ตอนที่ 267 จะเดินไปได้ไกล
พวกมู่เถาเยาสามคนตามหาหญ้าร้อยรสและดอกพันวันอยู่ในภูเขากันหลายวัน สุดท้ายก็ยังคงกลับมือเปล่า
ภูเขานี้กินพื้นที่ขนาดใหญ่ก็จริง แต่กลับไม่พบสมุนไพรแปลกๆ แม้แต่น้อย สมุนไพรล้ำค่า และสมุนไพรหายากที่ขุดได้ก็เป็นแบบที่หมอทุกคนรู้จัก ไม่ใช่สมุนไพรวิเศษแบบที่ปรากฏในตำราโบราณหรือตำนาน
ก็จริง ถึงแม้ที่นี่จะมีสัตว์ป่าเยอะ แต่กลับไม่มีแบบที่ตัวใหญ่มากและเป็นอันตราย ยิ่งไม่ต้องคิดเรื่องสมุนไพรแปลกๆ เลย โสม หลิงจือ มีบ้าง แต่น้อยมาก ถ้าเจอที่อายุร้อยปีก็ถือว่าดวงดีมากแล้ว อายุพันปีอย่าไปคิด
แต่ครั้งนี้พวกเธอหาไม่เจอก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี อย่างไรเสียพื้นที่ก็ใหญ่มาก ไม่มีทางที่จะเดินได้ทุกซอกทุกมุม
ลู่หันซูอารมณ์ดิ่งอย่างเห็นได้ชัด
ย่าลู่เห็นสีหน้าของหลานสาวก็เข้าใจแล้ว
เฮ้อ นี่แหละนะโชคชะตา
คนเดียวในตอนนี้ที่ยังมีความสุขได้ก็คือแม่ลู่แล้ว
กินผลไม้ป่าที่พวกมู่เถาเยาหอบกลับมาอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าก็มีชีวิตชีวา
ทุกคนเริ่มซึมซับอารมณ์จากเธออย่างช้าๆ
ย่าลู่กับลู่หันซูก็มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
ช่างเถอะ
พวกเธอก็เตรียมใจเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ
มู่เถาเยามองแม่ลู่ที่กำลังอารมณ์ดีอยู่สักพักก็พูดกับสองย่าหลาน “พรุ่งนี้เช้าหลังจากฝังเข็มลบความทรงจำให้คุณน้าแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ตอนบ่ายพวกเราจะกลับเมืองเย่ว์ตู วันอาทิตย์หนูยังมีคนไข้อีกค่ะ”
ลู่หันซูพยักหน้าแล้วพูด “ค่ะ จริงสิ ย่าคะ หนูฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ลู่แล้ว เดี๋ยวหนูจะย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูด้วยค่ะ”
“ดีๆๆ พรุ่งนี้เช้าก็ทำพิธีคารวะอาจารย์เลยนะ” รอยยิ้มของย่าลู่กว้างขึ้นมาก
เธอกลัวจริงๆ ว่าอาการป่วยของคนแก่อย่างพวกเธอจะถ่วงอนาคตของหลานสาว
ลู่จือฉินยิ้มบาง “คุณน้าคะ ครึ่งปีนี้ให้หันซูอยู่เป็นเพื่อนแม่ไปก่อน พอย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยเย่ว์ตูก็ไปพักกับฉัน ถ้าคุณน้าไม่วางใจ จะพาแม่หันซูไปพักกับพวกเราก็ได้นะคะ”
ย่าลู่ส่ายมือแล้วพูด “เสี่ยวซูติดตามอาจารย์กับศิษย์พี่ ย่าไม่มีอะไรไม่วางใจ ก็แค่ต้องรบกวนอาจารย์กับศิษย์พี่ดูแลเสี่ยวซูแล้ว”
