ตอนที่ 219 หลานเยี่ยจั๋ว
เวลาเช้าตรู่ตีห้า มู่เถาเยาฝึกวิชาพลังฝ่ามือให้พ่อบ้านจงหนึ่งชั่วโมงแล้วเหาะจากบ้านตระกูลตี้ไปยังเขาเซิ่งเย่ว์
ใช้เวลาสิบกว่านาทีเหาะไปถึงยอดเขา จากนั้นก็เริ่มหาสมุนไพรในแนวราบ
เขาเซิ่งเย่ว์เป็นป่าดงดิบที่ได้รับการอนุรักษ์มาตลอด ไม่ใช่พื้นที่ท่องเที่ยวที่ถูกพัฒนา
แม้ที่นี่จะไม่มีสัตว์ดุร้ายจำพวกสิงโต เสือ แต่สัตว์ป่าก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป
ป่าแห่งนี้มีอันตรายไม่มาก ดังนั้นอย่างจินเฉิงเจียงหรือคนที่ชอบทำกิจกรรมข้างนอกก็รวมกลุ่มมาขึ้นภูเขาลูกนี้ได้
แม้เขาเซิ่งเย่ว์จะไม่อาจเทียบชั้นกับป่าเซียนโหยว แต่ก็มีข้อได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก
โอบล้อมด้วยสี่เมือง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยคอนโดหรู
ดังนั้นมู่เถาเยาเหาะจากบ้านตระกูลตี้หรือตำหนักพระจันทร์ก็ไม่ต้องกลัวถูกคนเห็น อย่างไรเสียระยะห่างขนาดนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิด
เธอย้ายจากตรงนี้ไปตรงนั้นอย่างอารมณ์ดี
เมื่อสายลมพัดผ่าน มู่เถาเยาที่ประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นสมุนไพรมาแต่กำเนิดก็มีจุดหมายปลายทางให้มุ่งไปแล้ว
เธอเก็บสมุนไพรเร็วมาก แปดโมงตรงก็เก็บสมุนไพรที่ต้องการครบแล้ว เหาะกลับตำหนักพระจันทร์
คุยกับทุกคนเล็กน้อยแล้วขับรถไปโรงพยาบาลผิงคัง ยืมห้องปรุงยาทำยาเม็ดจากสมุนไพรสดใหม่
หลังจากทำยาเสร็จเธอก็ออกจากโรงพยาบาลผิงคังตรงไปบ้านศิษย์พี่หญิงห้า
หยวนเหยี่ยมาถึงแล้ว
อาจารย์อาเล็กกับภรรยา รวมถึงครอบครัวของศิษย์พี่คนอื่นๆ ก็อยู่กันหมด นอกจากนี้ยังมีมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน เหลียงจี ปาอิน
มู่เถาเยาไล่ทักทายตั้งแต่ผู้อาวุโสไปจนถึงเด็ก
หยวนเหยี่ยเรียกลูกศิษย์คนเล็กคนโปรดไปนั่งข้างๆ ด้วยความดีใจ
“เสี่ยวเยาเยา ได้ยินว่าเมื่อเช้าไปเก็บสมุนไพรมาเหรอ”
“ค่ะ พรุ่งนี้เช้าไปเก็บอีกรอบก็จะพอใช้หนึ่งเดือนแล้วค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้อาจารย์ไปด้วย”
“อาจารย์ใหญ่อุตส่าห์มาเย่ว์ตูทั้งที”
หยวนเหยี่ย “เมื่อก่อนอาจารย์ก็อยู่ที่เย่ว์ตู อะไรคืออุตส่าห์มาทั้งที”
“…ค่ะ งั้นอาจารย์ใหญ่ใช้เวลากับศิษย์พี่หญิงห้าให้มากๆ หลานเยี่ยจั๋วคิดถึงค่ะ”
หยวนเหยี่ยเขกหน้าผากเธอไปหนึ่งที แกล้งโมโห “ทำไม รังเกียจที่อาจารย์แก่แล้ว พึ่งไม่ได้ เลยเริ่มเอาเยี่ยจั๋วมาเป็นข้ออ้างเหรอ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ที่ไหนกันคะ! อาจารย์ของหนูเก่งจะตาย! ยังหนุ่มยังแน่น!”
มู่หว่านรีบพยักหน้า “ใช่ค่ะ! ปู่หยวนยังหนุ่มอยู่เลย!”
