทนจริงด้วยเท็จ ใช้หยางรวมหยิน…”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของทุกคนยังไม่เหนื่อยล้า ถึงขั้นที่ยังอยากเรียนต่อ
“พวกคุณฝึกที่เรียนกับฉันเมื่อวานต่อ ต้องทำให้กำลังภายในแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นถ้าสลายไปก็เท่ากับฝึกสูญเปล่า”
“ครับ”
มู่เถาเยานำฝึกพลางอธิบาย
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว
ทุกคนเหงื่อท่วมตัว แต่กลับรู้สึกสดชื่น
คนตระกูลตี้ตื่นนอนเดินออกมากันแล้ว
เจ้าถุงลมน้อยเหมือนลูกนกที่ร่าเริง วิ่งมาหามู่เถาเยา
แต่มู่เถาเยาดันเขาไว้ในระยะที่ห่างกันหนึ่งศอก “อันเหยี่ย ตัวพี่สาวมีแต่เหงื่อ อย่าเข้ามาใกล้ มันเหม็นๆ”
“พี่สาวไม่เหม็น พี่สาวหอมฉุย”
เด็กน้อยไม่รังเกียจเลยสักนิด จับแขนพี่สาวแล้วเดินเข้าไปเกาะขา
อาคุนจงใจเดินเข้าไปแกล้งอันเหยี่ย “คุณชายน้อยๆ ดมผมดูสิว่าหอมไหม! ผมก็เหงื่อท่วมตัวเหมือนกัน น่าจะหอมฉุยเหมือนกันนะครับ!”
“ลุงอาคุณเหม็นโฉ่”
เจ้าถุงลมน้อยเบือนหน้าที่แสนจิ้มลิ้มไปอีกทาง ทำสีหน้ารังเกียจขาดก็แค่เอามืออุดจมูก
ทุกคนพากันหัวเราะเสียงดัง
มู่เถาเยาแกะเด็กน้อยออกจากต้นขาแล้วส่งให้คนชราทั้งสอง “อันเหยี่ย พี่สาวขอกลับไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะมากินข้าวเช้าด้วยนะ”
“ฮะ”
เจ้าถุงลมน้อยเชื่อฟังเป็นอย่างดี
มู่เถาเยาทักทายผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลตี้ รวมถึงตี้อู๋เปียน จากนั้นก็กลับตำหนักพระจันทร์พร้อม เหลียงจี