ตอนที่ 264 แพ้ตั้งแต่เริ่ม
วันต่อมาหลังจากฝึกยุทธ์เสร็จทุกคนก็ช่วยย่าลู่ทำอาหารเช้า
วันนี้ต้องทำค่อนข้างเยอะ เพราะทุกคนต้องพกอาหารกลางวันขึ้นเขา
ซึ่งก็มีแต่พวกอาหารที่พกพาสะดวกอย่างมันเทศ เผือก ข้าวโพด แป้งทอดฟักทอง มันสำปะหลัง เป็นต้น
มู่เถาเยาช่วยงานในครัวไม่ไหวจึงพาแม่ลู่ช่วยเอาสมุนไพรที่เมื่อวานทุกคนเก็บมาไปตาก
“คุณน้าคะ เดี๋ยวพวกเราจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร อีกสองสามวันถึงจะกลับ คุณน้าอยู่บ้านกับย่าลู่ช่วยพวกเราพลิกตากสมุนไพรได้ไหมคะ”
แม่ลู่ทิ้งสมุนไพรในมือไปจับมู่เถาเยา “เจ้าหญิงน้อยไม่ไปนะ”
“ไม่ได้ไปไหนค่ะ แค่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เดี๋ยวก็กลับมาอีก”
แม่ลู่อารมณ์ไม่ดี
“คุณน้าดูสิคะ ในห้องชั้นสามยังมีของของหนูอยู่ ยังต้องกลับมาอีกแน่นอนค่ะ”
“ฉันก็จะไปเก็บสมุนไพรด้วย”
“…คุณน้าไม่ช่วยหนูตากสมุนไพรแล้วเหรอคะ”
“แม่ตาก”
แม่ลู่ชี้ไปทางห้องครัว
“ย่าลู่อายุเยอะแล้ว ต้องให้คุณน้าช่วยอีกแรงนะคะ…”
มู่เถาเยาพูดจนน้ำลายจะเหือดแห้งแล้ว สุดท้ายได้แต่มองแม่ลู่ตาปริบๆ
เธอคุยกับแม่ลู่ไม่ต่างจากคุยกับพวกเด็กๆ อย่างเจ้าถุงลมน้อยเท่าไร
แต่แม่ลู่ก็ไม่เหมือนพวกเจ้าถุงลมน้อย
ในความทรงจำของแม่ลู่มีแค่เจ้าหญิงน้อย เธอกลัวมากว่าเจ้าหญิงน้อยของตัวเองจะหายไป ส่วนเจ้าถุงลมน้อยแม้จะเด็ก แต่กลับรู้ประสาว่ามู่เถาเยาไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ได้เจอหน้ากันก็ปกติ
ความคิดตีกันยุ่งเหยิงอยู่นาน สุดท้ายแม่ลู่ก็ฝืนใจรับปาก แต่ต้องเกี่ยวก้อย
มู่เถาเยาไม่มีความรำคาญเลยสักนิด แม่ลู่จะเอายังไงก็เอา
“เจ้าหญิงน้อยไม่ไป”
“ค่ะ พวกเราจะกลับมา แล้วจะเอาผลไม้ป่ามาฝากคุณน้าด้วยค่ะ”
ในเขามีรูบัส ส้มแขก บลูเบอร์รี่สายน้ำผึ้ง ชิแซนดร้าเบอร์รี่ เป็นต้น เป็นผลไม้ป่าชั้นดีทั้งนั้น
อย่างรูบัสมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับไต บำรุงหยาง บำรุงสายตา
ส้มแขกช่วยบำรุงปอด ดับกระหาย รสชาติดี มีปริมาณน้ำเยอะ ช่วยในการนอนหลับ เปลือกยังเอาไปทำยาได้ ช่วยลดการอักเสบ
แอนโทไซยานินที่อยู่ในบลูเบอร์รี่สายน้ำผึ้งเป็นสิบสามเท่าของบลูเบอร์รี่ทั่วไป ลดความดันได้ ช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว อัตรารักษาอาการเบื่ออาหารในเด็กสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ชิแซนดร้าเบอร์รี่หรือองุ่นป่า ผลใสวาว แต่ละเม็ดเหมือนอัญมณีทับทิม
ส่วนสรรพคุณของมัน ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้เรียนหมอก็รู้
คนทั่วไปกินผลไม้ป่ากินเอาแค่รสชาติของมัน แต่พวกมู่เถาเยาไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญกับรสชาติ ยังมองเรื่องสรรพคุณด้วย
ส้มแขกช่วยให้สมาธิดี เหมาะเอาให้แม่ลู่กินอย่างยิ่ง
บลูเบอร์รี่สายน้ำผึ้งเหมาะให้ย่าลู่กิน เพราะย่าลู่ความดันโลหิตค่อนข้างสูง