ในบ้านมีโสมพันปีกับหลิงจือพันปีอย่างละหนึ่ง โสมเอาไว้เป็นของขวัญฝากตัวเป็นลูกศิษย์ในวันพรุ่งนี้ ส่วนหลิงจือจะเอาไปขายเป็นเงินให้หลานสาวไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าเรียนในช่วงหลายปีนี้
อีกไม่กี่ปีพอหลานสาวทำงานก็หมดห่วงแล้ว
มู่เถาเยายิ้มพูด “ศิษย์น้องโตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องการให้พวกเราดูแลหรอกค่ะ แต่ว่าตอนเรียนจะยุ่งมาก ไม่สู้ย่าลู่พาคุณน้าไปอยู่ด้วยกันที่เย่ว์ตู”
พวกปาอินก็พยักหน้า
“ย่ายังแข็งแรงอยู่ ดูแลตัวเองกับแม่หันซูได้ไม่มีปัญหา”
ทุกคนต่างเลี่ยงไม่พูดเรื่องที่ว่าอีกครึ่งปีแม่ลู่ยังจะอยู่หรือไม่
“ฉันดูแลเจ้าหญิงน้อย” แม่ลู่ยิ้ม หางตายกขึ้น งดงามมาก
มู่เถาเยาลูบผมสั้นตรงคอของแม่ลู่
ลืมหมดทุกอย่าง จำได้แค่เจ้าหญิงน้อย
ย่าลู่ยิ้มตามลูกสะใภ้อยู่สักพัก “ทุกคนนั่งพักก่อนนะ ย่าจะไปทำอาหารเย็น”
“ผมช่วยครับย่าลู่”
เฉิงอันนั่วกับพวกปาอินพากันลุกขึ้น
“พวกเธอเดินเขากันตั้งหลายวัน เดิมทีก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว พักผ่อนกันเถอะนะ อย่างมากชั่วโมงเดียวย่าก็ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว”
เธอเตรียมวัตถุดิบไว้ตั้งแต่ตื่นจากนอนตอนบ่ายแล้ว
พ่อบ้านจงยิ้มพูด “ผมกับเหลียงจีไปช่วยเอง พวกคุณจัดการกับพวกสมุนไพรที่หามาได้หลายวันนี้ดีไหมครับ”
ทุกคนพยักหน้า
หลายวันมานี้ทุกคนขุดสมุนไพรล้ำค่ามาได้จำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโสม สือหู เทียนหมา เป็นต้น
พวกปาอินต่างคิดเหมือนกันโดยไม่ต้องพูดออกมา ต้องการยกสมุนไพรที่ตัวเองเก็บได้ให้ย่าลู่ เพื่อเป็นค่าอาหารและค่าที่พักตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ให้เงินดูจะไม่เหมาะ โดยเฉพาะหลังจากที่ลู่หันซูฝากตัวเป็นศิษย์กับลู่จือฉินแล้ว
สมุนไพรเหล่านี้ล้ำค่าก็จริง แต่ปริมาณไม่เยอะ ดูเหมาะสมพอดี
เข่งที่มู่เถาเยาสะพายถูกบรรจุมาเต็ม ย่าลู่กับลู่หันซูไม่มีทางเอา แต่เธอก็มีเหตุผลที่จะให้อีกฝ่ายรับไว้
เดิมทีสมุนไพรเข่งนี้ก็มาจากทั้งสามคนช่วยกันขุด ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่โบราณกาลมา ศิษย์พี่ต้องให้ของขวัญแก่ศิษย์น้องที่เพิ่งเข้าสำนัก
พวกเธอเรียนแพทย์ ให้สมุนไพรก็เหมาะที่สุดแล้ว!