เจียงเฟิงเหมียนก็พยักหน้าหงึกๆ “เก่งมากด้วย!”
อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่หญิงห้า กู่ย่า หลี่อวี้เสวี่ย และคนอื่นๆ ต่างหัวเราะ
“ตอนบ่ายไปตำหนักพระจันทร์ไหมคะ อาจารย์ใหญ่ยังไม่เคยไปตำหนักพระจันทร์ หนูมีของดีจะให้ดูค่ะ”
“ของดีอะไรเหรอ พวกของโบราณหรืออย่างอื่นที่มีราคาเราเก็บไว้เป็นสมบัติตอนแต่งงานเถอะ อาจารย์ไม่จำเป็นต้องใช้”
ศิษย์พี่หญิงห้าหัวเราะ “อาจารย์คะ หนูกล้ารับรองเลยค่ะว่าอาจารย์ต้องชอบของที่เสี่ยวเยาเยาจะให้ดูแน่!”
กู่ย่า หลี่อวี้เสวี่ย อันเย่ว์ ต่างยิ้มพลางพยักหน้า
พวกของล้ำค่าที่เสี่ยวเยาเยาซื้อกลับมา สามีของพวกเธอแทบอยากเอาไปกอดนอนด้วย
ถ้าไม่ติดว่ากลัวตัวเองนอนทับหนังสือหรือทำเสียหาย พวกเขาคงเอาไปกอดนอนจริงๆ !
“ของอะไรกัน อาจารย์จะชอบแน่เหรอ” หยวนเหยี่ยชักสงสัยแล้ว
เดิมทีเขาก็ไม่ได้เป็นพวกบ้าสมบัติ ของจะแพงแค่ไหนก็สู้ตำรา…
“เสี่ยวเยาเยา ตำราแพทย์เหรอ หรือว่ายาโบราณ”
“เป็นตำราแพทย์ค่ะ มีอยู่เล่มหนึ่งชื่อต้นตอของโรค เขียนโดยบรรพบุรุษแพทย์แผนโบราณของพวกเรา”
“จริงเหรอ เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงมีหนังสือของบรรพบุรุษล่ะ ไปเอามาจากไหน” หยวนเหยี่ยตื่นเต้นจนเกือบกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กๆ !
“หนูไปได้มาจากเมืองโบราณของเย่ว์ตู ได้มาพร้อมโถสัมฤทธิ์ใบนั้นค่ะ”
“ไอ๊หยา ตั้งนานแล้วเพิ่งจะมาบอกอาจารย์! ทำกันได้ลงคอ!”
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มพูด “พวกเราปรึกษากันแล้วค่ะว่าจะเอาหนังสือไปให้อาจารย์เก็บรักษาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ระยะนี้พวกเราก็เลยเอามาคัดลอกก่อนค่ะ”
หยวนเหยี่ยพูดด้วยความร้อนใจ “งั้นพวกเธอคัดลอกเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วอาจารย์จะเอากลับไป!”
อาจารย์อาเล็กกับพวกผู้หญิงพากันหัวเราะ แม้แต่มู่เถาเยาก็อดขำไม่ได้
“อาจารย์ใหญ่คะ พรุ่งนี้อาจารย์กลับไปจะให้เอาไปด้วยค่ะ อาจารย์ค่อยๆ อ่านนะคะ”
“ได้ๆๆ! ลูกศิษย์คนเล็กของฉันกตัญญูที่สุดเลย!”
ศิษย์พี่หญิงห้าไม่ยอม “อาจารย์ลำเอียงแล้วนะคะ!”