ผลรูบัสเหมาะเอาให้ลู่หันซู เพราะเธอขี้หนาว ไตไม่ค่อยดี
“เจ้าหญิงน้อย กินผลไม้”
แม่ลู่ชอบกินผลไม้มาก
ต่อให้มีแผลเป็นทั้งตัวก็มองออกว่าเดิมทีผิวพรรณของเธอขาวเนียนมาก
ไม่เพียงแต่ลู่หันซูจะมีดวงตาหงส์เหมือนแม่ ยังสืบทอดพันธุกรรมผิวพรรณดีมาอีกด้วย
“ค่ะ พวกเราจะเอาผลไม้กลับมาฝากคุณน้าเยอะๆ นะคะ”
“อือ”
ทั้งสองคนเพิ่งตากสมุนไพรเสร็จลู่หันซูก็มาเรียกไปกินข้าว
กินอาหารเช้าที่แสนหลากหลายเสร็จ พวกเฉิงอันนั่ว ปาอิน พ่อบ้านจง ก็ช่วยย่าลู่ทำอาหารกลางวันของทุกคน
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน เหลียงจี กำลังตรวจดูเต็นท์ อุปกรณ์ให้แสงสว่าง น้ำดื่ม ของกินเล่น เป็นต้น
นี่เป็นของที่เมื่อวานเย็นน้าเล็กอวิ๋นให้คนดูแลของโรงแรมเอามาส่งด้วยตัวเอง
เดิมทีศิษย์กับอาจารย์คู่นี้ไม่ได้ต้องการของพวกนี้ แต่มีลู่หันซูเพิ่มเข้ามา เอาเต็นท์ไปด้วยจะดีกว่า
เต็นท์เดี่ยวสามชุดต่างสีกัน น้ำหนักไม่เกินหนึ่งกิโลกรัม เบามาก แบกขึ้นเขาก็ไม่เป็นภาระเท่าไร
เพียงแต่ยังต้องพกอาหาร เข่งใบน้อย กล่องยา อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เสื้อผ้า น้ำ กระดาษทิชชู่ และอื่นๆ ของก็เลยดูมีเยอะมาก
ในหุบเขาย่อมมีหนองน้ำ น้ำตก ลำธาร ซักผ้าได้ แต่หลักๆ ที่พวกเธอเอาเสื้อผ้าไปก็เพื่อกันเสื้อผ้าฉีกขาดจะได้มีเปลี่ยน
ส่วนเรื่องอาบน้ำ มีที่เหมาะๆ ก็อาบ ไม่มีก็อดทนแค่ไม่กี่วัน
อยู่ในป่าจะเรื่องมากไม่ได้
“อาจารย์ลู่ส่งมาให้หนูถือเยอะหน่อยได้ค่ะ”
ลู่หันซูแบกแค่เต็นท์ น้ำดื่ม และเสื้อผ้าของตัวเอง ส่วนของกิน เข่ง กล่องยา เสียมขุด และอื่นๆ อยู่ที่มู่เถาเยากับลู่จือฉินหมด
“หันซู ตอนนี้เธอแบกยังรู้สึกสบายอยู่ แต่นานเข้าจะเหนื่อย อาจารย์กับเสี่ยวเยาเยาแรงเยอะ เธอเองก็เคยเห็น น้ำหนักแค่นี้สบายมาก”
กล่องยา เสียมขุด ของกิน รวมถึงเสื้อผ้าของสองคนอยู่ในเข่งที่มู่เถาเยาสะพาย ส่วนเต็นท์ทั้งสองอยู่ที่ลู่จือฉิน
สองมือของลู่จือฉินยังถือน้ำดื่มของตัวเองกับมู่เถาเยา
มู่เถาเยาทำมือให้ว่างไว้เพราะมือซ้ายต้องจับลู่หันซูเหาะ มือขวาว่างไว้เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจะได้รับมือได้ทันเวลา
ต่อให้เทือกเขาเหล่านี้จะไม่มีอันตรายเท่าไร แต่การระวังตัวไว้ตลอดเวลาก็จำเป็นมาก
ทุกคนเตรียมพร้อมออกเดินทาง ยังคงเข้าจากทางด้านหลังบ้านครอบครัวลู่
เดินขึ้นเขาไปได้ประมาณสามสิบนาที เมื่อแน่ใจว่าโดยรอบไม่มีคนแล้ว มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็พยักหน้าให้กัน จากนั้นลู่จือฉินก็กระโดดไปยืนบนยอดต้นไม้
ลู่หันซู “…”
เตรียมใจมาแล้วก็เรื่องหนึ่ง แต่เห็นกับตามันก็อีกเรื่องหนึ่ง
มู่เถาเยาคล้องข้อศอกของลู่หันซูไว้ “พร้อมหรือยัง”
ลู่หันซูพยักหน้าอย่างเกร็งๆ
“ถ้ากลัวก็หลับตาไว้นะ”
ลู่หันซูส่ายหน้า
เธอไม่ได้กลัว แค่คาดไม่ถึง
วิชาตัวเบาที่เห็นได้แค่ในนิยายหรือในโทรทัศน์มันกลับมีอยู่จริง!