ส่วนของขวัญฝากตัวเป็นศิษย์ที่ต้องให้อาจารย์ มู่เถาเยากับลู่จือฉินรู้ใจกัน อยากได้โถดอกท้อที่ทำจากสัมฤทธิ์
หนึ่งคือ โถสัมฤทธิ์อยู่ที่บ้านครอบครัวลู่ มีความปลอดภัยในระยะเวลาสั้นๆ แต่ถ้านานเข้า…เกิดความยุ่งยากขึ้นแน่นอน
สองคือ ขอโถสัมฤทธิ์ไป วันหน้าก็ต้องตกทอดให้ลู่หันซู เท่ากับว่าช่วยครอบครัวลู่เก็บรักษาเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น
มู่เถาเยา “ศิษย์น้อง แล้วจะเดินทางไปเจียงตูกันเมื่อไรเหรอ”
“อีกไม่กี่วันค่ะ”
“บ้านคุณอาของเธอสะดวกให้พักหรือเปล่า” ถ้าไม่สะดวกเธอมีบ้านอยู่ที่เจียงตู
“สะดวกค่ะ คุณอา อาเขย แล้วก็น้องชายฉันอัธยาศัยดี พวกเขาฐานะดีด้วย ใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจารย์กับศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพยักหน้า
“อืม งั้นรอมีความคืบหน้าอะไรศิษย์พี่จะโทรบอกนะ”
แม้จะแน่ใจแล้วว่าแม่ลู่ก็คือเหมียวอวี้ แต่ก็ยังคงต้องตรวจดีเอ็นเอของเหมียวฉีกับเหมียวอวี้
สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มีรหัสพันธุกรรมร่วมกัน
แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่พ่อเดียวกัน ดังนั้นต่อให้มีรหัสพันธุกรรมร่วมกันก็ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จึงต้องรอเธอไปที่เผ่าแล้วตรวจดีเอ็นเอของเหมียวอวี้กับพ่อ
“ได้ค่ะ ฉันจะรอนะคะศิษย์พี่”
“ต่อไปไม่ต้องพูดเกรงใจขนาดนี้ อีกทั้งนี่ก็คนกันเองทั้งนั้น”
“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะถอนผมของแม่มาให้”
“อืม”
เฉิงอันนั่วขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็มองมู่เถาเยา เดี๋ยวก็มองลู่หันซู
เขาแอบไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติของอาจารย์อาเล็กเท่าไร
ทำไมถึงบอกตัวตนของตัวเองให้ลู่หันซูรู้ตั้งแต่ตอนนี้
ต่อให้มีอาจารย์คนเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่ถือว่าคุ้นเคยกับลู่หันซูหรือเปล่า
ทำไมความระแวดระวังของอาจารย์อาเล็กถึงได้ต่ำลงขนาดนี้
เอ่อ…แต่เขาก็ควรเชื่อสายตาของอาจารย์อาเล็ก
ปาอินยิ้มพูด “เสี่ยวซู ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยแล้วนะ ว่างๆ ก็มาเรียนมาเล่นด้วยกัน จริงสิ เธอย้ายมาเข้าสาขาแพทย์แผนโบราณของพวกเราใช่ไหม”
ลู่หันซูพยักหน้า “อืม ช่วยชี้แนะด้วย”
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอาจารย์กับศิษย์พี่เล่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวให้เธอฟังหมดแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าปาอินเป็นทายาทสายตรงของตระกูลปาแห่งเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ปาอินยิ้มดวงตาโค้งมน “ไม่กล้าชี้แนะหรอก เรียนไปด้วยกันแหละเนอะ”
“จ้ะ”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินยิ้มบางไม่พูด
พวกเธอรู้สึกดีกับลู่หันซูแบบไม่ธรรมดา
เด็กคนนี้ความตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยปล่อยให้สิ่งนอกกายมาพาจิตใจไขว้เขว ยิ่งไปกว่านั้นไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกันที่เปลี่ยนใจบ่อย
คนแบบนี้จะเดินไปได้ไกล
ยกสำนักแพทย์เทวดาให้ พวกเธอสบายใจได้
ไม่ต้องการให้ขยับขยายใหญ่โต แค่อย่าขาดผู้สืบทอดเป็นพอ
สำนักแพทย์เทวดาไม่เคยเน้นเรื่องผลประโยชน์ เน้นการปฏิบัติจริง แนวทางเดียวกับสำนักแพทย์โบราณ
สำนักแพทย์โบราณชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เล่าลือกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่ใช่เพราะพวกเขาจ่ายเงินทำการโฆษณาแต่อย่างใด
มู่เถาเยา “ไม่งั้นฉันขอให้อาจารย์อาเล็กจัดให้อยู่คลาสเดียวกับเสี่ยวอินดีไหม เจียงเย่ว์ก็อยู่ด้วยพอดี”
ชนะเลิศในการประกวดทักษะทางการแพทย์ระดับโลก ไม่ต้องทำการทดสอบอีกครั้งแล้ว ไปอยู่คลาสนักศึกษาปริญญาโทยังได้
“ความรู้พื้นฐานฉันยังไม่แน่นพอ” ลู่หันซูลังเล
“เสี่ยวอินความรู้พื้นฐานแน่นมาก ก็แค่ยังขาดประสบการณ์ในด้านปฏิบัติ พวกเธอพรสวรรค์สูงทั้งคู่ เติมเต็มให้กันได้พอดี”
ปาอินตบมือหนึ่งฉาด พูดด้วยความดีใจ “เสี่ยวซูรีบย้ายมาเรียนนะ!”
“อื้อ”