“ก็ได้ ลูกศิษย์คนที่ห้าของฉันก็เป็นคนกตัญญูมากเหมือนกัน”
ทุกคนพากันหัวเราะ
พวกผู้ชายที่อยู่ในห้องครัวได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เฉิงหรานวิ่งออกมาดู
“มีอะไรเหรอ”
หยวนเหยี่ยส่ายมือ “รีบไปทำกับข้าวสิ กินเสร็จแล้วฉันจะไปตำหนักพระจันทร์”
“ไหนอาจารย์บอกว่าจะค้างที่บ้านศิษย์น้องห้าไงครับ”
“กินข้าวเย็นเสร็จค่อยกลับมา”
“อาจารย์คะ ไม่งั้นก็ค้างที่ตำหนักพระจันทร์ไปเลยดีกว่า หนูกับเยี่ยหนานเฉินไปหาที่นู่นก็ได้ค่ะ ยังไงพรุ่งนี้อาจารย์ก็ต้องขึ้นเครื่องบินกลับที่ตำหนักพระจันทร์อยู่แล้ว” ศิษย์พี่หญิงห้าไม่อยากให้คนแก่เทียวไปเทียวมา
“ร่างกายเธอไหวรึ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ไม่ได้อาเจียนหนักแล้ว หนูยังไปทำงานได้ด้วยนะคะ แล้วทำไมจะไปตำหนักพระจันทร์ไม่ได้”
“ก็ได้ งั้นอย่าขับรถเองล่ะ”
“ค่ะ หนูไม่ค่อยขับรถเอง ขนาดตอนก่อนท้องก็ยังให้เยี่ยหนานเฉินไปรับไปส่ง”
“ตามนั้น”
เฉิงหรานกลับเข้าห้องครัวทำกับข้าวต่อ
สามสาวมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน ปาอิน ก็ตามไปช่วยด้วย หลักๆ คือช่วยวางพวกชาม ตะเกียบ
ในห้องครัวมีคุณพ่อวัยกลางคนทั้งสามประกอบด้วยเฉิงหราน เยี่ยหนานเฉิน เว่ยฉางหย่วน และยังมีเฉิงอันนั่ว จำเป็นต้องให้เด็กๆ มาช่วยที่ไหนกัน
ไม่นานอาหารกลางวันแบบจัดเต็มก็ถูกนำขึ้นโต๊ะ
เนื่องจากกินเสร็จต้องขับรถไปตำหนักพระจันทร์ ทุกคนก็เลยไม่แตะเหล้า
กินอาหารกลางวันเสร็จ ทำความสะอาดห้องครัว ทุกคนก็พากันไปตำหนักพระจันทร์ยกเว้นศิษย์พี่หญิงห้าที่ต้องนอนกลางวันกับเยี่ยหนานเฉินที่อีกเดี๋ยวต้องขับรถให้เธอ
มู่เถาเยาขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหอบหนังสือลงมาวางตรงหน้าหยวนเหยี่ย” เดี๋ยวหนูขอเอายาไปให้พวกอาซานที่บ้านตระกูลตี้ก่อนนะคะอาจารย์ใหญ่”
“ไปเถอะ”
“ค่ะ”
พอมู่เถาเยาออกไปแล้วเหลียงจีก็พูดขึ้น “ขอออกไปจ่ายตลาดนะคะ”
ปาอิน “หนูไปกับพี่เหลียงจีด้วย”
เฉิงอันนั่ว “เดี๋ยวผมขับรถกับหิ้วของให้”
หยวนเหยี่ยส่ายมือไล่ “ไปเถอะๆ”
ทั้งสามคนออกจากบ้าน
มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนไม่สนใจพวกตำราแพทย์ ก็เลยวิ่งขึ้นวิ่งลงเข้าออกทำน้ำผลไม้ เสิร์ฟขนม คอยบริการผู้ใหญ่…เหมือนผึ้งงานสองตัวที่ขยันขันแข็ง
หยวนเหยี่ยตาลาย
“พวกเธอไปเล่นข้างบนหรือข้างนอกก็ได้ พวกเราไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอมาเฝ้าหรอก” เขาจะอ่านหนังสือ!
อาจารย์อาเล็กก็พูดด้วย “ไปเถอะๆ ไปหาที่นั่งกินขนมคุยเล่น หรือจะนอนกลางวันก็ได้ แค่อย่าเดินไปเดินมาตรงหน้าพวกเรา”
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยรีบดึงเด็กสาวสองคนไปที่หน้าบันได พูดกึ่งไล่ “สองคนขึ้นไปเล่นข้างบนเถอะ ตรงนี้มีพวกแม่อยู่”
เด็กสาวสองคนมองตามหลังผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วมองหน้ากัน
มู่หว่าน “พวกเราถูกรังเกียจเหรอ”
เจียงเฟิงเหมียน “เหมือนจะใช่นะ”
“งั้นพวกเราไปแทะเม็ดแตงคุยเล่นบนดาดฟ้าดีกว่า เดี๋ยวเสี่ยวเยาเยากลับมาพวกเราค่อยลงมาเล่นด้วย”
“เอาสิ”
เด็กสาวทั้งสองเลยพากันไปนั่งเล่นที่ชั้นบน
ตอนต่อไป