มู่เถาเยาพาลู่หันซูเหาะขึ้น ตามลู่จือฉินไป
เมื่อเสียงน้ำไหลของแม่น้ำสายเขียวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อาจารย์กับศิษย์ก็ลงสู่พื้น
ลู่หันซูได้สัมผัสกับเครื่องบินมนุษย์ ตะลึงจนไม่อาจหาคำไหนมาบรรยายได้
“เสี่ยวมู่ เธอเริ่มเรียนวิทยายุทธตั้งแต่กี่ขวบเหรอ”
“ตั้งแต่เดินได้”
ลู่หันซู “…”
ก็ได้ เธอแพ้ตั้งแต่จุดเริ่มแล้ว
“ถ้าเธออยากเรียนก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ลุงจงตามมาที่นี่ด้วยก็เพราะฉันกำลังสอนวิชาพลังฝ่ามือให้เขาอยู่ จะขาดช่วงไม่ได้ ฉันไปไหนเขาก็เลยต้องตามไปด้วย หันซู ร่างกายของเธอก็เหมาะแก่การเรียนวิทยายุทธนะ”
ลู่หันซูมีสายเลือดเผ่าหมาป่าพระจันทร์ สภาพร่างกายย่อมไม่ด้อย
ความเร็วของคนเผ่าหมาป่าพระจันทร์เร็วกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่กลัวตก คนจำนวนมากขี่ม้าไล่ตามก็ยังสู้วิชาตัวเบาไม่ได้
ลู่หันซูเงียบไปสักพักแล้วพูด “เทอมหน้าฉันจะพักการเรียนก่อน อีกครึ่งปี…ถ้าอาจารย์ลู่ไม่รังเกียจ หนูอยากฝากตัวเป็นศิษย์ ย่าบอกว่าอยากไปอยู่กับคุณอาที่เจียงตูระยะหนึ่ง”
เมื่อคืนสองย่าหลานคุยกันเข้าใจแล้ว ไม่ว่าอีกครึ่งปีให้หลังแม่จะยังอยู่หรือไม่ เธอก็อยากฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ลู่ พร้อมทั้งย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
ย่ากลัวเธอจะไม่มีสมาธิเรียน ถึงได้อยากไปเจียงตู
อันที่จริงย่าไม่ชอบเมืองใหญ่ อยู่เมืองใหญ่ไม่อิสระเท่าอยู่บ้าน
ลู่จือฉินยิ้มมองอย่างเอ็นดู “เธอเป็นเด็กดี มีเธอเป็นศิษย์ก็คือโอกาสดีของอาจารย์”
ตอนนี้มีอาจารย์ชื่อดังมากมายที่อยากได้ลู่หันซูไปเป็นศิษย์
แต่เธอรับศิษย์ก็เลือกเหมือนกัน ต้องถูกชะตากันทั้งสองฝ่าย เงื่อนไขสอดคล้องประจวบเหมาะถึงจะตกลง
“อาจารย์ลู่คะ ได้เรียนรู้จากอาจารย์ถือเป็นเกียรติของหนูค่ะ”
ลู่หันซูยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง